:::     :::

วันไร้ดิโอโก! แชมป์ 6 สมัย สะดุดขาเปิดซีซั่น

วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2562 คอลัมน์ ฉันดูบอลที่ร้านเหล้า โดย ดากานดา
1,866
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ช่วงที่ว่างจากงานขณะอยู่ต่างประเทศ นึกขึ้นได้ว่าตอนค่ำมีบอลคู่บิ๊กแมตช์ บุรีรัมย์ - ชลบุรี เลยตัดสินใจขลุกอยู่ห้องแทนออกไปดวดเบียร์

เรียกว่าจบ 90 นาที ไปแบบครบทุกรสชาติ ดุ เดือด เผ็ด จี๊ด จะมีแต่ฝั่งเจ้าบ้าน บุรีรัมย์ ที่ปรี๊ดแตก หลังไม่ได้ผลการแข่งขันตามต้องการ

ทั้งที่มีผู้เล่นในสนามมากกว่า ชลบุรี เอฟซี 2 คน

อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ “แชมป์เก่า” ทำได้เพียงเปิด ช้าง อารีนา เสมอผู้มาเยือนที่โอกาสลุ้นประตูเพียงจำกัดจำเขี่ย

 

No Diogo No party!!

สิ่งหนึ่งที่ถูกเนรมิตจากเดิมคือ เกมในแดนหน้าของบุรีรัมย์ฯ ในวันไร้ ดิโอโก ซานโต ดาวยิงหมายเลข 1 ของทีม เมื่อผู้มาแทนอย่าง โมดิโบ ไมกา เป็นศูนย์หน้าสไตล์ที่ต่างออกไป

ธรรมชาติของ ดิโอโก เป็นดาวเตะสไตล์ที่เล่นกองหน้าตัวเป้าได้ และถ่างตัวเองออกไปริมเส้นเพื่อรับบอลทำเกม รวมถึงเลี้ยงกินตัว สร้างโอกาสเอง ต่างจาก ไมกา ในวันนี้ที่ยืนปักอยู่ในกรอบเขตโทษ

เมื่อมาเจอคู่ต่อสู้อย่าง “ฉลามชล” ที่ตั้งโซนเกมรับลึก แบ็กสองฝั่งเล่นอย่าง ณัฐพงศ์ เปพาทย์ และ ธนาเสฏฐ์ สุจริต เล่นด้วยความระมัดระวัง รักษาพื้นที่ไม่หลุดตำแหน่ง ทำให้เกมริมเส้นที่เป็นจุดเด่นของเจ้าบ้าน ไม่สามารรถเจาะได้ ผู้เล่นอย่าง ศศลักษณ์ ไหประโคน และ กรกช วิริยอุดมศริ สามารถเอาชนะจังหวะดวล 1 ต่อ 1 ได้น้อยครั้ง

ทางเอกสุดท้ายคือการพยายามครอสเข้าไปในกรอบเขตโทษ โดยให้ ไมกา และ ศุภชัย ใจเด็ด เข้าทำ ซึ่งรูปแบบนี้ คู่เซ็นเตอร์ทีมเยือนอย่าง กฤษดา กาแมน และ ซอ มิน ตุน สามารถเก็บกินได้หมด

อย่างไรก็ดี เจ้าถิ่นมาได้ “จุดเปลี่ยน” จากการแก้เกมด้วยการส่ง เปโดร จูเนียร์ ลงมา เพิ่มความหลากหลายในเกมริมเส้น และเหมือนจะได้ผลระดับหนึ่ง เมื่อความสามารถเฉพาะตัวของบราซิเลียนหน้าใหม่ ทำให้ ณัฐพงศ์ เปพาทย์ ถูกไล่ออก และพวกเขาอาศัยจังหวะที่แนวรับฉลามกำลังปั่นป่วน ยิง 2 ประตู ใน 2 นาที

เพียงแต่ มันไม่ได้ทำให้ทีมเก็บ 3 คะแนนได้



 

รับอย่างอดทน อาศัยความผิดพลาดของเจ้าถิ่น

ปฏิเสธไม่ได้ว่า เกมนี้ ชลบุรี เอฟซี มาเล่นเกมรับแบบเต็มตัว และอาศัยเกมสวนกลับไวโดยใช้ ลูเคียน อเราโช่ ยืนเป็นหัวหอก ทว่าการเจอเกมเพรสซิ่งจากแนวรับ บุรีรัมย์ ทำให้ตลอดครึ่งแรกทีมเยือนแทบไม่มีจังหวะจบสกอร์เน้นๆ

อย่างไรก็ตามกลายเป็น บุรีรัมย์ เองที่ “ยื่นดาบ” จากความผิดพลาดให้กับ “ฉลามชล” ฟาดฟัน

สัญญาณเตือนความผิดพลาด เริ่มให้เห็นตั้งแต่ต้นเกมที่ พรรษา เหมวิบูลย์ เคลียร์บอลพลาดหน้าปากประตู จนทำให้ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ได้ล่อเป้าติดไซส์ก้อยออกไปนิดเดียว

แต่สองประตูในครึ่งเวลาหลังที่ บุรีรัมย์ พลาด ชลบุรี ไม่ปล่อยให้โอกาสลอยออกทะเลอีกแล้ว

เริ่มตั้งแต่จังหวะจับบอลลั่นของ อันเดรส ตูเญซ ที่ถูก แพทริก ครูซ แย่งบอลจากเท้าก่อนไหลทะลุช่องให้ วรชิต ได้เดี่ยวกับ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ก่อนซัดผ่านมือเข้าไป

ต่อยยอดมาถึงประตูสอง ที่แม้ทีมเยือนตัวผู้เล่นจะเป็นรอง แต่อาศัยจังหวะสวนกลับไว และเป็นเวลาเดียวกันกับที่ “ปราสาทสายฟ้า” เปลี่ยน ชิติพัทธ์ แทนกลาง ลงมา และกำลังสลับตำแหน่งกับ พรรษา ซึ่งเป็นทาง เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ที่สปีดทำทางจากริมเส้นฝั่งซ้ายหนี CT 14 เข้ากรอบเขตโทษมาชาร์จเสยเพดานเข้าไป

เปลี่ยนข้อผิดพลาด กับ จังหวะเสียสมาธิในแนวรับเจ้าถิ่นเป็น 2 ประตู!!


 


ออกสตาร์ทด้วยการสะดุดขาตัวเอง

แม้จะไม่ได้ “คาบ้าน” ทว่าการเก็บได้เพียง 1 แต้มของ บุรีรัมย์ ด้วยชอยส์ของคู่แข่งที่เหลือเพียง 9 คนในสนาม ถือว่าสอบตกอย่างเต็มเปา ผู้เชียนเชื่อว่า ทั้ง โบซิดาร์ บันโดวิช และ เนวิน ชิดชอบ มองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นในเกมนัดแรก

อย่างไรก็ดี เส้นทางลูกหนังยังอีกไกล อีกทั้งพวกเขายังไม่เปิดไพ่อย่าง จักรพันธ์ แก้วพรม รวมถึง ฮาจิเมะ โฮโซไก แดนกลางตัวหลัก ตอนนี้หากพูดเท่ๆ สไตล์เนวินก็คงประมาณ

นัดแรกต่อให้ก่อน เดี๋ยวกูแซงคืน


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด