:::     :::

ชีวิตนอกสนามกับ "โอเดียน อิกาโล่"

วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม 2563 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
2,276
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบยืมตัว

อย่างไรก็ตาม นี่คือการเติมเต็มความฝันของ "โอเดียน อิกาโล่" ดาวยิงทีมชาติไนจีเรีย เพราะเขาถือว่าเป็นแฟนบอลของทัพ "ปีศาจแดง" ตั้งแต่จำความได้เลย และนี่คือทีมที่เขาอยาลงเล่นด้วยมาโดยตลอด 


ช่วงนี้ เราไปติดตามชีวิตนอกสนามของเขากันหน่อย ถึงการฝ่าฟัน กว่าจะก้าวมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพเหมือนทุกวันนี้ พร้อมกับภารกิจนอกสนาม เกี่ยวกับด้านการกุศล ซึ่งเป็นมุมที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อน

"ผมเติบโตมากับการเป็นแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" อิกาโล่ เริ่มเล่าถึงชีวิตของเขา ซึ่งเติบโตมาใน เอเจ ซิตี้ ย่านสลัมที่แทรกตัวอยู่ในประเทศไนจีเรีย ท่ามกลางความยากลำบาก แต่มันไม่เคยทำให้ความสุขในวัยเด็กของเขาน้อยลง เพราะมีสิ่งที่เรียกว่าฟุตบอล" คอยนำทางอยู่เสมอ  


"ผมและพี่น้อง ต่างเป็นสาวกของปีศาจแดง" เขาเล่าต่อ "เรายอมจ่ายเงิน เพื่อดูแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงสนามแข่งขัน หากคุณอยากดูการถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คุณก็จำเป็นต้องมีช่องกีฬา นี่คือชีวิตที่ไนจีเรีย แน่นอนว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีปัญญาจ่ายเงินจำนวนนั้น คุณพ่อกับคุณแม่ของผม ไม่มีกำลังมากพอที่จะทำแบบนั้น ดังนั้น คุณต้องจ่ายเงินเข้าไปดูที่ศูนย์ หากอยากดูฟุตบอลจริงๆ"


"ผมเติบโตมาในย่านสลัม ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก แต่เมื่อสุดสัปดาห์มาถึง ความตื่นเต้นก็จะเข้ามา เพราะทุกคนต่างอยากจะดูทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงสนามแข่งขัน ด้วย้หตุนี้ คุณต้องเริ่มเก็บเงินที่ได้จากการไปโรงเรียน สะสมทีละเล็กทีละน้อย เพื่อเฝ้ารอช่วงเวลาสุดสัปดาห์"


"คุณจะมีเสื้อแข่งเป็นของตัวเอง และต้องซักทำความสะอาด ก่อนที่สุดสัปดาห์จะเดินทางมาถึง จากนั้น คุณสวมเสื้อบอลดังกล่าว และเข้าไปเชียร์ทีมรักที่ศูนย์ ที่นั่นมันบ้าคลั่งมาก แฟนบอลบางคนก็แช่งให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบกับความพ่ายแพ้ ในฐานะที่คุณเป็นแฟนบอลปีศาจแดง คุณต้องการสนับสนุนให้ทีมพบกับชัยชนะ คุณเริ่มมีการโต้คารม, ตะโกน, กรีดร้อง และทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้"


"ศูนย์ที่จัดเอาไว้ให้ชมการถ่ายทอดสด บางห้องก็มีขนาดที่เล็กเอามากๆ มีคนราว 200 คนบรรจุอยู่ในนั้น อีกห้องหนึ่ง คุณอาจจะได้เห็นคน 500 คนรวมตัวกันดูการถ่ายทอดฟุตบอล บางคนก็ต้องยืนดู แม้ว่าจะจ่ายเงินเข้ามาก็ตาม"


เขากล่าวถึงการเซ็นสัญญายืมตัวกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาไว้ว่าผมรู้ว่านักฟุตบอลมากมาย ทำการเซ็นสัญญา พร้อมกับบอกว่าสโมสรนั้นคือทีมในฝัน แต่สำหรับผมแล้ว มันแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง จากเด็กย่านสลัม ผมเดินทางมาสู่โรงละครแห่งความฝัน พร้อมกับลงเล่นให้กับสโมสรในฝันที่แท้จริง ทีมที่ผมเฝ้าเชียร์มาตั้งแต่วัยเด็ก"


แน่นอนว่า เรื่องราวนอกสนามฟุตบอลของเขา ยังมีบางมุมที่รอให้เราเข้าไปทำความรู้จักอยู่ 

จากเด็กที่เติบโตมาในย่านสลัม สู่นักฟุตบอลอาชีพ ที่มีเงินทองมากมาย ทว่าความสำเร็จเหล่านั้น ไม่เคยทำให้อิกาโล่ หลงลืมตัวตนเลยแม้แต่น้อย เกือบครึ่งชีวิตของเขา ต้องออกมาผจญภัยต่างแดน ผ่านการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยลืมบ้านเกิดของตัวเองเลยสักวันเดียว 


"ผมเกิดมา ผมก็เผชิญหน้ากับความยากจนแล้ว กระทั่งตอนนี้ ผมมีอาหารทานครบ 3 มื้อ แต่ความจริงคือ บางคนไม่มีอะไรกินประทังชีวิตด้วยซ้ำ สำหรับผม ครอบครัวคือสิ่งสำคัญเหนือสิ่งใด เป็นประจำทุกเดือน ผมจะส่งเงินกลับไปให้พวกเขา นอกจากครอบครัวแล้ว ผมยังมอบเงินบริจาค เพื่อนำไปมอบให้กับผู้ด้อยโอกาส เพราะอย่างที่ผมบอกไป ผมถูกหล่อหลอมมาด้วยความยากจน"


"เงินดังกล่าวของผม ถูกส่งไปให้กับเด็กน้อย และตามโรงเรียนต่างๆ ผมยังอุปการะแม่ม่ายหลายต่อหลายคน ที่แยกทางกับสามีไป ผมพยายามสร้างองค์กรการกุศล เพื่อมอบอะไรกลับไปสู่สังคมบ้าง" อิกาโล่ เปิดเผยถึงการช่วยเหลือ นอกจากกลุ่มเด็กที่เป็นอนาคตของชาติ ในส่วนของกลุ่มแม่ม่าย และคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ต้องลำบากจากการต่อสู้ชีวิตเพียงลำพัง เขาก็ไม่มองข้ามเช่นเดียวกัน


ไม่นานมานี้ บ้านเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง เกิดขึ้นมาในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ถือว่าเป็นชานเมืองที่ยากจน ที่อยู่ทางตอนเหนือของลากอส งบประมาณในการสร้างกว่า 1 ล้านปอนด์ นำมาจากเงินส่วนตัวของเขา ที่อยากเห็นคนท้องถิ่น มีอนาคตในชีวิตที่ดีขึ้น


"ผมเติบโตมาอย่างยากลำบากในเอเจ ซิตี้ ผมเคยสาบานกับตัวเองว่า หากผมมีชีวิตที่ดีขึ้น ผมก็อยากตอบแทนบางอย่างกลับคืนสู่สังคมที่ผมเติบโตมา ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ผมมีส่วนในการชี้แสงสว่างให้กับเด็กกำพร้า"

บ้านเด็กกำพร้าที่เขาสร้างขึ้นมา สามารถรองรับเด็กได้ประมาณ 30 ถึง 40 คน โดยมีห้องแยกต่างหาก สำหรับเด็กผู้ชาย และเด็กผู้หญิง โดยบ้านหลังนี้จะอุปการะเด็กจนถึงอายุ 18 ปี หรือเป็นวัยที่พวกเขาสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ ซึ่งบ้านหลังนี้ ยังคอยดูแลในเรื่องของการศึกษา และการเล่นกีฬาด้วย ถือเป็นการสนับสนุนในทุกช่องทาง


ช่วงเวลาที่ว่างเว้นจากการเล่นฟุตบอล เขามักเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้เสมอ ผ่านการพูดคุย และมอบเงินให้กับเด็กๆ หากมองจากภายนอก นี่คือบ้านแสนธรรมดา ที่ประดับประดาด้วยกำแพงสีส้ม พร้อมกับข้อความขอบคุณพระเจ้า


แต่ภายในนั้น กลับตลบอบอวลไปด้วยความอบอุ่น และรอยยิ้มแห่งความหวัง ทั้งจากผู้ให้อย่างเขา และจากผู้รับอย่างเด็กๆ ที่แม้ไม่มีผู้ปกครองเหมือนคนส่วนใหญ่ ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกว่า ชีวิตมีอะไรที่ขาดหายไปเลย 


"ผมใฝ่ฝันอยากจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิต นี่คือหนึ่งก้าว บนเส้นทางเดินที่ถูกต้อง ผมอยากให้ชีวิตพัฒนาขึ้นในเชิงบวก ผ่านความมุ่งหมาย และเป้าหมายของบ้านเด็กกำพร้า"


อิกาโล่ ทิ้งท้าย 

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด