หลังมีรายงานว่า มิตติ ติยะไพรัช ประธานสโมสรคนหนุ่มเตรียมวางมือจากตำแหน่ง

แม้จะยังไม่มีถ้อยคำแถลงอย่างเป็นทางการจากปาก “บิ๊กฮั่น” หรือสโมสร ทว่าการที่เจ้าตัวมีชื่อเป็น เลขาธิการ พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น ก็แทบบอกเป็นนัยๆว่า เก้าอี้ใหญ่ “กว่างโซ้งมหาภัย” เตรียมเปลี่ยนผ่านอย่างทางการ

ประเด็นนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน และอาจบั่นทอนหัวใจแฟน สิงห์ เชียงรายฯ เมื่อกราฟของทีมกำลังพุ่งขึ้น จากผลงานหยิบโทรฟี่ 3 ใบ ในซีซั่นที่ผ่านมา แต่ขุนพลหลักที่บู๊ร่วมกับทีมมาตลอด กำลังจะลงจากตำแหน่ง

อีกทั้งบทบาทที่ มิตติ ได้รับใน ไทยรักษาชาติคือ เลขาธิการพรรค เป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างใหญ่ เพราะต้องจัดการรายละเอียดทุกอย่างในพรรค เรื่องของ “เวลา” หากยังดำรงตำแหน่งกับ เชียงรายฯ พร้อมเล่นการเมืองไปด้วย ย่อมไม่เหมาะสมแน่นอน

กอปรกับ มิตติ ติยะไพรัช โตมาบนเส้นทางการเมืองเปื้อนลูกหนังเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  เพียงแต่ช่วงที่ผ่านมาเกิดสุญญากาศทางการเมืองเท่านั้น!!

เมื่อเสียงกริ่งทางการเมืองดัง ยงยุทธ ติยะไพรัช ฝ่ายพ่อกระโจนลงสนามการเมืองอีกครั้งในนาม พรรคเพื่อชาติ (พรรคของ สงคราม เลิศกิจไพโรจน์ เจ้าของอิมพิเรียล สำโรง)

ขณะที่คนรุ่นลูกอย่าง “ฮั่น” ถูกวางเป็นเลขาธิการพรรค ทษช. ในฐานะตัวแทนกลุ่มคนรุ่นใหม่ฝ่ายประชาธิปไตย (พรรคลูกของเพื่อไทย)   

ทุกอย่างถูกวางพลอตไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว

ยังไม่นับรวมถึงผู้ใหญ่ในสโมสรไทยลีก 1 และ ไทยลีก 2 คนอื่นๆ ที่เตรียมกระโดดลงเลือกตั้งทางการเมืองหนนี้เช่นกัน ฉะนั้น มิตติ ติยะไพรัช ไม่เพียงคนเดียว ที่ทำเช่นนี้แน่นอน

คำถามที่หลายคนตั้งคือ ทำไมนักการเมืองต้องเข้ามาจับหรือยุ่งอะไรกับฟุตบอลด้วย ?

คำตอบจากผู้เขียนคือ หากนักการเมืองไม่เข้ามายุ่ง แล้วใครล่ะ จะมารับหน้าที่นี้ ?

เราอยู่ในประเทศที่ลีกฟุตบอลไทยเพิ่งก้าวกระโดด และนักธุรกิจส่วนใหญ่ มักมองถึงผลลัพธ์เป็นอันดับแรก พวกเขาสนเพียงว่าฟุตบอลจะสร้างเม็ดเงินให้เขาได้มากเท่าไหร่แค่นั้น หากทำแล้วขาดทุน จะลงมาจับให้เมื่อยไปทำไม

ตรงกันข้ามกับนักการเมืองที่มีมุมมองว่า การลงทุนอะไรลงไป ต้องได้ผลตอบแทนกลับมาดีงาม

การยอมเจ็บเนื้อ เจียดเม็ดเงินบางส่วน เพื่อแลกกับความนิยม ต่อยอดไปสู่อำนาจทางการเมือง คือการลงทุนที่คุ้มค่า

แต่ มิตติ ติยะไพรัช คือคนที่ต่างออกไป

ช่วงที่ผ่านมา “ฮั่น” ได้พิสูจน์ตัวเองในบทบาทนายใหญ่ทีมแล้วว่า เขาทุ่มเท และใส่ทุกอย่างลงไปกับ สิงห์ เชียงรายฯ มากแค่ไหน เป็นอีกหนึ่งคนหนุ่มที่เข้ามาเขย่าวงการฟุตบอล ร่วมเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้สโมสรบ้านเกิด ช่วยเสกรอยยิ้มเปื้อนหน้าให้ชาวเชียงรายมาตลอด

เพียงแต่วันนี้ มิตติ กำลังกลับสู่ “อาชีพ” จริงๆของเขาก็เท่านั้น  

น่าสนใจว่า กราฟลูกหนัง สิงห์ เชียงรายฯ ในปีหน้าจะไปในทิศทางไหน ?

ความเป็นจริงที่พบโมงยามปัจจุบันคือ หลังคว้า “ทริเปิ้ลแชมป์” มาครองในปีนี้ เชียงรายฯ ยังแทบไม่มีสัญญาณที่จะโมดิฟายเครื่องให้แรงขึ้นในฤดูกาลหน้าสักนิด กับภารกิจในเวทีระดับเอเชีย

ตรงข้ามกับทีมคว้าตั๋วไปเล่นอย่าง ทรู แบงค็อกฯ พวกเขาเสริมทัพเปิดตัวผู้เล่นระดับดีกรีทีมชาติมากมาย แต่ “กว่างโซ้งมหาภัย” ปล่อยทั้ง ฉัตรชัย บุตรพรม (บีจี ปทุมฯ) และ วิคเตอร์ การ์โดโซ (พีทีที ระยอง) ผู้รักษาประตู และ แนวรับที่ดีสุดในไทยลีกออกจากทีม

สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงเรื่องเงินๆทองๆในสโมสร รวมถึงทิศทางการทำทีมปีหน้าได้ระดับหนึ่ง

การเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญกำลังเกิด เพียงแต่สโมสรจะทำเช่นไร ให้คลื่นลูกนี้นุ่มนวลและละมุนต่อหัวใจแฟน สิงห์ เชียงรายฯ มากที่สุด  

เพราะมันเป็นเรื่องยากในทางปฏิบัติ ที่ใครคนหนึ่งจะทำสองสิ่งให้ออกมาได้ดีที่สุดในเวลาเดียวกัน

บิ๊กฮั่น อาจไม่ทิ้ง เชียงราย แต่แฟนคงต้องทำใจยอมรับว่า การทุ่มซื้อตัวอย่างบ้าคลั่ง อาจไม่เกิดขึ้นเหมือนที่ผ่านมา

ยกเว้นกลุ่มทุน-ผู้สนับสนุนของ เชียงรายฯ จะควักเม็ดเงินก้อนโตอาสาสวมหมวก “พ่อเลี้ยง” ดูแลกิจการให้ ในช่วงที่นายใหญ่กลับสู่อาชีพที่แท้จริง