:::     :::

คุยกับ ศักดิ์เกษม พจนพรพันธุ์ : แข้งไทยในญี่ปุ่นคนล่าสุด

วันพุธที่ 11 มีนาคม 2563 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
4,372
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
"ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน" คำๆ นี้ยังคงใช้ได้เสมอ เพราะความสำเร็จหรือโอกาสบางครั้งโชคหรือวาสนาก็อาจช่วยไม่ได้ เหมือนกับแข้งหนุ่มวัย 24 ปี ที่หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อมาก่อนอย่าง "เษม" ศักดิ์เกษม พจนพรพันธุ์ ชีวิตนักเตะของเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เคยถึงขั้นเกือบถอดใจแขวนสตั๊ดไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ล่าสุดด้วยความไม่ยอมแพ้ เขาสร้างโอกาสให้ตัวเอง และกำลังจะได้ไปค้าแข้งที่ญี่ปุ่น ดินแดนแห่งความฝันของนักเตะไทย กับสโมสร เดซโซลล่า ชิมาเนะ ในระดับลีกดิวิชั่น 4 วันนี้ผมมีบทสัมภาษณ์ที่จะทำให้คุณได้รู้จักว่าที่แข้งส่งออกของไทยคนล่าสุดกันมากยิ่งขึ้น

แมน : สวัสดีครับเษม คือพี่กับแทน (ธรรมนูญ สาลี นักเตะกองกลางทีม นครศรี ยูไนเต็ด) สนิทกันเป็นพี่น้องอยู่แล้วนะครับ แล้วแทนเขาบอกพี่ว่ามีเพื่อนรุ่นน้องก็คือเษม กำลังจะไปเล่นอาชีพที่ญี่ปุ่นแต่ไม่เคยมีข่าวเลย พี่ก็เลยอยากรู้จักเษมมากขึ้นครับ ว่าจะเอาไปเขียนคอลัมน์ด้วย

ศักดิ์เกษม : ยินดีครับพี่ ผมไม่เคยให้สัมภาษณ์หรือออกสื่อมาก่อนเลยครับ นี่คือครั้งแรกในชีวิต ตื่นเต้นมาก

แมน : ไม่ต้องตื่นเต้นครับ คุยกันสบายๆ ไม่ได้เป็นทางการอะไรขนาดนั้น 

ศักดิ์เกษม : 555 ครับพี่แมน

แมน : ทีมที่จะไปเล่นที่ญี่ปุ่นคือทีมอะไร อยู่ในลีกระดับไหนครับ


ศักดิ์เกษม : ทีม เดซโซลล่า ชิมาเนะ เอสปอร์ต คลับ อยู่ระดับ เจลีก 4 เป็นลีกกึ่งอาชีพครับ 

แมน : แล้วไปยังไงมายังไงถึงจะได้ไปอยู่กับทีมนี้ครับ เอางี้ดีกว่า ให้เษมเล่าตั้งแต่เริ่มต้นเลยว่าชีวิตการเล่นฟุตบอลของเษมเป็นมายังไง

ศักดิ์เกษม : ตั้งแต่ต้นเลยนะครับ ตอนเด็กๆ ที่บ้านเห็นผมชอบเตะฟุตบอลอยู่แล้ว ก็พาไปสมัครเข้า สุขโกกี อคาเดมี่ ของพี่ธง ธงชัย สุขโกกี (เฮดโค้ชนครปฐม ยูไนเต็ด) ครับ

แมน : อ๋อของพี่ธงนี่เอง แกเคยเล่าให้พี่ฟังว่ามีนักเตะทีมชาติหลายๆ คนเคยไปฝึกกับแกมาก่อน รุ่นที่เษมอยู่ตอนนั้นมีใครที่ดังๆ บ้างนะครับ

ศักดิ์เกษม : รุ่นที่ผมอยู่ก็จะมีโก้ สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ (กองกลางการท่าเรือ เอฟซี) ครับ แล้วจากนั้นผมก็ไปเข้าอคาเดมี่ที่ ธนบุรี อินเตอร์ พอตอน ม.1 ผมไปเรียนที่วัดสุทธิวราราม จนถึง ม.4 ครับ แล้วตอนนั้นทางพณิชยการราชดําเนิน เขาเปิดรับโครงการนักฟุตบอล ผมก็เลยออกจากวัดสุทธิฯ ไปสมัครที่พณิชยการราชดําเนิน ครับ


แมน : ตอนนั้นที่พณิชยการราชดําเนิน เป็นอ.ไพศาล ศรีอุ่นดี สอนอยู่หรือเปล่าครับ

ศักดิ์เกษม : เป็นอ.พยงค์ ขุนเณร ครับ อ.ไพศาล แกก็ยังเป็นอาจารย์อยู่นะครับ แต่ทีมฟุตบอลเหมือนแกจะไม่ได้ทำแล้ว 

แมน : อ.ไพศาล ไปช่วยพี่ก้องภพ พ่อของ เจ ชนาธิป สรงกระสินธุ์ ทำอคาเดมี่ อยู่นะ แล้วตอนนี้ที่พณิชยการราชดําเนิน ใครเป็นโค้ชอยู่พอทราบมั้ยครับ

ศักดิ์เกษม : ตอนนี้เป็น อ.เขียว (ดำรงค์ เพ็ชร์สังวาลย์) ครับ

แมน : เษมตอนนี้อายุ 24 ใช่มั้ยครับ เอ๊ะตอนเรียนนั่นทันรุ่นของ "เจ" ชนาธิป รึเปล่า แล้วในรุ่นเดียวกันมีใครที่ขึ้นมาเล่นอาชีพมีชื่อเสียงในตอนนี้บ้าง

ศักดิ์เกษม : ตอนผมเข้ามาปี 1 พี่เจก็จบออกไปพอดีเลยครับ รุ่นผมจะมี "เป้" นพพล พลคำ คนเดียวเลยครับที่ติดทีมชาติ ส่วนที่เล่นฟุตบอลอาชีพก็มีแค่ เป้ กับ ผม คนอื่นๆ ไม่น่าจะมีใครแล้วครับ หลายๆ คนก็ไปเตะบอลเดินสายบ้าง ทำอาชีพอื่นบ้าง

แมน : เหลือเชื่อเลยนะ เพราะพณิชยการราชดําเนิน รุ่นก่อนๆ มีนักเตะดังๆ เยอะมาก อย่าง ดัสกร ทองเหลา, อนุชา กิจพงษ์ศรี, พิชิตพงษ์ เฉยฉิว, ชุติพนธ์ ทองแท้, เจ ชนาธิป, ศนุกรานต์ ถิ่นจอม และอีกเยอะเลย

ศักดิ์เกษม : ใช่พี่ คือก่อนหน้านี้ทางโรงเรียนเป็นพันธมิตรกับทีมเทโรด้วย แต่พอรุ่นหลังจากผมก็ไม่ได้เป็นแล้ว นักเตะรุ่นหลังๆ ก็อาจจะไม่ได้มีโอกาสเหมือนรุ่นพี่ก่อนหน้านี้ครับ


แมน : แล้วเษมไปอยู่ที่ไหนยังไงต่อครับ

ศักดิ์เกษม : อ๋อผมเคยไปอยู่อคาเดมี่ของโอสถสภาด้วยครับ เป็นรุ่นแรกที่เขาเปิดเลย ตอนนั้นมีพี่โต่ย ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย, พี่โจ๊ก เจษฎา พั่วนะคุณมี, พี่เจ จักรกริช บุญคำ ดูแลทีมอยู่ครับ รุ่นนั้นจะมี ไช้ วันชัย จารุนงคราญ (แบ็กซ้าย ทรูแบงค็อก ยูไนเต็ด) ที่อยู่รุ่นเดียวกันครับ

แมน : พอจบจากพณิชยการราชดําเนิน ไปอยู่ บางกอก เอฟซี ใช่มั้ยครับ ที่ทำให้รู้จักกับแทน ที่คุณณัฏฐพล ทีปสุวรรณ เป็นประธานสโมสร ใช้สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ บางมด เป็นสนามเหย้า


ศักดิ์เกษม : ใช่ครับ ผมได้ไปอยู่ บางกอก เอฟซี ตอนที่มี มิลอส โจซิช เป็นโค้่ชอยู่ครับ ตอนแรกผมก็อยากจะเริ่มต้นที่ทีมเยาวชนก่อน เพราะผมเพิ่งอายุ 18-19 แต่บางกอก เอฟซี เขาบอกผมว่าเขาทำทีมเดียว ไม่มีทีมเยาวชนหรือทีมสำรอง ผมก็เลยได้เล่นชุดใหญ่เลยในลีกดิวิชั่น 1 (T2)

แมน : แล้วเษมมีโอกาสได้ลงสนามมากแค่ไหนครับ 

ศักดิ์เกษม : ได้ลงตัวจริงประมาณแค่ 2 เกมเองครับ ช่วงท้ายๆ ฤดูกาล ต้นฤดูกาลก็มีได้ลงครึ่งหลังบ้าง ช่วงนั้นผมมีปัญหาอาการบาดเจ็บด้วยครับ


แมน : โอกาสก็ยังไม่ค่อยมาถึงเท่าไหร่นะ จากนั้นยังไงต่อครับ

ศักดิ์เกษม : จากนั้นผมย้ายไปเล่นให้ สิงห์บุรี ครับ เป็นโค้ชชาวญี่ปุ่น โปรไลเซ่นส์ ชื่อ นากามูระ ทำทีมอยู่ แล้วปีถัดมาผมก็ย้ายไปเล่นกับ สมุทรปราการ เอฟซี ครับ

แมน : ค่อนข้างย้ายบ่อยเลย ตอนนั้น สมุทรปราการ ใครเป็นโค้ชนะครับ 

ศักดิ์เกษม : เป็นโค้ชสเปนครับ ชื่อว่า มาร์ตู  

แมน : พี่ค้นประวัติในกูเกิ้ล เห็นเษมไปเรียนอยู่ ม.กรุงเทพธนบุรี ได้เล่นกีฬามหาลัยมั้ยครับ แล้วตอนนี้จบหรือยัง

ศักดิ์เกษม : จบแล้วครับพี่ ประมาณ 2 ปีได้แล้ว ผมเข้าเรียนตั้งแต่สมัยอยู่ บางกอก เอฟซี แล้วครับ ได้เล่นแค่กีฬาเฟรชชี่ เพราะตัวของกรุงเทพธนฯ มีทีมชาติเยอะมากพี่ เขาให้ทุนเข้ามา กีฬามหาลัยผมไม่เคยได้แข่งเลยครับ


แมน : เษมเคยมีโอกาสถูกเรียกติดทีมชาติชุดไหนมาก่อนบ้างมั้ย

ศักดิ์เกษม : เคยแค่มีชื่อเรียกติดรอบ 50 คน ยู-19 ที่พี่อดุลย์ (รุ่งเรือง) เป็นโค้ช แล้วก็โดนตัดตัวออกครับ 

แมน : จากสมุทรปราการ เอฟซี แล้วไปไหนต่อครับ

ศักดิ์เกษม : ไป ไอพีอี สมุทรสาคร ครับ เป็นทีมบ้านเกิดผม เล่นในระดับ T4 แล้วก็ปีที่แล้วผมไปเล่นให้ทีมธนบุรี เป็นระดับ T5 เลยครับ

แมน : โหกราฟชีวิตนักเตะของเรา ดูมันจะแกว่งๆ พอสมควรเลยนะ ลีกสูงสุดที่เคยเล่นก็คือ T2 แล้วปีล่าสุดนี่ไปเล่น T5 เลย พี่เห็นชื่อเรามีไปอบรมโค้ชหลักสูตรเบื้องต้น (Thailand Introductory Course) ด้วย คือตั้งใจจะเบนเข็มไปทางงานโค้ชอยู่หรือเปล่า เพิ่งจะอายุ 24 เอง

ศักดิ์เกษม : ใช่เลยครับพี่ ผมเคยท้อและคิดจะเลิกเล่นฟุตบอล แต่ก็อยากทำงานอะไรที่มันเกี่ยวกับฟุตบอลต่อไป ก็เลยไปเรียนโค้ชครับ ตอนแรกตั้งใจว่าปีนี้จะลงเรียน ซี ไลเซนส์ ด้วย แต่ตอนนี้ก็เบรกไปก่อน เพราะมีโอกาสจะได้ไปเล่นที่ญี่ปุ่นครับ

แมน : ถามก่อนว่า ที่บอกว่าท้อและอยากเลิกเล่นฟุตบอล แต่พอมีโอกาสไปญี่ปุ่น มันทำให้ไฟของเราที่กำลังจะมอดกลับมาลุกอีกครั้งใช่มั้ย แล้วตอนแรกที่อยากเลิกเล่นเพราะอะไร


ศักดิ์เกษม : ผมท้อกับการเล่นฟุตบอลในไทยครับ เพราะปัญหาที่เจอมา บางทีมได้เงินเดือนแค่เดือนแรก หลังจากนั้นก็ไม่ได้อีกเลย บางทีมก็จ่่ายไม่ตรง จ่ายไม่ครบบ้าง ผมอยากออกไปจากปัญหาพวกนี้ในบ้านเรา แล้วผมเชื่อว่าถ้าไปต่างประเทศ โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่น เขาน่าจะมีการจัดการที่เป็นมืออาชีพครับ

แมน : เอาล่ะ ถามถึงเรื่องไปเล่นที่ญี่ปุ่น โอกาสนี้มาได้ยังไง

ศักดิ์เกษม : ผมมีเพื่อนเป็นคนญี่ปุ่น ที่เคยเล่นอยู่สิงห์บุรี ด้วยกันนั่นแหละพี่ ผมแชทไปถามเขาว่าอยากไปเล่นฟุตบอลที่ญี่ปุ่น พอจะมีช่องทางไหนบ้าง เขาก็แนะนำให้ผมรู้จักเอเจนต์คนนึงเป็นอดีตนักเตะเจลีก เขาชื่อ ชินยะ ผมคือนักเตะในความดูแลคนแรกของเขาเลยครับ ทีนี้ก็แชทกันมาเรื่อยๆ แล้วเขาบอกว่าเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา จะมี ไทรอัล เดย์ ที่เมือง ชิบารากิ มีนักเตะจากทั่วทุกมุมโลกมาทดสอบให้เอเจนต์กับทีมในญี่ปุ่นดู 

แมน : เษมก็เลยตัดสินใจไปไทรอัล เดย์ ที่ญี่ปุ่นเลยหรอ ไปกับใครครับ มีเพื่อนหรือคนในครอบครัวไปด้วยหรือเปล่า แล้วคุยกันเป็นภาษาอะไรครับ

ศักดิ์เกษม : ภาษาอังกฤษครับ ไปคนเดียวเลยพี่ ผมเนี่ยเกิดมาไม่เคยไปญี่ปุ่นเลย นั่นคือครั้งแรกในชีวิต ชินยะ ที่สนามบิน แล้วเชื่อมั้ยพี่ว่าผมไม่เคยเจอ ชินยะ มาก่อนเลย รูปโปรไฟล์ในไลน์ที่เขาคุยกับผมก็ไม่ได้ใช้รูปตัวเอง แต่เหมือนต่างคนต่างมีเซนส์ เขาบอกผมว่าถ้าเครื่องถึงสนามบินให้ไลน์บอกเขานะ พอถึงผมก็สังเกตว่าคนนี้น่าจะใช่ เพราะลุคเป็นนักฟุตบอลแน่นอน เขาก็เข้ามาทักว่าใช่เษมหรือเปล่า


แมน : นี่ถ้าไปแล้วไม่เจอล่ะแย่เลยนะ อารมณ์คนไปญี่ปุ่นครั้งแรกด้วย แล้วการทดสอบเป็นยังไงบ้างครับ เขาให้เราทำอะไรบ้าง

ศักดิ์เกษม : เขาให้เสื้อเอี๊ยมมาใส่ มีเบอร์ติดข้างหลัง แล้วก็แบ่งทีมกัน แยกเป็นล็อตๆ ว่าเบอร์นี้ได้ลงเล่นตอนช่วงกี่โมง เราจะรู้ก่อนประมาณครึ่งชั่วโมงครับว่ากำลังจะถึงคิวเรา ช่วงระหว่างนั้นก็วอร์มอัพยืดกล้ามเนื้อ ช่วงนั้นที่ชิบารากิ อากาศหนาวมากๆ ครับ แล้วเขาก็จะให้คนที่อยู่ในทีมเดียวกันแนะนำตัวกับคนอื่นๆ 

แมน : คนที่มาเทสต์มีชาติไหนบ้างครับ มีอาเซียนบ้างรึเปล่า

ศักดิ์เกษม : อาเซียนมีผมคนเดียวครับ แล้วก็มีออสเตรเลีย, มีผิวสีผมไม่แน่ใจว่าจากแอฟริการึเปล่า แล้วก็คนญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่

แมน : ตอนเทสต์ผลงานเป็นยังไงบ้าง ได้ลงเล่นแค่ไหน แล้วเพื่อนร่วมทีมเขาไว้ใจส่งบอลให้เรามั้ย คือพี่เคยไปดูสโมสรในไทยเทสต์ตัวต่างชาติ บางคนนี่แทบไม่จ่ายบอลให้เพื่อน จะเลี้ยงโชว์ไปยิงคนเดียวซะให้ได้

ศักดิ์เกษม : ผมว่าน่าจะเป็นเพราะพวกรุ่นพี่อย่าง พี่เจ ไปทำให้เขาเห็นและรู้จักนักบอลไทยมากขึ้นด้วยครับ ทำให้เขาเปิดใจยอมรับเรา อย่างตอนแนะนำตัว ผมก็บอกว่า ผมชื่อเษม มาจากประเทศไทย ทุกคนก็ไม่ได้ดูแปลกใจอะไร แล้วตอนเล่น ผมได้ลงเป็น 11 ตัวจริงเต็มเกมครึ่งละ 45 นาที ระบบ 4-4-2 นะครับ เขาให้ผมไปยืนปีกซ้าย แต่จริงๆ ในไทยผมจะเล่นเป็นกองกลางตัวรุกมากกว่า เพื่อนร่วมทีมก็จ่ายบอลให้ตลอด เพราะผมพยายามวิ่งเคลื่อนที่หาที่ว่างตลอด นักเตะทื่ไปเทสต์มีความเข้าใจเกมสูงมากครับ สลับตำแหน่ง ซ้อนตำแหน่งให้กันตลอด เพรสซิ่งสูง แล้วบอลก็เคลื่อนที่เร็วมาก ตอนนั้นผมยิงไป 1 ลูกแล้วก็แอสซิสต์ 1 ลูกครับ พอซ้อมเสร็จออกมานั่งพัก เอเจนต์ก็เข้ามาคุยเลยว่ามีทีมสนใจเรา


แมน : ก็คือทีมของจังหวัดชิบาเนะ นี่ใช่มั้ย แล้วตอนนี้เราถือว่าเป็นนักเตะของสโมสรนี้หรือยัง ได้เจอโค้ชหรือเพื่อนร่วมทีมไปบ้างยัง ในทีมมีนักเตะต่างชาตินอกจากเราบ้างหรือเปล่า

ศักดิ์เกษม : ยังครับพี่ คือทางชินยะ เขายืนยันว่าสัญญาเรียบร้อยแล้ว นัดให้ผมไปเซ็นที่ญี่ปุ่นต้นเดือนเม.ย. นี้ พอไปแล้วก็คงไม่มีเวลาให้พรีซีซั่น ต้องเตรียมลงแข่งเลยครับ ในทีมเห็นว่าโค้ชและนักเตะเป็นญี่ปุ่นทั้งหมด ผมจะเป็นคนต่างชาติคนเดียว

แมน : รายละเอียดสัญญาเป็นยังไงบ้างครับ เขาให้อะไรเราบ้าง แล้วเซ็นกันนานแค่ไหน

ศักดิ์เกษม : สัญญาถึงจบฤดูกาลครับ ได้เงินเดือน 2 แสนเยน (ประมาณ 5 หมื่นบาท) มีบ้านพักให้อยู่กับรูมเมทอีกคนในทีมเดียวกัน ผมยังไม่รู้เลยครับว่าจะต้องไปอยู่กับใคร แล้วไปที่นั่นผมต้องทำงานโรงงานด้วย เพราะลีกที่ผมเล่นถือเป็นระดับเซมิโปร นักเตะต่างชาติต้องทำอาชีพอื่นด้วยถึงจะได้เวิร์คเพอร์มิต 

แมน : แล้วงานโรงงานที่เราต้องไปทำเนี่ย เขาให้เราไปทำหน้าที่อะไรครับ

ศักดิ์เกษม : ผมไม่แน่ใจนะครับ น่าจะเป็นโรงงานเสื้อผ้าอะไรซักอย่าง ผมอาจจะไปทำพวกสต็อคสินค้าอะไรพวกนี้ครับ

แมน : ช่วงนี้ ไวรัส โควิด-19 กำลังระบาดหนักเลย มันจะกระทบกับการไปเซ็นสัญญาของเรามั้ยเนี่ย ถ้ามองในแง่ร้ายที่สุดนะ เกิดยกเลิกขึ้นมามีแผนสำรองอะไรไว้้บ้างหรือเปล่า

ศักดิ์เกษม : ก็มีแอบกังวลบ้างครับ แต่ได้คุยกับทางเอเจนต์เรื่อยๆ เขาก็ยืนยันว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร ผมไม่ได้เตรียมแผนสำรองไว้เลยครับ ตั้งใจว่าจะต้องไปเล่นที่ญี่ปุ่นอย่างเดียว 


แมน : ระหว่างที่รอการเดินทางไปเซ็นสัญญา เษมเตรียมตัวยังไงบ้างในช่วงนี้

ศักดิ์เกษม : ผมจะตื่นมาวิ่งทุกเช้าครับ แล้วตอนสายๆ ผมไปขี่แกร็บฟู้ดหารายได้ พอช่วงเย็นผมก็จะเข้าฟิตเนส บางวันก็มีไปเตะบอลเดินสายบ้าง เพื่อรักษาสภาพความฟิตครับ เพราะเดี๋ยวถ้าไปญี่ปุ่น ได้ยินมาว่าการซ้อมมันจะหนักกว่านี้มากๆ ก็เลยพยายามทำให้ร่างกายตัวเองพร้อมที่สุดครับ

แมน : หลายๆ คนที่เคยไปเล่นที่ญี่ปุ่น โดยเฉพาะในระดับที่ไม่ใช่เจลีก ไม่ได้มีล่ามส่วนตัว ค่อนข้างมีปัญหากับการปรับตัวในการใช้ชีวิตและการเข้ากับเพื่อนร่วมทีม เษม คิดว่าตัวเองพร้อมที่จะเผชิญเรื่องพวกนี้มั้ย

ศักดิ์เกษม : ผมมั่นใจว่าผมเอาตัวรอดได้ครับ คือคนไทยทั่วไปอาจจะไม่ค่อยกล้าเข้าหาคนต่างชาติ แต่เวลาผมอยู่ในทีม ผมชอบเข้าไปคุยกับนักเตะต่างชาติ ช่วงนี้ผมก็มีศึกษาภาษาญี่ปุ่นซื้อหนังสือมาอ่านบ้าง เปิดยูทูบที่เขาสอนภาษาบ้าง ผมไม่รู้เหมือนกันว่าพอไปเจอของจริงแล้วจะเป็นยังไง แต่ผมก็จะพยายามปรับตัวให้ได้ในสไตล์ที่ผมเป็นตัวของผมเองครับ 


แมน : สำคัญที่สุดเลยก็คือการสร้างความเชื่อมั่นให้โค้ชและเพื่อนร่วมทีมเนอะ เพราะมีแต่คนญี่ปุ่นทั้งทีม คุยกันแต่ภษาญี่ปุ่น เขาจะพูดถึงเราว่าไงก็ไม่รู้ แล้วเราเล่นกองกลางตัวรุกด้วย ก็ต้องสร้างความแตกต่างให้ได้ เพราะเขามองเราเป็นนักเตะต่างชาติ แถมเราไปหลังคนอื่นอีกต่างหาก เพราะเขาพรีซีซั่นกันไปแล้ว แล้วเราตั้งเป้าหมายให้ตัวเองในการไปเล่นที่ญี่ปุ่นไว้ยังไงบ้างครับ

ศักดิ์เกษม : ใช่ครับพี่ ผมก็หวังว่าจะได้ทำผลงานให้เขาเห็น เพื่อที่อนาคตอาจจะได้ขยับขึ้นไปเล่นใน เจลีก 3 หรือ เจลีก 2 ขึ้นไปเรื่อยๆ ครับ ผมมีความฝันอยากติดทีมชาติไทย โอกาสมันอาจจะยาก แต่ถ้าเราทำได้ดี โค้ชเขาก็อาจจะเห็นเราในสักวันครับ

แมน : โอเคครับเษม ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีนะครับ แล้ววันที่เษมไปเล่นอยู่ที่ญี่ปุ่นแล้ว พี่ขอมาคุยกับเษมอีกรอบนะ วันนี้ขอบคุณมาก

ศักดิ์เกษม : ขอบคุณมากเลยครับพี่แมน ได้เลยครับ


ถ้าชอบก็กดไลค์ ถ้าใช่ก็กดแชร์กันด้วยนะครับ (แมน โกสินทร์)


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด