"ปีศาจแดง" กับเสื้อหมายเลข 7
เพราะนี่ถือเป็นหมายเลขที่นักเตะระดับตำนาน และไอคอนหลายต่อหลายคน เคยสวมใส่ลงสนามให้กับพลพรรค "ปีศาจแดง" พร้อมกับเก็บเกี่ยวความสำเร็จ และเกียรติยศอย่างมากมาย
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ที่ "คริสเตียโน่ โรนัลโด้" ย้ายทีมออกไปในปี 2009 พร้อมกับผลงานการยิงประตู 118 รวมทุกรายการ ยังไม่มีผู้เล่นหมายเลข 7 คนไหน ที่สามารถสร้างผลงานการเล่นที่น่าประทับใจ และผลิตสกอร์ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำอีกเลย
จากการจดสถิติพบว่า เจ้าของเสื้อเบอร์ 7 จำนวน 5 คนหลังจากหมดยุคของโรนัลโด้ ยิงประตูรวมกันได้เพียงแค่ 34 ลูกเท่านั้น (รวมทุกรายการ) ตลอดช่วงเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา
จนแฟนบอลบางคนถึงกับบอกว่า เบอร์ 7 ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจหมดสิ้นมนต์ขลังไปแล้ว ช่วงนี้ เราไปติดตามเรื่องราวของเสื้อหมายเลขนี้ หลังจากหมดยุคของ "CR7" ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ?
ไมเคิ่ล โอเว่น (52 เกม 17 ประตู)
โอเว่น ย้ายร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงปี 2009 โดยกุนซืออย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตัดสินใจมอบเสื้อหมายเลข 7 ให้ไปครอบครอง อย่างไรก็ตาม นอกจากผลงานการยิงประตูชัย ในเกมที่เปิดบ้านเอาชนะคู่ปรับร่วมเมือง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสกอร์ 4-3 บวกกับแชมป์พรีเมียร์ลีก กับลีก คัพ อย่างละสมัยแล้ว กองหน้าร่างเล็กถือว่าไม่มีผลงานที่น่าจดจำสักเท่าไหร่
เพราะในฐานะกองหน้าตัวเป้า โอเว่น สามารถยิงประตูให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพียงแค่ 17 ประตูเท่านั้น โดยเป็นการนับรวมกันทุกรายการ ตลอดการเล่นในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทั้ง 3 ฤดูกาล กระทั่งปี 2012 เขาจะโดนปล่อยตัวให้กับสโต๊ค ซิตี้ และประกาศแขวนสตั๊ดในปีต่อมา
อันโตนิโอ วาเลนเซีย (40 เกม 1 ประตู)
ย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงปี 2009 เช่นเดียวกัน โดยเขาเริ่มต้นด้วยการสวมเสื้อหมายเลข 25 ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นเบอร์ 7 ในช่วงฤดูกาล 2012-13 อย่างไรก็ตาม ดาวเตะทีมชาติเอกวาดอร์ ผ่านการสวมเสื้อหมายเลข 7 ลงสนามไป 40 เกมรวมทุกรายการ แต่กลับสามารถยิงประตูให้ทีมเพียงแค่ลูกเดียวเท่านั้น
โดยเจ้าตัวถือว่าเป็นเบอร์ 7 ที่ยิงประตูได้น้อยที่สุด หลังจากหมดยุคของโรนัลโด้ เลยทีเดียว ท่ามกลางความกดดันที่ถาโถมเข้ามาเรื่อยๆ วาเลนเซีย ตัดสินใจกลับไปใช้เบอร์ 25 เหมือนเดิมในฤดูกาลต่อมา ก่อนจะเปลี่ยนตำแหน่งจากปีกขวา ถอยลงมาเล่นแบ็คขวาในที่สุด
อังเคล ดิ มาเรีย (32 เกม 4 ประตู)
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมทุ่มเงินมหาศาลกว่า 60 ล้านปอนด์ เพื่อดึงดาวเตะทีมชาติอาร์เจนติน่า รายนี้มาร่วมทีมจากเรอัล มาดริด พร้อมกับได้รับเสื้อหมายเลข 7 เป็นการมัดใจ ย้อนกลับไปเวลานั้น แฟนบอลหลายคนต่างคิดว่า ดิ มาเรีย จะกลายเป็นความหวังใหม่ของเสื้อหมายเลขนี้ ด้วยลีลาการเล่น, ชั้นเชิง และคลาสบอลที่สูง เขาน่าจะเข้ามายกระดับทีมได้
ผลสุดท้าย เขากลับยิงประตูให้ทีมเพียงแค่ 4 ลูก รวมทุกรายการ ก่อนที่จะไปมีปัญหากับผู้จัดการทีมอย่าง "หลุยส์ ฟาน กัล" จากการเล่นไม่เข้าระบบ จนถึงการไม่ยอมกลับมาซ้อม พร้อมกับบีบสโมสรให้ปล่อยตัวไปยังเปแอสเช
นอกจากผลงานในสนามที่ไม่ไหวแล้ว ในส่วนของพฤติกรรมที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพ ส่งผลให้แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จำนวนไม่น้อยบอกว่า นี่คือหมายเลข 7 ที่ไม่คู่ควรเลยทีเดียว
เมมฟิส เดปาย (53 เกม 7 ประตู)
เดปาย สร้างชื่อจนโด่งดังกับทีมพีเอสวีฯ จนได้รับการจับตามองว่า นี่คือดาวรุ่งพรสวรรค์สูงคนหนึ่งในวงการฟุตบอลยุโรป ย้อนกลับไปฤดูกาล 2014-15 เขาสามารถพาต้นสังกัดผงาดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดอย่างเอเรดิวิซี่ พ่วงด้วยการคว้าดาวซัลโวของลีกสูงสุดอีกด้วย
กระทั่งการย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลต่อมา เขากลับไม่สามารถแบกรับความกดดันของเสื้อหมายเลข 7 ได้ไหว ฟอร์มการเล่นที่เริ่มออกทะเลไปเรื่อยๆ จนมีหลายจังหวะที่ผิดพลาด และนำมาสู่การสูญเสียความมั่นใจ
เดปาย โชว์ฟอร์มไม่ออก และมีโอกาสลงสนามอย่างจำกัด โดยเฉพาะฤดูกาล 2016-17 เขาลงเล่นในพรีเมียร์ลีก 4 เกมเท่านั้น พร้อมกับใช้เวลาในสนามเพียงแค่ 20 นาที แถมทั้งหมดคือการลงมาเล่นเป็นตัวสำรอง
โดยรวมแล้ว ดาวเตะทีมชาติฮอลแลนด์ ลงสนามให้กับทัพ "ปีศาจแดง" รวมทุกรายการ 53 เกม และยิงไปเพียงแค่ 7 ประตู ก่อนที่จะถูกปล่อยตัวไปให้กับโอลิมปิก ลียง ในตลาดซื้อขายหน้าหนาวเดือนมกราคม 2017
อเล็กซิส ซานเชซ (45 เกม 5 ประตู)
เดือนมกราคม 2018 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สร้างความฮือฮา ด้วยการคว้าตัวอเล็กซิส มาจากคู่แข่งร่วมลีกอย่างอาร์เซน่อล นอกจากการเปิดตัวที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และค่าเหนื่อยที่มหาศาลแล้ว เขายังได้รับเสื้อหมายเลข 7 ไปสวมใส่ด้วย ทว่าสุดท้าย เขาเป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่สามารถต้านทานอาถรรพ์ของเสื้อหมายเลขนี้ได้สำเร็จ การเล่นของเขาดูเหมือนจะติดๆขัดๆไปเสียหมด
อเล็กซิส ลงสนามให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 45 เกม รวมทุกรายการ สามารถผลิตสกอร์ได้อย่างน้อยนิดแค่ 5 ประตูเท่านั้น ถือว่าน่าผิดหวัง เมื่อเทียบกับคนที่เคยสร้างสรรค์เกม และยิงประตูได้อย่างมากมายแบบเขา
นอกจากการปรับตัว, การเล่นไม่เข้าระบบ และการตอบโจทย์ด้านแท็คติกแล้ว อาการบาดเจ็บ ก็เป็นตัวฉุดรั้งให้เขากลายเป็นหมายเลข 7 ที่ประสบความล้มเหลวในถิ่น "โรงละครแห่งความผัน" อีกคน