:::     :::

แค่แชมป์ไม่พอ...ขอลุ้นไร้พ่าย

วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2562 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
1,373
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หลังจบเกมบ็อกซิ่งเดย์ มองภาพรวมผลงานของ ลิเวอร์พูล ในช่วงครึ่งซีซั่นแรกแล้ว บอกได้เลยว่า ไม่เพียงแค่แชมป์พรีเมียร์ลีกที่อยู่ในกำมือ แต่ยังรวมถึงการเป็นแชมป์ 'ไร้พ่าย' ด้วย

หลังจากผ่านเกมที่ 18 ที่ คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม (เตะน้อยกว่าทีมอื่น 1 นัด) ลิเวอร์พูล มีตัวเลขสวยๆ บนตารางคะแนน จากผลงานชนะ 17 เสมอ 1 ไม่มีแพ้ โดยผ่านการเผชิญหน้ากับทีมในกลุ่ม 'บิ๊ก 6' มาแล้วหนึ่งเกม

ชัยชนะเหนือ อาร์เซน่อล 3-1 ที่ แอนฟิลด์
ชัยชนะเหนือ เชลซี 2-1 ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์
บุกเสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
ชัยชนะเหนือ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-1 ที่ แอนฟิลด์
ชัยชนะเหนือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-1 ที่ แอนฟิลด์
บวกกับชัยชนะเหนือ เอฟเวอร์ตัน 5-2 ที่ แอนฟิลด์ ในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้
และชัยชนะทั้งเหย้าและเยือนเหนือ เลสเตอร์ ที่มีดีกรีเป็นรองจ่าฝูง
เมื่อผ่านครึ่งทางสวยหรูเช่นนี้ เป็นธรรมดาที่ภาพการคว้าแชมป์แบบไร้พ่ายจะผุดขึ้นมาอยู่ในหัว
ถึงตอนนี้ อาร์เซน่อล ยังเป็นทีมเดียวที่ไม่แพ้ใครตลอดหนึ่งฤดูกาลพรีเมียร์ลีก ที่ทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ ฝากผลงานที่ถูกจดบันทึกไปตลอดกาลเอาไว้ในซีซั่น 2003-04 ยุคที่มีแนวรุกทีเด็ด เธียร์รี่ อองรี, โรแบร์ ปิแรส, เฟร็ดดี้ ลุงเบิร์ก บวกกับความเก๋าของ เดนนิส เบิร์กแคมป์ และกำลังเสริมชั้นดี ซิลแว็ง วิลตอร์ กับ โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส ผู้ล่วงลับ
และหาก ลิเวอร์พูล ทำได้เป็นทีมที่สองในฤดูกาลนี้ ก็อาจได้เห็นผลงานที่ดีกว่า ชนะ 26 เสมอ 12 ในฤดูกาลไร้พ่าย 2003-04 ของ อาร์เซน่อล
จากเจ้าของสถิติทำแต้มมากสุดแต่ไม่ได้แชมป์ (97 คะแนน) ที่เกิดขึ้นซีซั่นที่แล้ว หงส์แดง กำลังเปลี่ยนเป้าหมายไปล่าสถิติแชมป์ที่ทำแต้มมากสุด ที่ปัจจุบันเป็นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 100 คะแนนถ้วน ซีซั่น 2017-18
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายสถิติให้ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไล่ล่าในฤดูกาลนี้ ไม่ว่าจะเป็น ชนะมากที่สุดในบ้าน, ชนะมากที่สุดนอกบ้าน, ทำแต้มมากที่สุดในบ้าน, ทำแต้มมากที่สุดนอกบ้าน, คว้าแชมป์ด้วยการทิ้งห่างทีมอันดับสองมากที่สุด (สถิติปัจจุบัน แมนฯ ซิตี้  19 คะแนนเหนือ แมนฯ ยูไนเต็ด ซีซั่น 2017-18) เป็นต้น
แต่ก่อนจะคิดไปไกลถึงจุดนั้น เจอร์เก้น คล็อปป์ จะต้องนำลูกทีมผ่านสองเกมหนักๆ ในเดือนมกราคมให้ได้เสียก่อน
หลังจากโปรแกรมสุดท้ายของปี 2019 ที่เปิดรัง แอนฟิลด์ รับมือ วูลฟ์แฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ในวันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม หงส์แดง จะเริ่มต้นปี 2020 ด้วยเกมในบ้านเช่นเดิมเจอกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมที่พวกเขาเคยเก็บสามคะแนนแบบสุดเหนื่อยมาแล้วที่ บรามอลล์ เลน
ถัดมาถึงเป็นโปรแกรมเยือน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม ต่อด้วยเกม 'แดงเดือด' เจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ แอนฟิลด์
อีกสองเกมเป็นเกมเยือน วูล์ฟส์ กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด โดยเกมหลังถูกเลื่อนออกมาจากโปรแกรมกลางเดือนธันวาคม ที่ติดภาระกิจบินไปคว้าแชมป์ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ ที่ กาตาร์
โดยโปรแกรมจะถูกคั่นด้วยเกมเอฟเอคัพ ที่รอบ 3 เป็นเกมเมอร์ซี่ย์ดาร์บี้เจอกับ เอฟเวอร์ตัน ที่ แอนฟิลด์ ก่อนเกมเยือน สเปอร์ส และหากทะลุเข้าสู่รอบ 4 โปรแกรมก็ถูกวางเอาไว้ ก่อนเยือน ลอนดอน สเตเดี้ยม
หากผ่านพ้นโปรแกรมในเดือนมกราคมไปได้ตามเป้า ทีนี้ก็จะเหลือเกมหนักๆ เยือน เอฟเวอร์ตัน ในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้ ในเดือนมีนาคม, บุกบ้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเดือนเมษายน และหากยังมีลุ้นจนถึงเดือนสุดท้าย พฤษภาคม ก็มีสองเกมใหญ่รออยู่คือการเยือน อาร์เซน่อล และเปิดบ้านรับมือ เชลซี
ถึงตอนนี้คงไม่มีใครคิดว่าแชมป์พรีเมียร์ลีกจะหลุดไปจากมือ ลิเวอร์พูล แล้ว เหลือแค่ว่าจะฉลองแชมป์เมื่อไหร่? และจะคว้าแชมป์แบบ 'ไร้พ่าย' อย่างที่แอบหวังเอาไว้ลึกๆ ได้หรือไม่

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด