:::     :::

ความทรงจำของ แกรี่ เนวิลล์

วันจันทร์ที่ 08 มิถุนายน 2563 คอลัมน์ ผีตัวที่ 13 โดย โกสุ่ย
1,398
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ผมไม่เคยหลั่งน้ำตา มีหลายช่วงเวลาที่ผมเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้วมีเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกมาเกี่ยวข้อง แต่ผมไม่เคยเสียน้ำตา ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ

แม้ว่าจะมี 3 เหตุการณ์ ที่เกือบจะทำให้ผมหวั่นไหวตามไปก็ตาม


บาร์เซโลน่า


ผมต้องบอกเลยว่าถือเป็นโอกาสที่ดีในการได้รับสัญญาในตอนที่อายุได้ 14 ปี

การลงประเดิมสนาม

นั่นคือความคิดหนสุดท้าย 'ฉันลงเล่นให้ให้ ยูไนเต็ด' มันเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่สำหรับผม มันรู้สึกเหมือนกับผ่านมานาน ใช่ มันผ่านมานานมากถึง 25 ปี

และมันเป็นการทุ่มบอลเข้าสนาม เกมประเดิมสนามของผมคือการทุ่มบอลเข้ามาในนัดที่ดวลกับ ตอร์ปีโด มอสโก นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น ผมไม่ได้ใช้เท้าสัมผัสลูกฟุตบอลเลย ผมไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่านั่นเป็นช่วงเวลาที่เคยเกิดขึ้น แต่มันคือตัวอย่างในเส้นทางอาชีพของผมอย่างแท้จริง! 

ผมจำได้ถึงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับวันนั้น สิ่งที่จดจำได้ดีคือมันเป็นครั้งแรกที่ผมได้พักในโรงแรมก่อนเกมของทีมชุดใหญ่ พ่อของผมทิ้งผมไว้ในตอนรับประทานอาหารกลางวันและเราอยู่ที่โรงแรม มิดแลนด์

ในตอนที่ผมมีอายุได้ 23 หรือ 24 ปี ที่ ยูไนเต็ด เราใช้ห้องร่วมกัน คริส แคสเปอร์ อยู่ในทีมด้วยและผมใช้ห้องร่วมกับเขา ผมเคยใช้ห้องเดียวกับ แคส ในตอนที่เล่นให้ทีมเยาวชน แต่ในตอนที่เราได้ห้องนี้ ผมพูดประมาณว่า: 


"แคส ไม่น่าเชื่อเลยว่ะ พวกเราอยู่ที่โรงแรม มิดแลนด์!"





พวกเราลงไปทานอาหารกลางวันซึ่งไม่น่าเชื่อว่าอาหารทุกอย่างถูกจัดวางแบบบุฟเฟต์ เราเคยทานอาหารที่ เดอะ คลิฟฟ์ ในช่วงวันศุกร์ เธเรซ่า ที่ทำหน้าที่ในโรงอาหารจะนำ ไส้กรอก, มันฝรั่งแผ่น และ ถั่ว มาให้พวกเรา ส่วนวันพฤหัสบดีเป็นครีมชีส

ถ้าทีม เอ ต้องออกไปเยือน มอร์แคมบ์ ในคืนวันศุกร์ เอริค แฮร์รีสัน จะสั่งให้คุณทานมันฝรั่งแผ่นก่อนเกม! มันเกือบจะเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุด คุณทราบดีว่าหากเอาชนะมาได้ มันฝรั่งแผ่นของคุณก็จะอร่อยยิ่งขึ้น

จิมมี่ เคอร์แรน นักกายภาพบำบัดและหมอนวดในทีมของ เอริค รวมไปถึงคนที่ยอดเยี่ยมรอบๆตัวเขาจะเดินวุ่นไปตามท้องถนน เมื่อเรากลับมาเขาจะเตรียมมันให้พร้อมอย่างเสร็จสรรพ เป็นเรื่องปกติที่เราสู้อย่างเต็มที่ตามที่ได้รับคำสั่งมา นั่นเป็นเพราะ บัตตี้

บัตตี้ เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นที่สั่งฟิช แอนด์ ชิพส์ แต่ไส้กรอกกับมันฝรั่งท่าจะดูดีกว่า ต่อมาเขาบอกว่าจะสั่งสิ่งนั้น และมีใครสักคนที่สั่งผิดไป คุณทราบดีว่าไม่มีใครสั่งผิดหรอกแต่เป็น บัตตี้ ที่สั่งผิดไปเสียเอง

คุณอาจจะพูดได้ว่า ตอนที่ผมร่วมทีมครั้งแรกนั้น สโมสรยังไม่มีผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาเรื่องอาหาร!

ทันใดนั้น พวกเราอยู่ที่ มิดแลนด์ ผมและแคส อยู่ที่โรงแรมเก่าที่ใหญ่โตซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางเมือง กำลังจ้องไปที่อาหารมากมาย และคิดว่าทำสำเร็จ ในฐานะเด็ก คุณเพียงลงมือทำ

หลังจากทานเสร็จ พวกเรากลับไปที่ห้องพร้อมกับเตียงคู่อันโออ่า มันอาจจะเป็นเพียงห้องธรรมดา แต่สำหรับพวกเรามันรู้สึกเหมือนกับห้องสวีต และพวกเรากำลังคิดว่า: 

"ตอนนี้จะทำอะไรกันดี?"

คุณอาจจะคิดว่าเป็นการเข้านอน นักเตะที่อาวุโสกว่าทราบดี นั่นคือกิจวัตร ดังนั้นพวกเขาจึงไปเข้านอน แต่พวกเรากลับนอนไม่หลับ เราเพิ่งจะ 17 ปีเองนะ! เป็นไปไม่ได้หรอก





บัตตี้ และ เบ็คส์ อยู่ในทีมเช่นกัน มันเกิดขึ้นหลังจากคว้าแชมป์ เอฟเอ ยูธ คัพ ไม่ถึง 6 เดือน มีการพูดถึงกลุ่มพวกเราอย่างมาก และในตอนนั้นยังเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงกันอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับนักเตะในกลุ่มของพวกเราที่อยู่ในทีม เอ

ปีแรกของพวกเราที่ลงเล่นฟุตบอลที่ เดอะ คลิฟฟ์ เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออย่างแท้จริง ผมมองย้อนกลับไปในตอนนี้และจำหลายสิ่งได้อย่างชัดเจนถึงสิ่งที่พวกเรากำลังทำ ซึ่งมันคือฟุตบอลที่พวกคุณจะได้เห็นในระดับที่สูง

ผมจำได้เลยว่า เดอะ คลิฟฟ์ เต็มไปด้วยผู้คนที่มาเพื่อชมพวกเราเล่น ตอนนั้นไม่ว่าใครก็ตามสามารถเดินมาชมได้เลยโดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินและมันเต็มตลอด ทีมชุดใหญ่ก็เข้ามาชมเช่นกัน

ฟุตบอลเป็นเรื่องแปลกที่ไม่น่าจะเป็นจริงได้ และนั่นคือการที่ทีมปราศจาก กิ๊กซี่ เกือบจะตลอดเวลาเพราะตอนนั้นเขาถูกดันขึ้นไปอยู่ในทีมชุดใหญ่แล้ว แต่เราจะรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมในตอนที่เขากลับมาสู่ทีมเยาวชน

พวกเราคือทีมที่ไม่น่าจะเป็นจริงไปได้ เพราะตอนนั้นเราไม่มีแม้แต่กองหน้าตัวเป้าในทีม นั่นคือสิ่งเดียวที่พวกเราไม่มี

กิ๊กซี่ เข้ามาและทำให้ระดับมันแตกต่างไปอย่างชัดเจน กอกลางมี เบ็คส์, บัตตี้, ไซม่อน เดวิส, เบน ธอร์นลี่ย์, คีธ กิลเลสพี ... ปีแรกนั้น สโคลซี่ ยังไม่ได้อยู่ในทีมด้วยซ้ำไป! 

เป็นเรื่องที่พิเศษที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในทีมนั้น ผมยังคงคิดย้อนกลับไปถึงวันที่ผมได้รับข้อเสนอให้เป็นนักเรียนฝึกหัด

ครอบครัวและตัวของผมคิดเพียงว่าผมกำลังจะรับข้อเสนอไปอีกปี ซึ่งพวกเขาเสนอสัญญา 4 ปีมาให้ ช่วงอายุ 14 - 16 ปีในโรงเรียนเป็นเรื่องของความมั่นใจในการเล่นแบบเต็มเวลาตั้งแต่อายุ 16-18 ปี

พ่อของผมขับรถไปที่โรงเรียนและบอกพวกเขาว่า "ผมอยากให้เขาออกจากโรงเรียน" ซึ่งในตอนที่เขาบอกผมนั้น ผมกำลังคิดว่า

"ไม่อยากจะเชื่อเลย"






ผมจะไม่มีวันลืมช่วงเวลานั้น

ช่วงเวลานั้นทำให้ผมได้มีโอกาสรับบดทดสอบกับสภาพแวดล้อมที่เกือบจะน่าเหลือเชื่อที่สุด ผู้จัดการทีมเป็นคนที่เรียกร้องจากนักเตะสูงมาก แต่พวกเราเคยทำงานกับเขามาก่อนแล้ว เรามีโค้ชอย่าง เอริค แฮร์รีสัน และ น็อบบี้ สไตล์ส

และพระเจ้า พวกเขาทั้งคู่เป็นคนที่เรียกร้องจากนักเตะสูงมาก

เอริค มาจากยอร์คเชียร์ กองหลังจากทีมนอกลีกที่อาจจะกล้าหาญมากที่สุด กองหลังที่ชั่วร้ายมากที่สุดที่คุณเคยเจอ จมูกของเขาอาจจะหักมาแล้วกว่า 8 ครั้ง แข็งแกร่งดั่งภูผา

น็อบบี้ ก็คือ น็อบบี้ เขาจะส่งพวกเราลงสู่สนามและคำพูดสุดท้ายที่มีให้กับพวกเราคือ "จำไว้ว่าเพื่อนที่ดีที่สุดของพวกแกอยู่ที่นั่น" เขาหมายถึงรองเท้าสตั๊ด มันเป็นวิธีการของเขาในการบอกให้คุณเอาชนะการต่อสู้

จดจำถึงเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณในทุกๆเกม ถ้าใครในทีมแพ้การปะทะหรือเล่นนอกเหนือจากเกม เขาจะคลุ้มคลั่ง ความต้องการเหล่านั้นเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยเมื่อคุณอยู่ไม่ไกลจากทีมชุดใหญ่

นั่นคือผู้นำของห้องแต่งตัว มันเป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถึงสิ่งที่สโมสรนี้มีอยู่อย่างมากมาย สโมสรมีนักเตะอย่าง บรู๊ซ, พัลลิสเตอร์, อินซ์, ร็อบสัน, แม็คแคลร์, ชไมเคิ่ล, เออร์วิน, ฮิวจ์ส และ พวกเขาเหล่านี้มีความสามารถที่จะก้าวมาเป็นกัปตันทีมได้

ยังมี คันโตน่า และ คีน ในทีมด้วย หรือแม้แต่ กิ๊กซี่ ที่กลายเป็นกัปตันทีมในตอนที่เขาอาวุโสขึ้น

ดิออน ดับลิน, มิค ฟีแลน, เคลย์ตัน แบล็คมอร์ พวกเขาเหล่านี้ต่างทำตัวได้อย่างยอดเยี่ยมกับนักเตะหนุ่ม พวกเราโชคดีจริงๆที่ได้เข้าไปยังห้องแต่งตัวนั้น แต่พวกเขายังทำให้คุณกลัวเช่นกัน มันเป็นโรงเรียนที่น่ากลัว

การซ้อมของทีมชุดใหญ่เป็นเรื่องที่หนักมาก พวกเขาคาดหวังจากคุณอย่างมาก ต้องการการจ่ายบอลที่ดี, ต้องการให้คุณเล่นกับบอล, หยุดการครอส, ป้องกันข้างหลัง, เอาชนะลูกโหม่ง





การแพ้ลูกกลางอากาศเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ การปล่อยให้กองหน้าของคุณสะกิดบอลได้เป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้เช่นกัน การปล่อยให้ผ่านไปก็เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ พวกเขาจะไม่ยอมรับกับความผิดพลาด

นี่คือสิ่งที่พร่ำสอนผมอยู่ตลอดในตอนที่ผมนั่งในห้องประชุมใหญ่ของ มิดแลนด์ การรอเวลาให้ค่ำคืนมาถึง

แน่นอนว่าใจผมไม่อยู่กับร่องกับรอย ผมเพียงรู้สึก เฉลียวใจเล็กน้อย ผมรู้ว่าผมกำลังจะอยู่ในม้านั่งสำรอง แต่ผมเพียงเอะใจว่าผมอาจจะได้ลงในบางช่วง ดังนั้นผมต้องพร้อม ทุกๆอย่างต้องถูกต้อง

ช่วงเวลาเกือบทั้งหมดที่ผมมี ผมคิดว่าถ้าสามารถบอกตัวเองให้เตรียมตัวให้ดี ทำหลายสิ่งในทิศทางที่ถูกต้อง, ทานอาหารที่ถูกต้อง  นั่นคือกุญแจสำคัญ

ตอนที่ผมอยู่ในอุโมงค์สนาม มันเหมือนการตรวจสอบ คุณถามตนเองว่า "ฉันทำทุกอย่างที่เป็นไปได้ที่จะทำให้ตัวเองเล่นได้ดีในเกมนี้แล้วหรือยัง?"

ตลอดหลายปีในเรื่องนั้นคุณพัฒนาให้มันเป็นเรื่องกิจวัตรประจำวันทีละน้อย แม้แต่การนั่งให้ถูกที่เมื่ออยู่บนรถหรือการพันสายรัดกล้ามเนื้อให้ถูกตำแหน่ง

เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาในตอนที่ผมกลับไปเล่นเกม เทสติโมเนียล แมตช์ ของ ไมเคิ่ล คาร์ริค พวกเขาไม่มีสายรัดเนื้อของผม ผมไม่อยากจะเชื่อเลย พวกเขาต้องเก็บสายรัดนั้นไว้ 20 ปี ต้องทำสิ มันเคยเป็นสายรัดของผม สายรัดขนาด D ไม่ใช่ E หรือ C ขนาด D

และปลายสายรัด 2 อันที่ถูกตัดด้วยกรรไกรอันเดิมเสมอ ผมเคยมีปลายสายรัด 2 อันที่คุณคงเดาได้ว่าถูกตัดจากกรรไกรตัดผ่าพันแผล แต่ผมตัดมันด้วยกรรไกรธรรมดาเสมอเพราะผมไม่สามารถตัดมันด้วยกรรไกรแปลกๆพวกนั้นได้เลย เรื่องงี่เง่าเหล่านั้นในเส้นทางอาชีพของผมต้องเป็นไปอย่างถูกต้อง





ผมนั่งในห้องน้ำรวมของนักเตะ (ในห้องเดิม) ประมาณ 15 นาที ตอนที่เจ้านายพูดคุยกับทีมเสร็จสิ้น ผมสวมชุดและนั่งในห้องน้ำ เอาฝาลง และใช้เวลา 15 นาทีอ่านหนังสือโปรแกรมอย่างเงียบๆ ผมทำแบบนั้นทุกๆเกม

แม้แต่วันก่อนลงสนาม ออกจากสนามซ้อมก่อนเกมวันแข่ง ผมยังเคยวิ่งแบบซิกแซกในทุกๆวันศุกร์ของการซ้อม

นักเตะใหม่ นักเตะต่างชาติที่ย้ายเข้ามาในช่วงท้าย พูดเลยว่าเป็น โรนัลโด้ และ เตเวซ พวกเขากำลังมองและอาจจะพูดว่า "ไอ้โง่นี่กำลังทำอะไรอยู่วะ?"

นั่นคือสิ่งที่ผมเป็น สิ่งเหล่านั้นถูกสร้างมาในช่วงเวลาที่พิเศษ ดังนั้นพวกมันไม่ได้มีมาก่อนเกมแรกของผม กระนั้นแม้แต่ในตอนนั้น ช่วงอายุได้ 17 ปี ผมรู้เพียงว่าต้องรับการนวดบริเวณแผ่นหลังช่วงล่าง ผมไม่ได้มีแผ่นหลังที่แย่ จิม แม็คเกรเกอร์ นักกายภาพบำบัดเกลียดมัน

"นี่มันอะไร?"

"ผมแค่อยากนวด"

เขาต้องทำ เขาทำไปพร้อมกับอาการหัวเสียตลอดเวลา บ่นไปมา ทุกๆเกมตลอด 25 ปี ผมเข้ารับการนวด ผมต้องการมัน ทุกๆสิ่งทำให้ผมสงบลง 

ผมมีความรู้สึกกังวลอย่างมากตลอดระยะเวลาในเส้นทางอาชีพของผม ผมเอาจริงเอาจังเสมอในช่วงก่อนลงสนาม แต่มันเป็นเรื่องยากที่จะส่งผลให้เกิดความเครียด

มี 4 เกมที่ผมรู้สึกเหมือนกับว่าหลายสิ่งทำให้ผมไม่พอใจอย่างมาก

เกมแรกในเวที เอฟเอ ยูธ คัพ ที่ ซันเดอร์แลนด์ ผมกระสับกระส่ายสุดๆไปเลย แต่มันผ่านไปด้วยดี

เกมสำคัญเกมแรกของผมกับ ยูไนเต็ด คือศึก เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ กับ คริสตัล พาเลซ ที่ วิลล่า พาร์ค ผมเคยไปที่นั่นมาในปี 1983 และ 1985 เพื่อชมเกมรอบรองชนะเลิศ ดังนั้น นี่คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

ในมุมนั้น ผ่านเกมที่เสมอ 2-2 และกำลังเล่นได้ดี จากนั้นก็เล่นได้ดีและเอาชนะในนัดรีเพลย์ นั่นคือมุมมองที่ผมคิด "ฉันอยู่ที่นั่น" ผมรู้สึกมั่นใจ

จากนั้นเป็นเกมประเดิมสนามให้ทีมชาติอังกฤษและมั่นดูน่ากังวลมาก ผมเพิ่งลงสนามให้ ยูไนเต็ด ไปเพียง 17 เกมเท่านั้น

และแน่นอนว่าเกมประเดิมสนามให้กับ ยูไนเต็ด

ผมจะได้ดีถึงการอบอุ่นร่างกายกายระหว่างเกมและกำลังคิดว่า "ว้าว" นี่คือครั้งแรกที่ผมได้ออกไปยังสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด และมีกองเชียร์มากมาย กองเชียร์มีน้อยกว่า 20,000 คน แต่ก็ยังคงมากอยู่ดี




เหลือเวลาประมาณ 5 นาที เจ้านายบอกให้ผมอบอุ่นร่างกายอีกครั้ง แต่ผมคิดไปแล้วว่าช่วงเวลาของผมผ่านพ้นไปแล้ว ผมไม่ได้คิดถึงการที่เขาจะส่งผมลงสนาม แต่ต่อมาเขาพูดว่า "นายกำลังจะได้ลง"

เมื่อคุณได้ยินเรื่องนั้นและรู้เกี่ยวกับการวิ่งต่อไป คุณเข้าไปสู่โหมดการป้องกัน

ในเกมแรกของคุณ พร้อมกับความคิดในการป้องกัน ไม่ได้คิดว่า "ฉันกำลังจะลงสนาม ทำประตูและเป็นฮีโร่" ไม่ใช่แบบนั้น คุณกำลังคิดว่า "ห้ามประมาท"

เป็นแบบนั้น ในฐานะกองหลัง ถ้าคุณผ่านบอลได้ดีและไม่สร้างความผิดพลาดในการป้องกัน คุณก็จะมีเกมที่ดี

ปัจจุบันคุณอาจจะต้องการ 10 แอสซิสต์และทำ 3 ประตูต่อ 1 ฤดูกาล แต่ย้อนกลับไป ในฐานะกองหลัง งานของคุณคือการผ่านบอลที่ดีไปยังแนวรุก ผ่านบอลที่ดีไปให้กองกลาง ห้ามสร้างความผิดพลาด

นั่นคืองานของผม จัดการ, สื่อสาร ทำหลายสิ่งแบบง่ายๆ คุณต้องคิดไปด้วยว่า ถ้าคุณจับบอล คุณต้องทำให้มั่นใจว่ามันเป็นการผ่านบอลที่ดี

ห้ามปล่อยตัวประกบ ห้ามแพ้ ห้ามทำให้เสียจุดโทษ ห้ามทำเรื่องงี่เง่า เพียงแค่อย่าประมาท

ผลงสนามไปแทน ลี มาร์ติน และลงไปเสริมบริเวณด้านหลังของ อังเดร แคนเชลสกี้ มันไม่ใช่ปัญหาในการเริ่มด้วยการอยู่ข้างหลังเขา เขาเป็นคนน่าตื่นเต้น

สิ่งที่ผมพบเจอตลอด 20 เกมแรกกับ ยูไนเต็ด คือ อังเดร เป็นคนที่ดีมากๆ ทีมส่วนมากจะส่งปีกซ้ายให้เล่นเป็นแบ็กซ้ายคนที่ 2 นั่นทำให้งานของผมง่ายกว่าเดิม

หลายครั้งที่ผมกำลังลงสนามโดยที่ไม่ต้องดวลกับปีกซ้าย เพราะพวกเขาส่งแบ็กซ้าย 2 รายลงไปดวลกับ อังเดร

หลังจากนั้นผมมี เบ็คส์ ที่ยืนอยู่ข้างหน้าผม ดังนั้นพวกเขาต้องหยุดการครอสของเขา นั่นหมายถึงว่าปีกซ้ายต้องลงไปต่ำอีกครั้ง

จากนั้นเมื่อคุณเล่นร่วมกับ โรนัลโด้ จะมีแบ็กซ้าย 2 รายตามประกบเขาไม่แปลกใจเลยที่ผมเล่นได้เกือบ 20 ปี

ผมคิดเช่นกันว่าพวกเขาเหล่านั้นก็ไม่ต้องการถอยลงมาเช่นกัน ดังนั้นผมจึงจัดการในทิศทางอื่นๆเสมอ!

ในเกมประเดิมสนามของผม ไม่มีเวลาให้สิ่งเหล่านั้น

จำได้ว่า เกมประเดิมสนามของผมคือการทุ่มบอล ดังนั้นผมทุ่มบอลลูกนี้ให้สูงขึ้นไปในสนาม ในนาทีสุดท้าย




อย่างไรก็ตามผมเป็นคนทุ่มบอลได้ไกล แม้ว่าในตอนหนุ่มๆผมจะทำได้ไกลกว่านี้ ผมสามารถทุ่มบอลเข้าเขตโทษได้เลย ถึง โอลด์ แทรฟฟอร์ด จะเป็นสนามที่ใหญ่ ผมทุ่มเข้าไปในเขตโทษได้แต่มันก็ไม่มีอะไร

หลังจบเกมผมเข้าไปในห้องแต่งตัว ผู้จัดการทีมเข้าไปหา แกรี่ พัลลิสเตอร์ คนเดียว เขาเริ่มต่อว่า "นายไม่เคยไปดูเกมของทีมเยาวชนเลยหรือไง? แกมันน่าขายหน้า ไปดูเกมของทีมเยาวชนและแกจะรู้ว่าเขาทุ่มไกลกัน"

"สกอร์ 0-0 ในนาทีสุดท้ายที่ดวลกับ ตอร์ปีโด มอสโก และแกไปอยู่ที่เส้นกลางสนาม"

ผมรู้สึกอึดอัดจริงๆ ไม่ต้องสงสัยว่าผมกำลังพึมพำ ผมตายตาหลับที่ได้ลงเล่นให้ ยูไนเต็ด นั่นคือความฝันตั้งแต่อายุ 4 หรือ 5 ขวบ

ผมจำได้ว่ากำลังมองพ่อของผมหลังจากจบเกมและมันเป็นช่วงเวลาที่ภาคภูมิใจอย่างแท้จริง เขาพาผมกลับบ้านและผมนอนไม่หลับเลย อะดรีนาลีนยังคงสูบฉีดต่อไป

ตอนนั้นผมยังนอนร่วมกับน้องของผม จริงๆแล้วการคุยกับเขาน่าจะทำให้ผมหลับ ผมน่าจะพูดไปว่า "ฟิล แสดงความเห็นเกี่ยวกับการทุ่มของฉันหน่อยสิ"

นั่นอาจจะเป็นวิธีที่ได้ผล!

ช่วงเวลา 10 ปีแรกในเส้นทางอาชีพของผม ผมไม่สามารถข่มตาหลับได้เลยหลังจบเกม เป็นไปไม่ได้

คุณอาจจะนอนหลังตอนตี 3 หรือ ตี 3 ครึ่ง ไปจนถึงตี 5 ครึ่ง เมื่อคุณลงสนามเสร็จไปแล้ว

ไม่ใช่แค่ผม มันเป็นเรื่องปกติ ตอนที่ผมอายุได้ 26 หรือ 27 ผมเดินทางไปในเมือง ผมและ กิ๊กซี่ เคยออกไปเพื่อดื่มเบียร์ 2 แก้ว หลังจากจบเกม 2 แก้วตามที่พวกเราได้รับอนุญาต

"ทำตัวให้ผ่อนคลาย แล้วมันจะทำให้นายนอนหลับ" เขาเคยพูดไว้แบบนั้น





ต้องบอกว่ามันได้ผล เบียร์ 2 ขวด หลังจบเกมเราเคยไปที่ ชูการ์ เลาน์จ เพื่อดื่มเบียร์ 2 ขวด หลังจากนั้นกลับไปที่ No.1 Deansgate และเริ่มนอนหลังจากลงสนามไป ผมเข้าใจว่าทำแบบนั้นมา 10 ปี

หลังเกมประเดิมสนามของผม ผมยังไม่ประสีประสา ดังนั้นผมได้กำหนดในเรื่องนั้น ย้อนกลับไปในใจของผมว่าฝันของตัวเองเป็นจริง แต่ 4 วันต่อมาผมกำลังลงสนามให้กับทีมชุด เอ ดวลกับทีมสำรองของ เชสเตอร์ 

ผู้จัดการทีมเชี่ยวชาญในการให้กำลังใจ แต่ก็ทำให้มั่นใจอย่างรวดเร็วว่าคุณไม่ได้คิดเกินไปกว่าตัวคุณเอง

สัปดาห์หลังจากการประเดิมสนาม เบ็คส์ ก็ได้โอกาสในเกมกับ ไบรท์ตัน ผู้จัดการทีมเอาผมออกจากทีมและผมไม่พอใจมาก ประหลาดใจว่าทำไม

นักเตะเยาวชนเข้าๆออกๆทีมชุดใหญ่เสมอ ซึ่งผมคิดเสมอว่ามันเป็นบททดสอบสำคัญ เขานำคุณขึ้นมาแต่หลังจากนั้นนำคุณกลับลงไปอย่างรวดเร็ว

มันเป็นไปในทิศทางเดียวกับ เอริค แฮร์รีสัน ในทีมเยาวชน นั่นคือคติของ เอริค: ทำให้แข็งแกร่งขึ้น ฉันเอาแกออก แล้วไง? ฉันเขาเขาออกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาไม่ได้บ่น จงก้าวเดินต่อไป จงแข็งแกร่งขึ้น

น็อบบี้ ก็เช่นเดียวกัน คิดโด้ (ไบรอัน คิดด์) เป็นอีกหนึ่งคนที่ทำให้คุณรู้สึกสูงขึ้นไป 10 ฟุตกับการให้กำลังใจของเขา แต่ว่าเขาไม่ชอบให้บินสูงก็ตาม เขารู้เพียงแค่ว่าช่วงเวลาไหนที่เหมาะสมในการทำให้คุณรู้สึกดีกว่าเดิม

คำหนึ่งที่คุณต้องการจาก เอริค หรือ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คือ "ทำได้ดี ไอ้หนู" เมื่อคุณได้ยินคำนั้น คุณจะคิดว่า "ฉันทำได้ดีแล้ว"

การยกย่องจากผู้จัดการทีมทำให้คุณรู้สึกดีแบบเหลือเชื่อ แต่คุณต้องทราบด้วยเช่นกันว่าเขาอาจจะหัวเสีย ผมเคยเห็นเขาตำหนิ พัลลี่ อย่างรุนแรง หลังจบเกมนัดแรกกับ ตอร์ปิโด มอสโก แต่เรื่องนั้นไม่มีอะไรมาเปรียบเทียบหลังจบเกมนัดที่ 2 

ตอนนั้น ผมรับค่าเหนื่อย 29.50 ปอนด์ต่อสัปดาห์ พร้อมดับโบนัส 10 ปอนด์  นั่นคือสิ่งที่พวกเราทุกคนได้รับ

เบ็คส์, บัตตี้, ผม พวกเราทุกคน ไม่มีใครที่แตกต่างจากกัน เบ็คส์ นั่งในม้านั่งสำรอง, บัตตี้ นั่งในม้านั่งสำรอง หากเราลงเล่นทั้ง 2 เกมและผ่านเข้ารอบ มันจะเป็นเงินโบนัส 2,000 ปอนด์ต่อนักเตะ 1 คน 

ถ้าหากเราลงสนาม 1 เกมแต่ไม่ผ่านเข้ารอบ มันจะเป็นเงินจำนวน 1,500 ปอนด์ และเป็นเงินจำนวน 1,000 ปอนด์ หากคุณอยู่ในทีม

ดังนั้นพวกเราจึงเดินทางไปยัง มอสโก ในเกมนัดที่ 2 และพวกเรานั่งในม้านั่งสำรอง มันจบลงด้วยสกอร์ 0-0 อีกครั้ง ซึ่งต้องดวลจุดโทษตัดสิน

พวกเราได้เงิน 3,500 ปอนด์ในการดวลจุดโทษ

ผมได้ 1,500 ปอนด์ ส่วน เบ็คส์ กับ บัตตี้ ได้ 1,000 ปอนด์ เราคิดกันว่า "ช่างผลการแข่งขัน นี่คือค่าเหนื่อยถึง 40 สัปดาห์เลยนะ!"

พวกเรากำลังจะออกรถหลังจากกลับไปที่ แมนเชสเตอร์ เราออกนำ 2-0 หลังจาก ตอร์ปิโด พลาดจุดโทษ 2 ลูกแรก ... แต่พวกเราก็ยังแพ้!

บรูซซี่, ช็อกกี้ และ พัลลี่ ต่างยิงพลาดหมด เป็นการยิงจุดโทษที่แย่ที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น

หลังจากนั้นในห้องแต่งตัว พวกเราทั้ง 3 คนนั่งร้องไห้ตรงมุมห้องเพราะพวกเราสูญเสียเงินไป 3,500 ปอนด์ ที่ ตอร์ปิโด มอสโก ผมเสียรถ เปอโยต์ จีทีไอ และผมคิดว่า เบ็คส์ กำลังจะสั่ง มาเซราติ มาขับ

ในวันนี้ บรูซซี่, ช็อกกี้ และ พัลลี่ เป็นหนี้รถพวกเรา

จากนั้นเจ้านายเข้ามายังห้องแต่งตัว และมันเหมือนสงครามโลกครั้งที่ 3 เขาโจมตีไปที่ 3 คนนั้น ตำหนิเกี่ยวกับการยิงจุดโทษ ร็อบโบ้ เดินเข้ามา คนอื่นๆเริ่มเข้ามา ตอนนั้นเจ้านายไม่มีท่าทีว่าจะสงบลง และด้วยความสัมพันธ์ที่เขามีกับนักเตะเหล่านั้น เขาสามารถใส่เต็มที่ไปยังนักเตะได้

ถ้านักเตะเหล่านั้นเริ่มสาวหมัด เราจะอยู่ในปัญหา พวกเขากำลังขาดสติ

ในช่วง 2-3 ฤดูกาลต่อจากนั้น ผมเห็นมันเกิดขึ้นมากกว่าเดิม ผมจำได้ว่าเขาหัวเสียอย่างมากในเกมกับ แบล็คเบิร์น ในตอนที่เราแพ้ 0-2 ซึ่งเกมนั้น เชียเรอร์ ทำคนเดียว 2 ประตู จากนั้นในเกมกับ ลิเวอร์พูล ที่พวกเรานำ 3 ประตูแต่กลับจบลงด้วยผลเสมอ ยังมีเกมที่บุกไปแพ้ บาร์เซโลน่า 0-4 

คุนเห็นเรื่องนี้และคิดว่า 'อะไรที่ทำให้พวกเรามาอยู่ที่นี่?'

นั่นคือทุกส่วนของเรื่องทั้งหมด มันเป็นเหมือนฝัน ในความเป็นจริง ผมมาไกลจนกว่าที่จะพูดว่ามันจริง ผมไม่คิดว่าการเล่นฟุตบอลให้ ยูไนเต็ด นั่นเป็นเรื่องจริง คุณออกไปและยืนในอุโมงค์ และคุณกลายเป็นบางสิ่งที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ธรรมดา

มันเป็นบางสิ่งที่นักเตะเหล่านั้น เมื่อพวกเขาเลิกเล่นไป พวกเขาพยายามทำแบบเดิม พวกเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร มันคือ อะดรีนาลีน เสียงร้อง บางสิ่งที่เข้ามาสู่ตัวคุณและคุณคิดเพียงแค่ว่า


"นี่ นี่มัน ... วิเศษไปเลย"


และคุณไม่มีวันลืมถึงวินาทีแรกที่คุณรู้สึกเช่นนั้น



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด