:::     :::

ความล้มเหลวในการเสริมแดนกลาง

วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม 2562 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
2,196
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
นับตั้งแต่พ้นยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แทบไม่ประสบความสำเร็จกับนักเตะที่เสริมทัพ โดยเฉพาะกองกลางที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

แม้แต่ เซอร์ อเล็กซ์ เอง กว่าจะควานหากองกลางชั้นดีมาเสริมทัพสักคนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย คนสุดท้ายที่ประสบความสำเร็จต้องย้อนกลับไปในปี 2006 ที่เซ็น ไมเคิ่ล คาร์ริค มาจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์

เพราะหลังจากนั้น กองกลางหลายคนที่ซื้อเข้ามาล้วนน่าผิดหวังด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ ที่ประสบปัญหาบาดเจ็บเรื้อรังและบ่อยครั้ง หรือ อันแดร์สัน ที่ไม่เหมาะกับสไตล์ฟุตบอลอังกฤษ แม้จะเคยโชว์ฟอร์มดีในบางฤดูกาลก็ตาม
แต่หลายครั้งหลายฤดูกาล เซอร์ อเล็กซ์ ก็ไม่อับจนกับการแก้ปัญหาแดนกลาง เพราะเคยจับกองหลังอย่าง จอห์น โอเช, ฟาบิโอ ดา ซิลวา ขึ้นมายืนกองกลางตัวรับมาแล้ว หรือแม้แต่การโน้มน้าว พอล สโคลส์ ให้กลับมาสวมสตั๊ดอีกครั้ง หลังจากแขวนเกือกไปได้เพียงครึ่งปี
ในอดีต แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุค เซอร์ อเล็กซ์ ไม่เคยต้องการผู้อำนวยการฟุตบอล เพราะ 'ป๋า' จะเป็นคนเลือกนักเตะเป้าหมายด้วยตัวเอง จากนั้นก็จะทำงานร่วมกับ เดวิด กิลล์ อดีตซีอีโอของสโมสร อย่างเข้าขารู้ใจในการเจรจาธุรกิจกับสโมสรอื่น
แต่หลังจาก เซอร์ อเล็กซ์ ลงจากตำแหน่งผู้จัดการทีมเมื่อปี 2013 กิลล์ ก็วางมือในปีเดียวกัน เช่นกันกับ สโคลส์ ที่แขวนสตั๊ดรอบสอง พร้อมแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยสุดท้ายร่วมกันในฤดูกาล 2012-13
และคนที่เข้ามารับบทบาทสำคัญต่อจาก กิลล์ นั่นก็คือ เอ็ด วูดเวิร์ด ที่มีตำแหน่งทางการคือรองประธานบริหารของสโมสร
การทำงานร่วมกันของ วูดเวิร์ด กับ เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมคนใหม่ เกือบล้มเหลวตั้งแต่ช่วงตลาดซื้อขายหนแรก เพราะกว่าจะได้นักเตะบิ๊กเนมเข้ามารายแรก ต้องรอถึงวันสุดท้ายของตลาดซัมเมอร์ และยังต้องจ่ายแพง (กว่าที่ควรจะเป็น) สำหรับการดึง มารูยาน เฟลไลนี่ มาจาก เอฟเวอร์ตัน ในราคา 27.5 ล้านปอนด์
"ผมคิดว่ามีสัญญาณเตือนดังขึ้นทันทีที่ เดวิด มอยส์ เข้ามาคุมทีม และเขาเซ็นสัญญากับ ฆวน มาต้า และ มารูยาน เฟลไลนี่ ค่าตัวกว่า 70 ล้านปอนด์" สโคลส์ ย้อนกลับไปนึกถึงการเสริมทัพของทีมในช่วงซัมเมอร์ปี 2013 จนถึงตลาดมกราคมปี 2014 ที่ไปสอย ฆวน มาต้า มาจาก เชลซี อีกคนในราคาสูงลิ่ว 37.1 ล้านปอนด์
"พวกเขาเป็นนักเตะฝีเท้าดีในแบบของตัวเอง แต่ผมไม่คิดว่าทั้งคู่เป็นนักเตะ (ในแบบฉบับ) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมไม่คิดหรอกว่า เซอร์ อเล็กซ์ หรือ เดวิด กิลล์ จะเซ็นสัญญากับนักเตะประเภทนี้"
"ผมคิดว่านับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สัญญาณเตือนได้ดังขึ้น และเราก็ก้าวเข้ามาสู่จุดที่เรายืนอยู่ในตอนนี้ เพราะการซื้อนักเตะที่เราไม่คิดว่าพวกเขาเหล่านั้นเหมาะที่จะเป็นนักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จริงๆ"
"โอเล่ ก้าวเข้ามาดูแลทีมตอนนี้ และเขามีโอกาสทำทุกอย่างให้มันกลับเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง"
หรือแม้แต่ยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล ในเวลาต่อมา อันเดร์ เอร์เรร่า ถูกดึงมาจาก แอธเลติก บิลเบา ตามค่าฉีกสัญญา 36 ล้านยูโร ตามด้วย บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ กับ มอร์กกาน ชไนเดอร์ลิน ในฤดูกาลต่อมาของ ฟาน กัล ซึ่งถือว่าเป็นการเซ็นสัญญาที่ล้มเหลวทั้งคู่
เข้าสู่ยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ ซีซั่นแรก มีการจ่ายค่าตัวเป็นสถิติใหม่สโมสร 89 ล้านปอนด์ดึง ปอล ป็อกบา กลับจาก ยูเวนตุส หลังจากเสียฟรีไปเมื่อ 4 ปีก่อน และ เนมานย่า มาติช ก็ถูกดึงมาจาก เชลซี ในปีต่อมา ค่าตัวใช่ย่อย 40 ล้านปอนด์ ตามด้วย เฟร็ด ที่จ่ายหนักกว่าอีก ราวๆ 47-52 ล้านปอนด์ซื้อมาจาก ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค
ถึงตอนนี้ ป็อกบา ถูกตั้งคำถามในเรื่องความมุ่งมั่น และสไตล์การเล่นที่ติด 'แอ็ก' มากเกินไปสำหรับนักเตะตำแหน่งกองกลาง ที่พอเสียบอลง่ายๆ ทีไร ถูกทะลวงไปถึงแนวรับและล่อเป้าผู้รักษาประตูอยู่ทุกที
มาติช ถูก โชเซ่ มูรินโญ่ ดึงตัวมาจาก เชลซี หลังเคยประสบความสำเร็จร่วมกันมาที่นั่น แต่มิดฟิลด์เซอร์เบียก็ไม่เป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ มากนัก เพราะสไตล์การเล่นที่คิดช้า ทำช้า แทบจะไม่ได้ช่วยแบ่งเบาภาระก่อนถึงแผงหลังเลย
แต่นั่นก็ยังไม่เข้าตาเท่า เฟร็ด ที่ถือเป็นการเสริมทัพสุดล้มเหลวแห่งทศวรรษ หรือหลายๆ ทศวรรษเลยก็ว่าได้ และตอนนี้ต่างไม่มีใครกล้ายอมรับว่าเป็นต้นเหตุของความผิดพลาด
มีการเปิดเผยจากสื่อฉบับหนึ่งระบุว่า มูรินโญ่ ไม่ได้ต้องการ เฟร็ด มาร่วมทีมอย่างที่เป็นข่าวในช่วงเวลานั้น แต่เป็นเพราะหากไม่รีบคว้ากองกลางบราซิลรายนี้เอาไว้ บอร์ดบริหารของสโมสรก็จะไม่อนุมัติในการเสริมทัพแข้งใหม่อีกแล้ว ซึ่งในช่วงเวลานั้นทีมเพิ่งเซ็นสัญญาแค่ ลี แกรนท์ กับ ดีโอโก้ ดาโลต์
มูรินโญ่ โยนบาปให้ วูดเวิร์ด รับไปเต็มๆ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วคงไม่มีใครรู้เรื่องจริงดีเท่าคนในของสโมสร
เท่ากับว่า หลังหมดยุค เซอร์ อเล็กซ์ มีกองกลาง (ไม่รวมมิดฟิลด์ตัวรุกหรือปีก) หน้าใหม่เข้ามาเสริมทีม 7 ราย ไล่ตั้งแต่ เฟลไลนี่, เอร์เรร่า, ชไวน์สไตเกอร์, ชไนเดอร์ลิน, ป็อกบา, มาติช, เฟร็ด ยังไม่มีใครที่เป็นการเสริมทัพประสบความสำเร็จตามเป้า เมื่อเทียบกับค่าตัวที่ต้องจ่ายไป แม้ เอร์เรร่า จะเป็นขวัญใจแฟนๆ ได้ก็ตาม
ฤดูกาลปัจจุบันของ โซลชา ยังคงใช้กองกลางหน้าเดิมๆ จากที่กุนซือคนก่อนๆ ซื้อเอาไว้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลประการใดก็ตาม นั่นจึงถือเป็นข้อจำกัดในการสร้างทีมในแบบฉบับของตัวเองไม่น้อย
แต่ยังดีที่ โซลชา ได้ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ก้าวขึ้นมาจากทีมเยาวชน กลายเป็นดาวรุ่งที่มีพัฒนาการที่ดีมาก ค่อยๆ เพิ่มเติมลูกบู๊และบุ๋นเข้าไป จนกลายเป็นนักเตะในแบบฉบับของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เต็มตัวแล้ว
และไม่ว่า โซลชา จะนั่งเก้าอี้ตัวนี้ไปจนถึงตลาดมกราคม หรือตลาดซัมเมอร์ปีหน้าหรือไม่ การเสริมทัพครั้งต่อๆ ไปก็อาจจะประสบปัญหาเดิมไปเรื่อยๆ
ถึงตอนนี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และ เดวิด กิลล์ คงทราบดีถึงปัญหานั้น


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด