เรียกได้ว่าเป็นข่าวเซอไพรส์ต่อเนื่องกันรัวๆเลย นับตั้งแต่กลางดึกสงัดคาบเกี่ยวใกล้รุ่งที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทย ท็อตแน่มประกาศปลดPochettinoกันแบบสายฟ้าแลบ ท่ามกลางความงุนงงของแฟนบอลจำนวนมาก เนื่องจากในขณะนี้ก็อยู่ในช่วงเวลาพักเบรคทีมชาติพอดี ซึ่งก็ไม่ได้เพิ่งจะพัก แต่พักกันมาเป็นอาทิตย์ๆแล้ว  พออยู่ดีๆเกิดเรื่องขึ้นกลางสัปดาห์ ในขณะที่บอลกำลังจะกลับมาเตะกันพอดีนั้น มันจึงเป็นtimingที่ทำให้แฟนบอลทุกทีมที่ทราบข่าวค่อนข้างแปลกใจพอสมควร

และสเปอร์ไม่ปล่อยให้แฟนบอลเคว้ง ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา โจเซ่ มูรินโญ่ ถูกประกาศขึ้นเป็นนายใหญ่คนใหม่ของสเปอร์ทันที

ในความรวดเร็วของสถานการณ์ที่เปลี่ยนไประดับนาทีต่อนาที การเปลี่ยนนายใหญ่ครั้งนี้ของพวกเขาจะถูกบททดสอบของเกมสุดสัปดาห์นี้ทันทีในวันเสาร์ที่23 ซึ่งเป็นเกมหนักอีกด้วยเพราะว่า สเปอร์ต้องไปเยือนเวสต์แฮม เป็นเกมรับน้องแรกของมูรินโญ่ในทันที ซึ่งแม้จะบอกว่า มูเข้ามาในช่วงที่สเปอร์กำลังมีปัญหาหนักก็ตาม  การพ่ายแพ้อาจจะเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แต่ลึกๆแล้วแฟนบอลและสโมสรก็คงจะคาดหวังในตัวเขาพอสมควร ด้วยชื่อชั้นและยี่ห้อของการการันตี "ถ้วยรางวัล" ของเขา 

แฟนผีคุ้นๆความรู้สึกนี้มั้ย (ฮา)

ซึ่งจากการที่เรารู้จักชายคนนี้ดี และถึงใครจะบอกว่า เฮ้ย มูรินโญ่ตอนทำทีมนู้นมันก็บุกเละเทะเลยนะ ฯลฯ แต่เราต้องยอมรับความเป็นจริงที่ว่า มูรินโญ่คือโค้ชที่เน้นเกมรับให้แข็งแกร่งเป็นพื้นฐานก่อนเป็นหลัก จากนั้นงานบุกค่อยตามมาทีหลัง และเมื่อพิจารณาจากหลังของสเปอร์ตอนนี้ที่มีอยู่ก็ไม่ได้ถึงกับแย่ ปีใหม่หรือซัมเมอร์หน้าคิดว่าเขานำเข้ากองหลังพรีเมี่ยมมาอีกสักคนก็อยู่แล้ว ตอนนี้ก็มีอัลเดอไวเรล แฟร์ โรส อูริเยร์ ก็ดีพอจะประคองไปได้จนจบซีซั่นแล้ว

กับผลลัพธ์ของฤดูกาล2019ที่ผ่านมาสิบกว่านัด ท็อตแน่มที่อยู่อันดับ14 แต่มีประตูได้เสียอยู่ที่ +1  ซึ่งตัวเลขตรงนี้สะท้อนอะไร .. ไม่ได้สะท้อนว่าสเปอร์กาก  แต่ให้ลองดูบริบทของทีมอื่นๆที่รายล้อมสเปอร์อยู่ ทุกทีมล้วนแล้วแต่มีประตูได้เสียที่ติดลบแทบทั้งสิ้น รวมถึงทีมที่อยู่ด้านบนสเปอร์หลายตำแหน่งก็ตาม

นั้นแปลว่า สิ่งที่สเปอร์ขาดอยู่ตอนนี้ มันไม่ใช่เกมรับเป็นตัวสำคัญ แต่สเปอร์ขาดคนสร้างผลลัพธ์การแข่งขันให้ทีมต่างหาก

เพราะหากฟอร์มการเล่นหรือว่าเกมรับไม่ดี เกมบุกยิงไม่ได้ ป่านนี้ไก่จะต้องมีประตูได้เสียติดลบไปแล้ว แต่นี่ยังดูดีอยู่  และจริงๆแล้วภาพลวงตาอยู่ที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดต่างหากที่พิจารณาแล้ว แทบจะไม่ได้ต่างกับสเปอร์เลย เราอย่าเพิ่งดีใจ เพราะว่าแมนยูก็มีประตู+4 เท่านั้นเอง ดีกว่าเขาแค่3ลูกซึ่งเป็นระยะห่างที่ตามทันได้ภายในสองนัดด้วยซ้ำ (ไก่ยิงมากกว่าเราอีกนะ)

การได้มูรินโญ่มาคุมทีม มันจึงมีข้อดีอยู่ในตัวที่สามารถ "แก้สถานการณ์เฉพาะหน้า" ได้พอประมาณ หากว่าท็อตแน่มประสบปัญหาของผลการแข่งขันจริงๆ ไม่ใช่ฟอร์ม  มูคือคนที่เหมาะกับการแก้ปัญหาตรงนี้ชัดเจน และอันดับพวกเขาจะค่อยๆก้าวกระโดดกลับมาอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่นัดที่จูนทีมติด

สิ่งที่หลายคนกังวลมากกว่าจุดนี้นั้น คิดว่าคงไม่ใช่โฟกัสของมูรินโญ่ แต่เป็นตัวนักเตะในทีมต่างหากที่ตอนนี้ชุดโค้ชของพอชเด้งออกไปหมดยกทีม ดังนั้นต้องดูว่า นักเตะที่มีอยู่ ใครที่หมดใจจะเล่นให้สเปอร์และรอย้ายแล้ว ซึ่งเราก็รู้ๆกันอยู่ว่าใคร ส่วนอีกหลายๆคนก็เป็นเด็กที่พอชปั้นมาล้วนๆ ประเด็นสำคัญของสเปอร์จึงอยู่ที่ว่า จะมีนักเตะกี่คนที่จะยังคงอยู่โยงกับสเปอร์ได้ต่อไปในปีหน้า (ฤดูกาลหน้า)

เพราะถ้าพอชไม่อยู่แล้ว มีโอกาสสูงที่พวกนี้ก็พร้อมจะย้ายทีม หากมีทีมติดต่อสนใจซื้อจริงๆ

เงินพร้อมมั้ยเอ็ด ดับเบิ้ลคิลสองคนนี้โชว์ดูสักหน่อยดีแมะ?

มันอาจจะไม่ถึงกับแตกกระจาย แยกย้ายออกไปคนละทิศคนละทางหรอก แต่ที่แน่ๆคือ ในบรรดานักเตะเหล่านั้น มันก็น่าจะมีสักคนสองคนที่เป็นตัวหลักแน่ๆ ที่พร้อมจะย้ายออกไปทันที เพราะลูกพี่ไม่อยู่แล้ว ไม่มีอะไรการันตีว่าเขาจะไปได้ดีกับโค้ชคนใหม่ รวมถึงความไว้เนื้อเชื่อใจจะให้ลงเป็นตัวหลักด้วย  ฤดูกาลนี้ที่เหลืออยู่คงจะได้เห็นกันว่า ใครคือคนที่มูชอบ และส่งลงตัวจริง  ส่วนใครที่น่าจะถูกเฉือนออกจากทีมจากตัวหลัก

เรื่องของสเปอร์จึงมีประเด็นอยู่ที่ตัวนักเตะที่จะอยู่ทำทีมกันต่อไป มากกว่าที่จะมากังวลกับสไตล์ของโค้ช ซึ่งโค้ชเค้าชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นแบบไหน แฟนสเปอร์อาจจะต้องเข้าใจในจุดนี้ และยอมรับกับมันให้ได้ว่าสไตล์การคุมทีมมันต่างกัน ซึ่งมันไม่ได้แย่ แต่มันอาจจะไม่สนุกไปบ้างในบางครั้ง ต้องเลือกเอาระหว่าง ความสนุก กับ ผลลัพธ์ที่ดี  แต่เชื่อเถอะ  การเข้าไปของมูมันจะไม่ได้ทำให้อะไรแย่ลงหรอก  เพราะทรัพยากรนักเตะของสเปอร์ในตอนนี้  เมื่อเทียบกับตอนที่มูเข้ามาคุมแมนยูไนเต็ด ผมว่าทางนั้นดูจะแข็งและนิ่งกว่าเยอะในด้านนักเตะ ตอนนั้นคุมยูไนเต็ด ได้ป็อก สลาตันมาก็จริง แต่ก็ยังเต็มไปด้วยดาวรุ่งที่ยังไม่พร้อมใช้งาน และฟอร์มผีเข้าผีออกอย่างที่เราเห็นกัน ดังนั้นสเปอร์ตอนนี้ กับแมนยูตอนนั้น ผมว่าสเปอร์มีนักเตะที่พร้อมใช้อยู่แล้วที่พอชปั้นมา  มีความเป็นทีมสูงกว่ามาก

งานของเฮียมูที่สเปอร์ จึงไม่น่าจะยากอะไรมากนักสำหรับเขา น่าจะพาสเปอร์ผ่านช่วงนี้ไปได้

ส่วนทางด้านของเมาริซิโอ พอเชตติโน ตอนนี้ก็ตกอยู่ในสภาพว่างงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นการตกงานที่ไม่ได้ดูแย่อะไรเลยสำหรับเขา(ฮา) หากพิจารณาถึงเรื่องความสามารถในการคุมทีมนั้น ต้องบอกในทางตรงกันข้ามด้วยซ้ำว่า พอชเป็นเหมือนชิ้นปลามันที่หลายทีมจ้องจะตะครุบไปคุมนักเตะอยู่ จากผลงานอันยอดเยี่ยมที่พาสเปอร์ขึ้นมาได้จนถึงตอนนี้แล้วนั้น พวกเขากลับมาเป็นทีมชื่อชั้นใหญ่อีกทีมนึงแล้ว  ดูง่ายๆว่ามูยอมมาคุมสเปอร์ นั่นแปลว่าพวกเขาก็กลับมาเป็นบิ๊กเนมอย่างสมบูรณ์แบบ ตรงนี้ต้องให้เครดิตกับพอชด้วยเต็มๆ

แม้การปลดเขาออก ในฐานะแฟนทีมอื่นอย่างผู้เขียน มีความคิดส่วนตัวว่า น่าจะยังไม่ควรปลดพอชในตอนนี้นั้น  แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วก็ช่วยอะไรไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ พอช มีที่ว่างของตัวเอง 1ที่ ในการที่สโมสรต่างๆจะสามารถหยิบเขาไปช่วยงานได้ หากคุยกันรู้เรื่อง และเจ้าตัวสนใจ  ดังนั้น ตัวเลือกของพอชจึงมีค่อนข้างมากจริงๆ เพียงแต่ว่า เงื่อนไขของพอช มันมีอยู่สองอย่างที่จะเกิดขึ้นในการจะเข้าไปคุมทีม

1.รอจบฤดูกาล สโมสรต่างๆปลด ผจก. ที่ทำงานได้ไม่เข้าเป้า แล้วอัญเชิญพอชไปคุม

2.กลางฤดูกาลนี่เลย เคสนี้จะเกิดได้ก็ต่อเมื่อ มีทีมที่ผลงานกำลังย่ำแย่ และน่าจะไปไม่ไหวคล้ายๆกับสเปอร์

ซึ่งไอ้เคสที่2เนี่ย ตอนนี้น่าสนใจที่แมนยู ที่มีโอเล่  กับ อาร์เซนอล ที่มีอูนวย เอ๊ย อูไนคุมทีมอยู่นั่นเอง! (แฟนปืนเรียกกันเองนะ อูนวยเนี่ย)

หากพิจารณากันเฉพาะทีมใหญ่ที่มีชื่อชั้นนั้น  ก็มีแค่น่อล กับ ยูไนเต็ด ที่ดีพอจะให้พอชไปคุม แต่ตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในทันทีทันใด เพราะดูอูไนจะขาเก้าอี้แข็งแรงเหลือเกิน ในขณะที่ แมนยูไนเต็ดนั้น ตอนนี้เริ่มกลับมาทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมต่อเนื่องรัวๆจนถีบตัวเองกลับมาอยู่ในกลุ่มลุ้นพื้นที่บอลยุโรปอีกครั้ง

แต่เอาจริงๆเลยนะ แต้มของปืน ผี ไก่ ไม่ได้ต่างกันเลย รวมถึงฟอร์มทีมด้วย  จะมีก็แค่สเปอร์ที่พลาดเยอะแผลใหญ่และยังไม่ฟื้น จึงเกิดสึนามิแห่งการทำลายล้างนี้เกิดขึ้นนั่นเอง

ส่วนทีมอื่นๆที่อยู่นอกเหนือเกาะอังกฤษก็มีข่าวสนใจพอชอยู่แล้ว ตัวเลือกมีเยอะมาก และหลายทีมก็เผชิญปัญหาอยู่ แต่อยู่ที่ว่าพอชจะไปรึเปล่าเท่านั้นเอง เพราะดูทรงเขาน่าจะยังอยากคุมทีมอยู่บนเกาะอังกฤษมากกว่า  หากไม่มีใครติดต่อมา หรือมีการทาบทามเกิดขึ้นแล้ว (เพราะผู้จัดการทีมฝีมือดีที่ว่างงานตอนนี้ก็มีหลายคนไม่ใช่มีแต่พอช และอาจจะเหมาะกว่าพอชด้วย)

ค่อนข้างเชื่อว่า งานใหม่ของพอช จะเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อตอนจบฤดูกาลเท่านั้น คงจะไม่ไปคุมทีมใหม่กลางปีแน่นอน

นั่นคือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วฉับพลัน และหากพิจารณาตัวละครให้ดีนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นมันเหมือน "เก้าอี้ดนตรี" จริงๆที่เกิดการหมุนเวียนที่นั่งกันเรื่อยๆ และตอนนี้เงื่อนไขคนลุกออกจากเก้าอี้ได้เกิดขึ้นแล้ว อยู่ที่ว่า คนข้างหน้าอย่าง "โอเล่ กุนนาร์ โซลชา" จะเร็วพอที่จะนั่งทัน และรักษาเก้าอี้ตัวเองเอาไว้ได้หรือไม่ เพราะสำหรับสามคนนี้  พอช มู โอเล่ ก็เหมือน"เก้าอี้ดนตรีจากนรก" อย่างน่าประหลาดใจ

โอเล่เข้ามาเสียบเก้าอี้ของมูรินโญ่ในกลางปีที่แล้วตอนที่ยูไนเต็ดสถานการณ์แบบสเปอร์เป๊ะ เขาได้ครองเก้าอี้นี้ และมีคนว่างหนึ่งคนคือ มูรินโญ่  ขณะนี้ กงล้อแห่งโชคชะตาหมุน และพอชกลายเป็นคนที่เด้งออก จากนั้นมูก็ลงไปเสียบเก้าอี้นี้แทน

ไม่ต้องเดาเลยว่า หากมีเก้าอี้ว่าง และคนที่ได้ลงไปเล่นในกระดานคือพอช  ใครคือคนต่อไปที่จะต้องลุกเสียม้า.. ก็โซลชานั่นแหละ

ถามว่า ทำไมไม่เปรียบเทียบไปถึงอูไนบ้าง? ในเมื่อก็มีโอกาสไปลงตรงนั้นเหมือนกัน แรกสุดก่อนเลยก็คือ รีแอคชั่นของแฟนบอลสเปอร์จะเป็นยังไง เมื่อพอชจะหักหาญพวกเขาแล้วไปคุมอริเบอร์หนึ่งอย่างนักเลงปืนโต? ระดับความเครียดก็พอๆกับการที่ ถ้าผู้จัดการเราโดนไล่ออก แล้วไปคุมลิเวอร์พูลนั่นแหละ จะรู้สึกยังไง

เราก็คงจะเกลียด สมน้ำหน้า และรอแช่งให้มันพังพินาศ  แฟนสเปอร์บางส่วนก็อาจจะเป็นแบบนั้น  แต่บางส่วนก็คงจะเข้าใจและยังคงรัก เคารพพอชอยู่ดีในฐานะตำนานคนนึง

การจะไปคุมปืน จึงอาจจะมีกำแพงด้านความรู้สึกตรงนี้ของพอชอยู่บ้าง และประกอบกับเก้าอี้ของผู้จัดการทีมคนปัจจุบันยังคงนิ่งสนิทอยู่ ดูทรงอย่างน้อยๆก็ไม่ใช่กลางปีแน่นอน  จบซีซั่นค่อยว่ากัน

แต่สาเหตุที่เรามองว่า ทำไมพอชมีแนวโน้มจะมาถีบโซลชาออกจากเก้าอี้ได้นั้น  จากที่เราทราบข่าวกัน มีgossipระหว่างยูไนเต็ด เอ็ด วู้ดเวิร์ด และพอเชตติโนอยู่นานแล้ว และทันทีที่พอชว่างงาน ผมค่อนข้างเชื่อว่า หลังบ้านของเรา (ซึ่งก็เอ็ดนี่แหละ) น่าจะมีไปทาบทามเอาไว้เลยทันทีว่า อย่าเพิ่งไปคุมทีมอื่น รอก่อน หากจบฤดูกาลนี้แล้วโอเล่พาทีมไปได้ไม่ถึงไหน ก็รอมาคุมแมนยูได้เลย   อย่าเพิ่งไปรับงานสโมสรอื่น

เรียกง่ายๆว่ามาจองตัวทาบทามเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อกั๊กพอชนั่นเอง

มีโอกาสเป็นแบบนั้นอยู่บ้าง หากว่าเอ็ดมีหัวจริงๆ วิธีการนี้ถือว่าไม่ใช่เรื่องผิด เพราะตอนนี้แมนยูไนเต็ดฟอร์มดีขึ้นมาก็จริง แต่ก็ยังไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า โอเล่จะรักษาฟอร์มแบบนี้ไว้ได้ตลอด หรือเมื่อจบฤดูกาลแล้ว เราจะสำเร็จถึงขั้นไหน ซึ่งหากติดแค่โควตายูโรป้าลีก + ว่าวแชมป์ทุกถ้วย  ผมว่าโอกาสที่บอร์ดจะปลดโซลชาสายฟ้าแลบ แล้วลากพอชเข้ามาคุมทีมต่อเลย มีโอกาสสูงมากๆ

แต่ถ้าโซลชาทะลึ่งทำทีมกลับไปเล่นUCLได้ ยังไงซะแมนยูก็ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ก็คือผลงานรับได้ โซลชาก็คุมต่อไปแค่นั้น คือเรียกง่ายๆว่า การติดต่อพอชไว้ไม่เสียหาย ถ้าเราผลงานแย่ ก็ดึงตัวมาเลย แต่ถ้าผลงานโอเล่ดี ก็ไม่มีอะไร

ถ้าถามความรู้สึกจากการเดาใจบอร์ดบริหารของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดแล้ว การที่พอเชตติโน่ว่างงานแล้วแบบนี้ ในขณะที่ซีซั่นก็เหลืออีกประมาณครึ่งซีซั่นกว่าๆ ผมเดาว่า บอร์ดเราน่าจะอยากได้พอชมากๆ และมีโอกาสสูงที่จะหาช่องปลดโซลชาทันทีหากมีโอกาส ซึ่งก็อย่างที่กล่าวไป ถ้าทำทีมกลับไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกได้ น่าจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ต่อชีวิตโซลชาได้ แต่ถ้าต่ำกว่านั้น  ได้เพียงไปเล่นแค่ยูโรป้าลีก หรือถ้วยเล็กๆอีกหนึ่งถ้วย(หากเป็นคาราบาวลีกคัพ หรือดีสุดแค่เอฟเอคัพ) ก็อาจจะไม่เพียงพอจะ #SAVEOLE ก็เป็นได้

หากใครยังจำไม่ได้ ก็หันหลังกลับไปดูเคสของหลุยส์ ฟาน กัลดู ว่าได้แชมป์FA Cupมาแล้วเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นผมเชื่อว่า ต่อให้ได้ถ้วยนั้น + โควตายูโรป้าลีก มันก็ไม่เพียงพออยู่ดีสำหรับบอร์ดบริหารแมนยูไนเต็ด

โอเล่จำเป็นต้องกดอัลติ ระเบิดร่างเทพเหมือนตอน10นัดแรกซีซั่นที่แล้วกลับมาให้ได้ แล้วพาทีมไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกเท่านั้น ถึงจะเอาอยู่  ถ้าต่ำกว่านี้  ผมว่าตายทุกกรณี

และนี่แหละ คือเกมเก้าอี้ดนตรีจากนรก..

เกมที่คุณจะถูกแย่งเก้าอี้ได้ตลอดเวลา เพื่อที่จะลุก แล้วไปไล่แย่งเก้าอี้ของคนอื่นต่อไปเรื่อยๆหากมีโอกาส

นี่คือรอบสามคนสุดท้าย ที่มูรินโญ่เป็นคนที่เพิ่งจะได้กลับมานั่ง ในขณะที่พอช เพิ่งลุก

และโซลชา น่าจะเป็นคนที่ร้อนๆหนาวๆกับการลุกของพอชมากกว่าใคร

-ศาลาผี-