:::     :::

จาก มูรินโญ่ ถึง แลมพาร์ด

วันศุกร์ที่ 02 สิงหาคม 2562 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
3,311
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าความสำเร็จของ เชลซี ในทุกวันนี้ จุดเริ่มต้นมาจากชายที่ชื่อ โชเซ่ มูรินโญ่

กุนซือผู้เข้ามารับตำแหน่งนายใหญ่ของทีมพร้อมวลี "ผมคือสเปเชี่ยล วัน" เสกแชมป์ลีกสูงสุดให้ทีมเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี กลายเป็นพระเจ้าในสายตาแฟนบอลอย่างไม่ต้องสงสัย

จนถึงวันนี้เขาก็ยังเป็นที่รักของแฟนบอลอยู่เสมอ แม้จะมีช่วง "ขัดใจ" ไปคุมทีมคู่แข่งอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ตาม

มาถึงวันนี้ "สิงห์บลูส์" เดินหน้าเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งแรกกับปัญหาในฤดูกาลนี้ เปลี่ยนแปลงกุนซือ, เสียแข้งหมายเลข 1 ของทีม รวมถึงการถูกลงโทษห้ามซื้อนักเตะอีก 2 ตลาด"


แฟร้งค์ แลมพาร์ด อดีตแข้งซึ่งเป็นตำนานและที่รักของแฟนบอลเข้ามารับภาระนี้ ซึ่งคงไม่ใช่งานง่ายแน่นอน

นายใหญ่คนใหม่พาทีมลงอุ่นเครื่องไปแล้ว 6 เกม ชนะ 4 เสมอ 1 และแพ้ 1 ซึ่งในภาพรวมก็ถือว่าทำได้ดี โดยเฉพาะในเกมรุกที่แสดงให้เห็นว่าการเสีย เอแด็น อาซาร์ ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรนัก

เพียงแต่มันยังอยู่ในช่วงปรีซีซั่นเท่านั้น จะวัดอะไรก็คงไม่ได้ ต้องรอให้ถึงการแข่งขันจริงในฤดูกาลใหม่ซะก่อน และบททดสอบแรกก็คือหนึ่งในทีมใหญ่ของลีกอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ทุกคนกำลังจับตาการทำงานของ แลมพาร์ด ว่าจะพาสิงโตน้ำเงินไปได้ไกลสักแค่ไหน


เช่นเดียวกับ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่เฝ้ามองดูลูกน้องเก่าที่วันนี้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมเช่นกัน

กับบทสัมภาษณ์ในเชิงลึกถึงอดีตแข้งคู่ใจ มุมมองของ "สเปเชี่ยล วัน" รวมถึงคำแนะนำถึง แลมพาร์ด สำหรับการทำงานในรั้วสแตมฟอร์ด บริดจ์

แข้งพรสวรรค์มีอยู่ที่นี่แล้ว

"มันขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณมีอยู่ในอคาเดมี่, นั่นคือประเด็น" มูรินโญ่ กล่าว "ผมคิดว่าผู้จัดการทีมทุกคนชอบที่จะเล่นกับเด็กๆจากอคาเดมี่ของทีม"

"คำถามก็คือ : ผลิตผลจากอคาเดมี่คืออะไร? คุณจะสามารถทำงานเพื่อพัฒนาได้หรือไม่?"

"ผมคิดว่า เชลซี คือสโมสรที่มีความพิเศษอย่างมากเมื่อพูดถึงเรื่องนี้, ผมแค่ยกตัวอย่าง : เชลซี ต้องการเซนเตอร์ - คูร์ท ซูม่า ไงล่ะ! คุณไม่จำเป็นต้องซื้อเลย, คุณจะต้องจ่ายแม้แต่บาทเดียว, ซูม่า!"


"เขาเป็นนักเตะแชมป์ของอังกฤษ, เขาเล่นให้ เชลซี, เล่นให้ สโต๊ค ในพรีเมียร์ลีก, เล่นให้ เอฟเวอร์ตัน ในพรีเมียร์ลีก, เล่นให้ทีมชาติฝรั่งเศส เขาคือนักเตะของคุณ, เขาถูกปล่อยยืมตัว, คุณจะไปหาซื้อนักเตะที่ดีกว่าเขาที่ไหน? คุณมีเขาอยู่ในทีมแล้ว"

"คุณต้องการกองหน้าดาวรุ่ง - แทมมี่ อบราฮัม! เขาอยู่ในทีม, เขารู้จักสโมสร, เขาได้รับการศึกษามาจากสโมสร, เขาถูกปล่อยยืมตัว, เขาได้ลงเล่นบางเกมในพรีเมียร์ลีก, เขาเล่นในแชมเปี้ยนชิพ แต่แชมเปี้ยนชิพก็ถือเป็นการแข่งขันในระดับสูง กับการลงเล่นให้สโมสรใหญ่อย่าง แอสตัน วิลล่า, เขาพร้อมแล้ว"

"คุณจำเป็นต้องซื้อกองหน้ารึเปล่า? ไม่เลย! และ เชลซี โดนวิพากษ์วิจารณ์หลายครั้งจากจำนวนผู้เล่นที่เขาปล่อยยืมตัวมากกว่า 30 คน, 40 คน, แต่ตอนนี้ถึงเวลาแล้วและพวกเขาจะได้รับคำตอบอย่างที่ไม่มีใครควรมี"


"พวกเขามีคำตอบอยู่แล้ว, ดังนั้นผมคิดว่าพวกเขาไม่มีปัญหาอะไร, ปัญหาเดียวของพวกเขาคือการเสียนักเตะที่เป็นปรากฎการณ์, เอแด็น อาซาร์ เป็นผู้เล่นที่พิเศษสำหรับ เชลซี และทีมสูญเสียเขา, นอกจากเรื่องนี้แล้ว ผมไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไร"

แลมพาร์ด จะประสบความสำเร็จหรือเปล่า?

"คุณก็รู้นี่, เวลาจะเป็นตัวบอกเอง, เวลาเท่านั้น"

"มันเป็นอะไรที่ง่ายมากสำหรับผมที่จะพูด เพราะผมรักเขา, เขาจะเป็นผู้จัดการแห่งปรากฎการณ์"

"มันเป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับผมในการพูด, แต่ผมจะไม่บอกแบบนั้น, และผมก็จะไม่บอกว่าผมไม่เชื่อว่าเขาจะทำได้, เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมรู้สึก"


"ผมรู้ว่าเขามีศักยภาพ, ผมรู้ว่าเขาเป็นที่รัก, ซึ่งมันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก, การเป็นที่รัก - นั่นเป็นเหตุผลที่เขาได้อยู่ที่นั่น - และผมอวยพรให้เขาประสบความสำเร็จ แต่เวลาเท่านั้นที่จะบอกว่า และใน 2-3 ปีเราจะได้รู้กัน

สร้าง แลมพาร์ด ขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีม?

"ผมไม่เคยมองผู้เล่นในมุมมองนั้นยามที่พวกเขายังเป็นนักเตะ, สิ่งที่ผมมักจะบอกพวกเขาก็คือ 'พวกนายสร้างป้ายยี่ห้อของตัวเองหรือเปล่า? นายกำลังศึกษางานโค้ชรึเปล่า?'"

"พวกเขาตอบกลับมาว่า 'โอ้ ไม่ ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก, ผมไม่ต้องการทำ' แต่ผมบอกว่า 'บางทีนายอาจจะต้องการ, บางทีนายอาจจะยังไม่ต้องการมันในตอนนี้, เพราะนายโฟกัสกับการเล่น, บางทีนายอาจจะต้องการมันในภายหลัง, ดังนั้นหลังจากการซ้อมแทนที่จะไม่มีอะไรทำ มาสิ! เรียนรู้มัน'"


"ดังนั้น ผมมีอิทธิพลต่ออาชีพของผมกับผู้เล่นหลายๆคนในการเริ่มต้นสร้างชื่อ และในอนาคต ใครจะรู้ล่ะ, แต่ผมไม่มองพวกเขาในเชิงที่ว่า 'พวกเขาจะทำได้หรือไม่' มันขึ้นอยู่กับวิวัฒนาการของสมอง, ขึ้นอยู่กับความทะเยอทะยาน"

"สิ่งที่ผมเห็นในตัวของ แฟร้งค์ อยู่เสมอคือการเป็นตัวอย่างมืออาชีพชั้นยอด, ผมโชคดีที่มีนักเตะที่ห้ามแตะต้องมากมาย แต่เขาคือหนึ่งในผู้เล่นที่ห้ามแตะต้องในอาชีพผม, สุดยอดมืออาชีพ, ที่สุดของที่สุด"

เกมแรกที่เปรียบเสมือนเกมชิงแชมป์บอลถ้วย

ฤดูกาลนี้ แฟร้งค์ แลมพาร์ด จะพาทีมประเดิมสนามเกมแรกไปเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในขณะที่เกมแรกของ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็เจอกับ "ปีศาจแดง" เหมือนกันแต่เป็นการเล่นในบ้าน ซึ่งเมื่อปี 2004 เป็น "สิงห์บลูส์" เปิดบ้านชนะ 1-0 ซึ่งทางอดีตนายใหญ่แห่งรั้วสแตมฟอร์ด บริดจ์เปรียบเทียบเกมนัดแรกเหมือนกับนัดชิงแชมป์บอลถ้วยเลย

"ในกรณีของผม, นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมผมไม่เคยแพ้เกมแรกของฤดูกาลมาก่อน, ผมมีสถิติที่ดีเยี่ยมในการเก็บชัยชนะและเสมออยู่ 2-3 ครั้ง" มูรินโญ่ กล่าว


"ผมไม่เคยคิดว่ามันเป็นการเริ่มต้นวิ่งมาราธอน, ผมคิดว่ามันก็คือเกมหนึ่ง!"

"ผมไม่เคยคิดว่ามันเป็นนัดแรกจาก 38 หรือ 60 เกมของฤดูกาล, ไม่, ผมไปที่เกม, และในช่วงเวลานั้นมันเป็นอะไรที่มากกว่าเพราะมันคือการเจอกันของ เชลซี กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, มันคือเกมใหญ่, เกมแรกของผมในบ้าน"

"มันคือเกมแรก, สแตมฟอร์ด บริดจ์, มีนักเตะใหม่อยู่หลายคน (ริคาร์โด้) คาร์วัลโญ่, (ดิดีเยร์) ดร็อกบา, (อาร์เยน) ร็อบเบน, (ปีเตอร์) เช็ก - เกมแรกของใครหลายคน และเราลงสนามเพื่อชัยชนะ และเราคว้าชัยได้สำเร็จ"

"ในฤดูกาลที่ อาร์เซน่อล ครองความเป็นใหญ่, อาร์เซน่อล คือทีมแชมป์ - และแชมป์ชนิดปราศจากความพ่ายแพ้, แต่ทุกคนรู้ว่า เชลซี ต้องการเแชมป์ เช่นเดียวกับยูไนเต็ด และทุกคนรู้ว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นของฤดูกาลที่น่ามหัศจรรย์"



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด