:::     :::

NUMERO 34, แชมป์สมัย 34 ของ เรอัล มาดริด ( ตอนจบ)

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ฟุตบอลของ เรอัล มาดริด อาจไม่ใช่ฟุตบอลที่สมบูรณ์แบบที่สุด ดูจากฟอร์มการเล่นในช่วงตอนฤดูกาล อาจพูดได้ว่าฟุตบอลของ เรอัล มาดริด ไม่ใช่ฟตุบอลที่สมบูรณ์แบบ มันมีข้อผิดพลาดให้เห็นอยู่ เพียงแต่ในห้วงเวลาที่ทุกสโมสรพบกับยากลำบากกันถ้วนหน้า พวกเขาคือทีมที่ปรับตัวและรับมือกับสถานการณ์ได้ดีที่สุด

(ต่อจาก PART I)

ตลาดซื้อขาย 

ตลาดช่วงซัมเมอร์ 2019 เรอัล มาดริด ได้นักเตะใหม่มาทั้งสิ้น 7 ราย ได้แก่ เอแดน อาซาร์,ลูก้า โยวิช,เอแดร์ มิลิเตา,แฟร์กล็อง เมนดี้,โรดรีโก้ โกเอส,อัลฟอง อาเรโอล่า และ ทาเคฟูส คูโบะ ใช้งบประมาณไปทั้งสิ้น 303 ล้านยูโร 

การซื้อถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน 1. เพื่อใช้งานทันที และ 2.เพื่อนาคต ซึ่งก็มีนักเตะอย่าง คูโบะ ถูกส่งไปเล่นกับ เรอัล มายอร์ก้า ขณะที่แข้งที่เหลือถูกดันขึ้นสู่ชุดใหญ่

ถามว่าการซื้อมีส่วนช่วยยกระดับ เรอัล มาดริด ขึ้นหรือไม่ ? 

การซื้อขายในตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์ ถ้าว่ากันตามตรง คงต้องบอกว่า เรอัล มาดริด เองก็ไม่ได้โดดเด่นมากนักเพราะมีนักเตะเพียงแค่บางรายเท่านั้นที่สามารถโชว์ผลงานออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และก็อีกหลายที่ไม่ค่อยมีส่วนร่วม 

เอแดน อาซาร์ กับ แฟร์กล็องด์ เมนดี้  คือ 2 แข้งใหม่ที่อยู่ในเกณฑ์ ‘สอบผ่าน’ ของทีม 

มิดฟิลด์เบลเยี่ยมนั้นไม่เป็นที่สงสัยในแง่ของระดับฝีเท้ารวมถึงประสบการณ์ ทว่าปัญหาหลักๆที่เขาต้องรับมือก็คือ การปรับตัว และ อาการบาดเจ็บ 

อาซาร์ ยอมรับว่าต่อให้เขาผ่านประสบการณ์เล่นฟุตบอลมาแค่ไหน แต่การเปลี่ยนทีม เปลี่ยนประเทศ ยังไงก็ต้องใช้เวลาในการปรับตัว นอกจากนี้แล้ว เขายังมาพร้อมกับน้ำหนักที่เกินมาตราฐานไปมากหลังหยุดพักปิดฤดูกาล 

ในแง่ของการปรับตัวเข้ากับทีม อาซาร์ พยายามเรียนภาษาสเปนเพื่อสื่อสารกับเพื่อน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ดีมาก บวกกับการเป็นคนอัธยาศัยดี ร่าเริ่ง ทำให้เขาปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆไม่ยาก แต่ปัญหาก็คือในสนามเขาต้องพยายามทำความเข้าใจกับแท็คติกของ ซีเนดีน ซีดาน รวมถึงสภาพร่างกายที่ค่อนข้างอ้วนในช่วงแรก 

เมื่ออะไรๆดูว่าจะเข้าที่แล้ว แต่เพลย์เมกเกอร์เบลเยี่ยมก็ดันโชคร้ายที่ต้องมาบาดเจ็บพักยาวไปอีก 

ในเคสของ เมนดี้ นั้น แตกต่างออกไป เขาเจอความกดดันน้อยกว่ามาก ไม่มีใครพยายามจะยกเขาขึ้นมาเป็นประเด็นวิจารณ์ เขาให้เขาค่อยๆปรับจังหวะการเล่นของตัวเองเข้ากับทีมได้ทีละน้อยโดยปราศจากความกดดัน ก่อนที่จะทำได้อย่างดีในช่วงรีสตาร์ท 11 นักเตะ ซึ่งส่วนนึงมาจากสภาพร่างกายที่แข็งแกร่งของเขา 

ส่วนนักเตะคนอื่นๆที่เหลือ คงพูดได้ว่ายังต้องรอดูต่อไป ซึ่งในกลุ่มนี้ โรดรีโก้ โกเอส ดูจะไปได้สวยที่สุด สวยกว่า ลูก้า โยวิช,อาเรโอล่า,เอแดร์ มิลิเตา ส่วน ทาเคฟูสะ คูโบะ นั้นก็ย้ายออกไปอยู่กับ เรอัล มายอร์ก้า ในช่วงก่อนเปิดฤดูกาลในรูปบบยืมตัว 

สรุปคือ การลงทุนในตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์ 2019 มีส่วนต่อ แชมป์สมัยที่ 34 ของ มาดริด อยู่บ้าง แต่ไม่มากนัก  

……………………………..


บทบาทของ ซีเนดีน ซีดาน และนักเตะ 

พูดได้เต็มปากกว่า แชมป์สมัยที่ 34 ของ เรอัล มาดริด นั้น ซีเนดีน ซีดาน มีบทบาทอย่างมาก ซึ่งจุดเริ่มต้นคงต้องย้อนกลับไปถึงบทบาทของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ที่ได้เขียนถึงไปใน PART I ว่า เขาได้ให้อิสระในการทำงานกับ ซีดาน อย่างเต็มที่ โดยแทบไม่ได้เข้ามาก้าวก่ายในทีมเลย ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขาย หรือ การทำทีม 

สิ่งสำคัญที่ ซีดาน ลงมือทำตั้งแต่ช่วงต้นของการทำงานก็คือการวางเป้าหมายให้กับทีมอย่างชัดเจนว่าฤดูกาลนี้เขาต้องการแชมป์ ลา ลีกา มากกว่าถ้วยอื่นๆ ซึ่งทำให้นักเตะเข้าใจบทบาทและความหมายในการลงเล่นแต่ละรายการมากยิ่งขึ้น 

ในแง่ของการจัดการ ซีดาน ทำได้ค่อนข้างดี ในทีมไม่มีนักเตะแตกแถวจนอยู่เหนือการควบคุม อาจจะมีในรายของ แกเร็ธ เบล อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ลุกลามจนส่งผลกระทบต่อบรรยากาศภายในทีม ส่วนกับ ฮาเมส โรดริเกซ นั้น ไม่ใช่ปัญหาของวินัย แต่เป็นปัญหาในการทำงานมากกว่า 

มิดฟิลด์โคลอมเบียต้องการลงเล่น แต่ไม่ได้โอกาสมากเท่าที่ควรจึงออกมาให้สัมภาษณ์จนเป็นประเด็น  หากแต่มันก็เป็นปัญหาของมืออาชีพทั่วไป ซึ่งท้ายที่สุดทั้งคู่ก็เปิดอกคุยกันอย่างลูกผู้ชาย และจบปัญหาด้วยการที่ ฮาเมส ไม่ขอมีชื่อในทีมตลอด 4 นัดสุดท้าย

กุญแจสำคัญในการคุม เรอัล มาดริด ของ ซีดาน คือเขาสามารถ maintain ความแข็งแกร่งทั้งร่างกายและใจของนักเตะให้อย่ในระดับที่สูงได้เกือบตลอดทั้งซีซั่น อาจมีบางช่วงที่แกว่งไปบ้าง แต่ก็สามารถกลับมาได้โดยเร็ว 

ในแง่เครดิต ซีดาน คืออดีตนักเตะระดับโลก คว้าแชมป์โลก แชมป์ยูโร ได้บัลลงดอร์ ซึ่งนักเตะแกนหลักของ เรอัล มาดริด ส่วนใหญ่ในชุดนี้โตทันดูเขาโลดแล่นในสนาม นั่นทำให้เกิดความนับถือ และเชื่อมั่น ซึ่งเมื่อ ซีดาน แนะนำสิ่งใด หรือเลือกแท็คติกการเล่นไหน ภายในทีมจะเกิดข้อกังขาน้อยมาก ส่วนใหญ่พร้อมที่จะทำตาม เช่นครั้งนึง ลูก้า โมดริช เคยพูดว่า “เขาเคยเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่มาก เป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งเหล่านี้ช่วยเหลือเขา ในตอนที่เดินเข้ามาในห้องแต่งตัวซึ่งเต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์”และผมคิดว่าเขาจะเป็นเทรนเนอร์ที่ยิ่งใหญ่มากๆ 

เมื่อ ซีดาน พูดอะไร พวกเราต้องหยุดฟัง เพราะเขาคือ ซีดาน”

“สิ่งที่ ซีดาน พยายามถ่ายทอดมาถึงเราก็คือขอให้เราเล่นเป็นทีม” 

“เขารู้เกี่ยวกับนักเตะเยอะมาก และเมื่อไหร่ก็ตามที่ ซีดาน พูด พวกเราจะต้องฟัง” 

ประโยคนี้จาก โมดริช ซึ่งเป็นหนึ่งในนักเตะที่ทรงอิทธิพลที่สุดของทีม ประสบความสำเร็จถึงขั้นคว้าบัลลงดอร์ มันสะท้อนออกมาเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า “ทำไม ซีดาน ถึงเอานักเตะเรอัล มาดริด อยู่มือ” 

กระนั้นก็ตาม ลำพังแค่บารมี หรือ โปรไฟล์สมัยค้าแข้ง ไม่เพียงพอแน่ที่จะทำทีมอย่าง เรอัล มาดริด ให้ประสบความสำเร็จ ไม่เช่นนั้น ดีเอโก้ มาราโดน่า คงพา อาร์เจนติน่า คว้าแชมป์โลกหรือพาสโมสรที่เขาคุมคว้าแชมป์ลีกไปแล้ว 

นอกจากบารมีแล้ว ซีดาน ยังเก่งกาจในเชิงแท็คติกอีกด้วย เมื่อไม่มี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เขายังเลือกใช้ระบบการเล่น 4-3-3 หากแต่มีการปรับเเต่งโครงสร้างทีม

ซีดาน ปรับตำแหน่งการยืนของ คาริม เบนเซม่า ให้สูงขึ้น นอกจากนี้ยังปรับบทบาทของหัวหอกฝรั่งเศสไปพร้อมๆกันอีกด้วย โดยทำหน้าที่คอนเนคกับตัวรุกด้านข้างมากกว่าจะต้องลงต่ำไปเชื่อมเกมจากแดนกลาง 

เหตุผลเพราะ ในเชิงแท็คติก ซีดาน มีกองหน้ากึ่งปีกฝีเท้าดีๆให้เลือกใช้งานไม่ว่าจะเป็น อาซาร์,วินิซิอุส,โรดรีโก้ ซึ่งสามารถเล่นได้หลากหลาย ทั้งการโจมตีจากทางด้านข้าง หรือจะตัดเข้ามา combine ตรงกลางร่วมกับแผงมิดฟิลด์เช่น โมดริช,โทนี่ โครส,กาเซมีโร่ หรือ เฟเด บัลเบร์เด้ ซึ่งการตัดเข้าไปสร้างเกมข้างในของเหล่าตัวรุกริมเส้น ก็ได้ช่วยเปิดพื้นที่ให้ฟูลแบ็กอย่าง เมนดี้ , มาร์เซโล่ และ การ์บาฆาล ได้เติมเกมรุกขึ้นมาโจมตีจากทางด้านข้างได้ง่ายขึ้น กลายเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญในการเล่นเกมรุก 

ตัวเลขที่บ่งบอกชัดเจนถึงวิธีการเล่นของ ซีดาน ก็คือจำนวนการเปิดบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายของคู่ต่อสู้ตลอดทั้งฤดูกาลนี้ 65% เป็นการเปิดจากทางด้านข้าง 

นอกจากก 4-3-3 แล้ว หลายๆเกม ซีดาน ยังเลือกใช้ 4-4-2 แบบไดมอนด์ รวมถึง 4-5-1 ในช่วงท้ายฤดูกาลอีกด้วย 

หลักๆแล้ว ซีดาน ชอบที่จะเล่น 4-3-3 ทว่าเขาสามารถปรับเปลี่ยนไปสภาพทีม และแนวทางการเล่นของคู่แข่ง ซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของทีม ทำให้ เรอัล มาดริด เป็นทีมที่ยืดหยุ่น คาดเดาได้ยาก ทว่าการจะทำเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย จะต้องผ่านการฝึกซ้อมอย่างหนัก เทรนเนอร์ต้องรู้จักนักเตะในเชิงลึก ไม่ว่าจะเป็นสไตล์การเล่น, สภาพร่างกาย,จุดแข็ง และจุดอ่อน 

ขณะที่ตัวนักเตะเองก็เข้าใจแท็คติกการเล่นป็นอย่างดี บวกกับพวกเขาพร้อมทำตามสิ่งที่ ซีดาน ขออย่างไม่มีเงื่อนไข นั่นจึงทำให้ เรอัล มาดริด เป็นทีมที่แข็งแกร่ง ยากแต่การทุบทำลาย 

แม้ในช่วงต้นผลการแข่งขันจะออกมาไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง แต่ทีมไม่แกว่ง สปิริตยังดีเยี่ยม เพราะนักเตะเชื่อมั่นในแท็คติกของเทรนเนอร์ 

ในแง่ของเกมรับ ถือเป็นจุดแข็งมากๆที่ส่งให้ เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ไปครอง เกมรุกพวกเขายังยิงได้ในจำนวนที่ใกล้เคียงกับฤดูกาลก่อน (68 ต่อ 63 ประตู) ซึ่งได้อันดับที่ 3 ถูก บาร์เซโลน่า ทีมแชมป์ทิ้งห่าง 19 คะแนน 

หากแต่เกมรับ ซีดาน พัฒนาจุดนี้ขึ้นมาได้อย่างน่าชื่นชม จากเสีย 46 ประตูเมื่อฤดูกาลก่อน มาปีนี้เสียเพียง 23 ประตูเท่านั้น เฉลี่ยแล้วเสียแค่ 0.68 ประตูต่อเกมเท่านั้น 

ฟอร์มการเซฟอันเหนียวหนึบของ ติโบลต์ กูร์กตัวส์ มีส่วนอย่างมากกับการเสียประตูอันน้อยนิด นายด่าน เบลเยี่ยมเร่งฟอร์มของตัวเองขึ้นมาได้อย่างน่าชื่นชม หลังจากผลงานแย่ในซีซั่นแรก 

แผงหลัง ถ้าไม่มี กูร์กตัวส์ เพื่อนๆคงไม่สบายใจได้เท่านี้ ในทางกลับกัน หาก กูร์กตัวส์ ปราศจาก การ์บาฆาล,รามอส,มาร์เซโล่,เมนดี้และวาราน คงไม่แคล้วก้มเก็บลูกที่ก้นตาข่ายมากกว่านี้เช่นกัน 

เซร์คิโอ รามอส ทำหน้าที่ได้สมกับปลอกแขนกัปตันทีมที่ได้เขารับ ทั้งกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว แข็งแกร่ง และมีฝีเท้าที่ยอดเยี่ยม

‘เอล กาปิตัน’ ลงเล่นแทบทุกเกมในช่วงหลังโควิด แสดงให้เห็นถึงความฟิตของเขาในวัย 34 ที่มาจากวินัยในตัวเอง เช่นเดียวกับ ลูก้า โมดริช ที่กลับมาเล่นได้อย่างท็อปฟอร์ม เป็นตัวจริงถึง 7 จาก 10 เกมที่ผ่านมา

คาริม เบนเซม่า พิสูจน์ให้เห็นว่าการยืนระยะเป็นกองหน้าตัวจริงของ เรอัล มาดริด มาตลอด 10 ปี นั้น เพราะอะไร และปีนี้เขาท็อปฟอร์มแบบสุดๆ ยิงได้มากถึง 21 ประตู ซึ่งส่วนนึงมาจากความโชคดีที่มีคู่ขาที่รู้ใจอย่าง อาซาร์ รวมถึงรุ่นน้องอย่าง วินิซิอุส จูเนียร์ กับ โรดรีโก้ ซึ่งพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดในทุกๆเกมที่ลงสนาม 

แดนกลาง ลูก้า โมดริช กลับมาเล่นได้อย่างท็อปฟอร์มอีกครั้ง นับแต่พีคสุดขีดในช่วงฟุตบอลโลกที่ รัสเซีย ทั้งๆที่วัยปาเข้าไปถึง 34 ปี โดยมิดฟิลด์โครแอตถูกส่งลงเป็นตัวจริงถึง 7 จาก 10 เกมที่ผ่านมา

  นอกจากนี้แล้วอีก 3 มิดฟิลด์อย่าง กาเซมีโร่,โทนี่ โครส และ เฟเด บัลเบร์เด้ ต่างผสมผสานกันอย่างลงตัว ข้อสำคัญคือรักษาฟอร์มการเล่นได้อย่างคงเส้นคงวา บวกกับ อิสโก้ ที่เป็นคนคอยเติมเต็ม ยามที่ ซีดาน ต้องการเรียกแผนใหม่ๆ เช่น 4-4-2 หรือ 4-5-1 


…………………………..

ความผิดพลาดของคู่ต่อสู้

ณ ขณะที่กำลังบดบี้ลุ้นแชมป์อย่างดุเดือดในสนาม โชคดีสำหรับ เรอัล มาดริด ก็คือ บาร์เซโลน่า ต้องอลเวงไปกับปัญหานอกสนามเป็นว่าเล่น ไม่ว่าจะเป็นกรณี บาร์ซ่าเกต,ดราม่าเรื่องลดเงินเดือน,การขาย อาร์ตู เมโล่ ให้ ยูเวนตุส ทั้งๆที่ฤดูกาลยังไม่ปิด  

ยักษ์ใหญ่กาตาลันต้องเจอกับเรื่องแย่ๆอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เปิดฤดูกาล แม้จนกระทั่งท้ายฤดูกาลก็ยังคงสับสน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามันส่งผลกระทบต่อบรรยากาศภายในทีมไม่น้อย เพราะแทนที่จะมุ่งสมาธิไปที่เกมการแข่งขันเพียงอย่างเดียว 

ความผิดพลาดในเกมสำคัญถึง 3 เกม ทั้งการเสมอกับ เซบีย่า,เซลต้า บีโก้ และ แอต.มาดริด ของ บาร์เซโลน่า เป็นเหตุให้ เรอัล มาดริด พลิกสถานการณ์กลับมาแซงเข้าป้าย ซึ่งแม้ว่าจะมีดราม่าเรื่องการตัดสินของผู้ตัดสิน และ VAR เข้ามาบั่นทอนอยู่บ้างก็ตาม

กระนั้น หากมองกันในภาพรวม ก็คงยากที่จะเอาเรื่องนี้มาเป็นหลักยึดแล้วชี้ว่า บาร์เซโลน่า ทำได้ดีกว่า เรอัล มาดริด ในปีนี้ หรือ มาดริด โชคดีที่คว้าแชมป์ได้

…………………………..

ไม่สมบูรณ์แบบแต่ดีที่สุด 

ลา ลีกา และวงการฟุตบอลทั่วโลก ไม่เคยคาดฝันว่าจะต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า ซึ่งคร่าชีวิตผู้คน บั่นทอนกำลังใจรวมถึงสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจให้กับแต่ละสโมสรอย่างแสนสาหัส 

ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ คือการพิสูจน์ศักยภาพของสโมสรอย่างแท้จริง ไล่ตั้งแต่ระดับบนอย่างบอร์ดบริหารลงมาจนถึงนักเตะที่ทำหน้าที่ในสนามว่า สู้แค่ไหน และสู้อย่างถูกวิธีหรือเปล่า  

ดูจากฟอร์มการเล่นในช่วงตอนฤดูกาล อาจพูดได้ว่าฟุตบอลของ เรอัล มาดริด ไม่ใช่ฟตุบอลที่สมบูรณ์แบบ มันมีข้อผิดพลาดให้เห็นอยู่ เพียงแต่ในห้วงเวลาที่ทุกสโมสรพบกับยากลำบากกันถ้วนหน้า พวกเขาคือทีมที่ปรับตัวและรับมือกับสถานการณ์ได้ดีที่สุด

และนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะเรียกพวกเขาว่า 'แชมเปี้ยน' ในปีนี้ ขอแสดงความยินดีด้วยอีกครั้งครับ พวกคุณคู่ควรกับตำแหน่งนี้

ยินดีด้วยจริงๆครับ เรอัล มาดริด พวกคุณคู่ควรกับการคว้าแชมป์ในปีนี้แล้วจริงๆ 

เจมส์ ลา ลีกา 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด