"ปีศาจแดงจะแรง3เท่า" หากเสริมหน้าเป้าสไตล์ Target Man
เรื่องนี้ถือเป็นประเด็นสำคัญมากๆหากเราอยากจะคุยกันในเรื่องของการเสริมทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดยุคปัจจุบันให้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็ยังมีตำแหน่งต่างๆอยู่อีกมากมายที่เรายังขาดอยู่ ไม่ว่าจะเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกแบ็คอัพบรูโน่ เซ็นเตอร์แบ็คตัวใหม่ ปีกขวาที่จะเล่นด้านขวาจริงๆ มิดฟิลด์ตัวรับ แบ็คซ้ายเท้าซ้ายตัวเปลี่ยนลุคชอว์
แต่ยังมีอีกตำแหน่งหนึ่งที่อาจจะยังไม่ได้เป็นpriorityหลักๆของการเสริมทีม"ในปีนี้" แต่จริงๆแล้วหากว่าเรามีตัวลักษณะนี้เข้ามาในทีม ก็แทบจะเปลี่ยนโฉมหน้าของแมนยูชุดปี2019/20 อันดับ3ในลีกทีมนี้ จากทีมดาวรุ่งที่ยังมีจุดอ่อนอยู่
จะกลายเป็นเสือติดปีกที่เขี้ยวคมสุดๆไปในบัดดล และตำแหน่งที่ว่านั้นก็คือ "กองหน้าตัวเป้าในตำแหน่งNo.9 สไตล์Target Man"
ภาคการเล่นนะเฟ้ยไม่ใช่เบอร์เสื้อ!(ฮา)
เรื่องนี้เคยเขียนมาแล้วครั้งนึงแบบละเอียดยิบเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่นั่นคือในยามที่ทีมยังไม่ได้เป็นเหมือนตอนนี้ ยังไม่มีบรูโน่ แฟร์นันด์ส และโอดิออน อิกาโล่มาเข้าทีม และเราก็อยู่ในสภาวะปืนฝืดกันสุดๆ
ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป แมนยูไนเต็ดดูมีทรงมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อมีคนมาเชื่อมต่อและทำเกมรุกอยู่ตรงกลาง ทำให้ทุกอย่างมันมีกาวประสานจากแดนกลางไปแดนหน้าได้ดีมาก จนกระทั่งตอนนี้จบฤดูกาลแล้ว จากการที่ได้ดูผลงานที่ดีขึ้นของทีมอยู่ในตอนนี้ เมื่อมองหาข้อดีข้อเสีย เราก็ยังคงพบปัญหาอยู่เช่นเดิม แถมทีมปัจจุบันนี้ยิ่งทำให้จุดอ่อนเรื่องนี้ และความสำคัญของมันยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก
นั่นก็คือ ทีมเรายังต้องการ Target Man เข้ามาอยู่ดี แม้จะมีMartial กับ Ighalo แล้วก็ตาม
สองคนนี้ยังไม่ใช่Strikerที่เป็น "Real Target Man"
ถามว่าทำไม นั่นเป็นเพราะว่า Martialนั้นไม่ได้เล่นในลักษณะของ Target Man นั่นเอง แต่เขาคือกองหน้าตัวกลางที่เล่นในลักษณะของPoacherมากกว่า ซึ่งก็คือตัวค้ำชิงจังหวะ ฉีกหนีไลน์คู่แข่ง แล้วเข้าไปทำประตูด้วยความคมความเร็ว ใช่เลยมาร์กซิยาลคือกองหน้า(ตำแหน่ง)No.9ของทีมในลักษณะนี้
แต่ยังไงก็ตาม เขาไม่ใช่ Target Man หรือ "กองหน้าตัวเป้า" นั่นเอง
กองหน้าตัวเป้าลักษณะของมัน เคยเขียนไปบ่อยๆแล้ว เอาแบบง่ายสุดก็คือพวกชิรูด์ อิบราฮิโมวิช พวกนั้น และแน่นอน รวมถึงตัวที่หมดสัญญากับต้นสังกัดและสามารถไปเซ็นฟรีได้อย่าง"คาวานี่"อีกด้วยที่เล่นได้ทั้งTarget Man และแบบ Poacher
ตำแหน่ง"กองหน้าตัวเป้า" ทำอะไรได้บ้าง สรุปแบบง่ายสุดๆให้เห็นภาพก็คือ
— พักบอล เก็บบอลในแดนหน้า ซึ่งรวมถึงการรับบอลยาว และลูกกลางอากาศจากแนวหลังด้วย เป็นสิ่งที่Target Manทำได้ เนื่องจากจำเป็นต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่ง สูงใหญ่ และเล่นบอลโด่งได้ดี
— ดึงตัวประกบ สร้างช่องว่างให้ตัวรุกอื่นๆไม่ว่าจะเป็นกลางรุกหรือปีกกึ่งกองหน้า ได้มีช่องยิงได้ ดึงแนวรับคู่ต่อสู้ให้ฟอร์มแนวรับยากขึ้น เป็นตัวฝากบอลให้นักเตะเกมรุกคนอื่นๆได้ยิง
— ยิงประตูด้วยตัวเอง ข้อนี้สำคัญมากสำหรับการเล่นตำแหน่งนี้ เพราะมันคือตัวที่จะยืนค้ำอยู่ในโซนหน้าสุดของทีม ตรงหน้าปากประตูคู่ต่อสู้ และชื่อของมันก็บอกแล้วว่า เป็นตัวเป้า ดังนั้นเขาคือเป้าหมายของการส่งบอลจากทีมมาให้เพื่อจบสกอร์
คร่าวๆของTarget Man จะมีประมาณนี้ และคุณผู้อ่านก็จะเห็นได้เองว่า ในทีมตอนนี้เรามีกองหน้าในลักษณะนั้นอยู่เพียงแค่คนเดียวจริงๆ นั่นก็คือ Odion Ighalo แต่ปัญหาคือ โซลชานั้นมักจะไม่ค่อยเชื่อใจให้เขาลงเล่นเป็นตัวจริงเลย มักจะใช้แต่ในบอลถ้วยและเกมไม่สำคัญๆเท่านั้น และมักจะยึดโยงอยู่แค่สามประสานในแดนหน้าอย่าง หมาก แรช กรีนวู้ด เท่านั้นเอง
อิกาโล่เองก็ยังมีปัญหาอยู่สองด้าน ด้านนึงก็คืออายุเยอะแล้ว เรายืมตัวเขามาใช้เพื่อขัดตาทัพเป็นแบ็คอัพมาร์กซิยาลในระยะสั้นๆเท่านั้น รวมถึงอีกประเด็นหนึ่งก็คือ ลูกกลางอากาศนั้น อิกาโล่ก็ไม่สามารถเล่นลูกหัวได้ดี
ดังนั้นเราจึงไม่สามารถมองอิกาโล่เป็นอาวุธสำคัญของทีมได้ในตอนนี้มากไปกว่าเป็นแบ็คอัพฝีเท้าดี ที่ต้องรอลุ้นให้โซลชาส่งลงบ่อยๆเท่านั้น
เมื่อเป็นแบบนี้ก็เท่ากับว่า ทีมยังคงต้องหาซื้อ Target Man ต่อไป จะมาบอกว่า เฮ้ย ไมไม่ซื้อปีกขวาก่อน ไม่ซื้อCBตัวใหม่มาก่อนหลังรั่วจะตาย ฯลฯ บทความนี้จั่วหัวเอาไว้ตั้งแต่บรรทัดแรกๆว่า มันยังไม่ใช่เป้าหมายหลักของการเสริมทีมในปีนี้ แต่ถ้าถามว่าตอนนี้เราขาดกองหน้าลักษณะนี้ไหม
พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า "โคตรขาด"
สาเหตุที่พูดว่าโคตรขาดนั้นเป็นเพราะว่า เมื่อเราได้ดูทีมชุดนี้พัฒนาขึ้นมาในทิศทางที่ถูกต้อง ยิ่งเล่นมากเท่าไหร่ เรายิ่งเห็น"สิ่งที่ขาด" ในทีมนี้เยอะเท่านั้น หากเปรียบเทียบกับทีมชั้นยอดอื่นๆในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นบาเยิร์นมิวนิค ปารีส บาร์ซ่ามาดริด ยูเว่ และซิตี้กับลิเวอร์พูล ทีมพวกนี้ล้วนแล้วแต่ "แกร่งทั่วทั้งแผ่น" กันหมดทุกทีม
คำว่าแกร่งทั่วแผ่น มันหมายถึงว่า ทุกๆแอเรียของทีมพวกเขามันมีอาวุธพร้อมใช้งานในทุกด้านนั่นเอง ซึ่งเมื่อมองดูแมนยูไนเต็ดตอนนี้แล้วเรามีอะไรบ้าง
-เรามีบอลสั้นเร็วจากบรูโน่ มีการวางบอลยาวจากป็อกบา
-มีเกมสั้นวันทูเข้าไปยิง & เรียกจุดโทษ(ฮา) จากมาร์กซิยาล แรชฟอร์ด และการสอดมายิงของกรีนวู้ด
-มีเกมริมเส้นข้างเดียวฝั่งซ้ายจากลุค ชอว์ ซึ่งก็มาๆหายๆ เจ็บทีนึงก็นานต่ำๆเป็นเดือนๆทั้งสิ้น ส่วนขวาพิการ ง่อยสนิท (=0.5)
-มีการตั้งเกมจากแดนหลัง เน้นการครองบอลเพื่อทำเกมบุก
เนี่ย นึกออกเท่าเนี้ย แมนยูยุคนี้
นึกออกก็มีแค่นี้จริงๆแมนยูไนเต็ดชุดนี้ แต่ถามว่า ยังมีอะไรอีกไหมที่เรายังขาดอยู่ บอกเลยว่า "เพียบ" แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ มันมีจุดสำคัญอยู่ที่ว่า มีอยู่ตำแหน่งหนึ่งที่หากซื้อเข้ามาแล้ว มันจะ "เพิ่ม" มิติที่ขาดหายไปที่ว่าเพียบนั้น มีอยู่จุดนึงจริงๆที่ทุกคนยังมองเห็นไม่ชัดว่ามันดี และจำเป็นยังไงกับแมนยูไนเต็ดบ้าง
ตำแหน่งที่จะทำให้ทีมเราดีขึ้นเยอะมากขึ้นไปอีกหลายระดับ นั่นก็คือการมี "กองหน้าตัวเป้า" เข้ามาในทีมนั่นเอง
นักเตะที่ว่านี้นั้นสำคัญกับรูปแบบการเล่นของแมนยูไนเต็ดในยุคปัจจุบันนี้โดยตรง และหากซื้อเข้ามา จะมีผลกระทบในทางที่ดีกับทีมเราสูงมากในหลายๆด้านแบบเห็นได้ชัด
ถ้าแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้กองหน้าตัวเป้าชั้นยอดเข้าทีม สิ่งที่ทีมเราจะพัฒนาและมีมิติเพิ่มมากขึ้นคือ
1. ลูกโหม่งจะกลายเป็นอาวุธในการพังประตูของปีศาจแดงเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง
ลูกโหม่งในตำนานที่ทรงพลังที่สุดของคริสเตียโน่ โรนัลโด้
ต้องบอกว่า แมนยูไนเต็ดยุคนี้นั้นแทบจะไม่เคยทำประตูจากลูกโหม่งได้เลย มีก็แต่การยิงลูกไฟจากพวกนักเตะอย่างแรชฟอร์ด กรีนวู้ด มาร์กซิยาล หลังๆมาก็จะมีการจบสกอร์ในฐานะกองหน้าตัวกลางของมาร์กซิยาลที่ทำได้ดีขึ้นมากๆ
แต่ทั้งหมดทั้งมวล เราก็แทบจะไม่มีลูกโหม่งเลย ทั้งฤดูกาล2019/20 "66ประตู"ในลีก เป็นลูกโหม่งเพียงแค่ "5ลูก" เท่านั้นเอง จากมาร์กซิยาล 2 แรชฟอร์ด แมกไกวร์ ลินเดอเลิฟ คนละลูก ซึ่งถือว่าทำได้น้อยมากๆ เทียบกับลิเวอร์พูล ประตูลูกโหม่งของพวกเขาซัดไป 18ลูก (โหดสัส) ส่วนซิตี้ก็ไม่น้อยหน้าที่11ลูก ทั้งๆที่ยิงเยอะกว่าลิเวอร์พูลอีก [DBจากpremierleague.com]
เทียบกันแล้ว ยูไนเต็ดถือว่ายิงได้น้อยมากๆ หากเทียบเป็นสัดส่วนแล้ว เพราะลิเวอร์พูลที่ดีที่สุดในลีกยิงได้ 85ลูกทั้งปี แต่โหม่งไปซะ18 ในขณะที่ทีมเรา 66 โหม่งแค่5 มันต่างกันชัดเจนมากๆ
มีตัวครอสเทพๆ สถิตินี้ก็สมควรแล้ว
การที่ทีมเราจะมีอาวุธเป็นลูกโหม่งเพิ่มขึ้น นั่นหมายความว่า ตัวเลือกในการบุกของแมนยูจะเพิ่มมาขึ้นอีกหนึ่งช่องทาง ซึ่งคู่แข่งก็จะต้องระวังลูกโด่งจากเราด้วยเป็นพิเศษ ไม่สามารถทุ่มกำลังไปป้องกันต่อบอลสั้นด้วยความเร็วจากพวกแรช บรูโน่ หมาก เพียงอย่างเดียว ทำให้แนวป้องกันคู่ต่อสู้ไม่สามารถดักเราได้ทางเดียว เพราะปัญหาทีมรุกเราตอนนี้คือ
รูปแบบการเข้าทำโคตรน้อย ถึงน้อยที่สุด แน่นอนว่าลูกกลางอากาศไม่มีเลย
มีประโยชน์มากเวลาเจอคู่ต่อสู้ที่ป้องกันเหนียวๆ เราสามารถบอมป์เข้าใส่พื้นที่อันตรายเพื่อคาดหวังการโหม่งทำประตูได้อีกอย่าง ซึ่งในยุคนี้มักจะเห็นบ่อยครั้งที่ทีมเล่นเกมรุกแล้วมันตื้อๆ ถ้ามีกองหน้าตัวโหม่ง เราสามารถโจมตีได้อีกเยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นการยัดเข้าไปในยามเจอรถบัสตั้งรับลึก หรือแม้กระทั่งจังหวะโอเพ่นเพลย์ การเปิดไปเข้าหัวกองหน้าให้โหม่ง ก็จะใช้เพื่อทำสกอร์ให้ทีมได้
ส่วนใครที่จะบอกว่า ที่แมนยูโหม่งกันไม่ค่อยได้นั้นเพราะว่าเราไม่มีตัวครอสบอลเก่งๆเหมือนลิเวอร์พูลเขาต่างหาก นั่นก็ถูกเพียงแค่ครึ่งเดียวครับ เพราะเราต้องยอมรับความจริงว่า กองหน้าที่มีมันไม่มีใครโหม่งทำประตูเก่งๆเลย ต่อให้เปิดเข้ามาแม่นก็โหม่งไม่ได้อยู่ดี
ขนาดว่าตัวที่ว่าโหม่งเก่งๆอย่างแมกไกวร์ ลูกเตะมุมเข้าหัวแล้วเข้าหัวอีก ยังโหม่งไม่ตรงประตูเลย
2.ช่วย"แก้ปัญหาการขึ้นเกมจากแดนหลัง" ขู่ให้คู่ต่อสู้ไม่กล้าขึ้นมารอบีบสูงใส่เราได้แบบเต็มตัว
ประเด็นนี้สำคัญไม่แพ้กับการเพิ่มอาวุธในการบุก ที่ทุกวันนี้รูปแบบมันน้อยซะเหลือเกิน มีแต่เดิมๆคือต่อบอลสั้นเจาะโดยหมาก แรช บรูโน่ มีแค่นี้จริงๆเป็นหลัก แต่นั่นคือเกมรุก การจะมีTarget Manเข้ามานั้นช่วยสร้างประโยชน์ให้กับทีมในภาพรวมของการ Build Upเกมรุกขึ้นมาด้วย
กล่าวคือ ในทุกวันนี้ทุกคนก็ทราบกันว่า แมนยูนั้นขึ้นเกมโดยการพยายามใช้การต่อบอลสั้นจากแดนหลังเพื่อความชัวร์ สาเหตุที่ว่านี้ก็เนื่องมาจากเรื่องของเป้าประสงค์หลักที่ใช้วิธีนี้ มันไม่ใช่ว่าจะเน้นสวยงามแต่อย่างใด
แต่เพื่อเมคชัวร์ว่า "การครองบอลจะอยู่กับเราแน่นอน100%"
จริงๆโอเล่ปั้นหมากมาเล่นกองหน้าตัวกลางได้ดีมากแล้วนะ แต่หมากคนเดียวมิติการเล่นมันยังไม่เพียงพอสำหรับเกมรุกแดนหน้ายูไนเต็ด
คำๆนี้หมายความว่าไง คิดง่ายๆคือ หากจะเปิดบอลยาวขึ้นไปจากโกล นั่นคือเราจะต้องไปดวลลูกบอลกลางอากาศกันอีก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าฝ่ายไหนจะชิงได้ นั่นอาจทำให้บอลมันเข้าเท้าคู่ต่อสู้ได้บ่อยๆในระหว่างเกม หากเราดวลกลางอากาศแพ้ นั่นคือความไน่แน่นอนที่เกิดขึ้นของการออกบอลยาวโด่งไปข้างหน้า
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ต้องการจะเซ็ตเกมรุกโดยพื้นฐานของการครองบอลในลักษณะแบบpossessions game เน้นการเก็บบอลเอาไว้ในการครอบครองเป็นหลักๆเพื่อจะมีโอกาสขึ้นไปบุกได้ ซึ่งเกมบุกของเราก็ยังยึดโยงกับการถ่ายบอลไปมา เพื่อหาช่องอีก
ดังนั้นทั้งสองแอเรีย คือแดนหลัง และแดนหน้า ต่างก็จำเป็นต้องใช้การ "ต่อบอล" เป็นtoolsหลักในการเล่นล้วนๆเพียงอย่างเดียว
พูดง่ายๆคือ "แมนยูยุคนี้ถูกจำกัดให้ต้องเล่นเกมต่อบอลเท่านั้น"
เพราะอะไร?
นั่นเป็นเพราะว่า
2.1 แดนหน้าไม่มีตัวเลือกในการเข้าทำด้วยลูกกลางอากาศ (ดังที่เขียนไปแล้วในข้อที่1.)
2.2 แดนหลังไม่มีตัวเลือกที่จะฝากบอลในแดนหน้าด้วยบอลยาวได้
4คนนี้ไม่มีใครเก็บบอลโด่งได้เลย
ขีดเส้นใต้ย้ำชัดๆว่า เราไม่มีตัวเลือกในการ "เก็บบอลยาวในแดนหน้า" ได้เลยแม้แต่คนเดียวในตอนนี้ นั่นจึงเป็นคำตอบของคำถามที่เราบ่นกันทุกนัดว่า ทำไมทีมเราแม่งไม่ออกบอลยาวไปวะ ฝืนเล่นแดนหลังเสี่ยงๆจนมักจะเสียบอลหน้าประตูบ่อยๆจนทีมเสียหายเช่นนี้ทำไม
ส่วนหนึ่งคือ ทีมเรานั้น "ฝืนเกินไป" ที่จะใช้วิธีต่อบอลจากแดนหลังมากเกินไป ทั้งๆที่บางจังหวะควรจะเสี่ยงออกบอลยาวมาบ้างถ้าโดนบีบจวนตัวมากๆ ข้อนี้เป็นความผิดร่วมของทีมสตาฟฟ์ที่โค้ชชิ่งมาแบบนี้ และนักเตะเองก็ฝืนมากไป ไม่ตัดสินใจให้ดี
แต่อีกส่วนนึงนั่นก็คือ แดนหน้านั้น ไม่มีแม้แต่ตัวเดียวที่จะเก็บบอลโด่งได้ เปิดบอลยาวออกมาที ผมว่าไม่ถึง10%เลยที่ข้างหน้าจะเก็บลูกโด่งได้ ข้อนี้มีปัญหามานานมากแล้วตั้งแต่ยุคลูกากูเป็นต้นมา
เพราะก่อนหน้านั้น เราไม่มีปัญหานี้เป็นเพราะอะไร? ใช่แล้ว สลาตัน อิบราฮิโมวิชนั่นเอง คือคำตอบของบทความนี้ เพราะตอนที่เขาอยู่ เดเคอาสามารถเปิดบอลยาวขึ้นหน้ามาให้อิบราดวลเอาชนะกองหลังคู่แข่ง และเก็บบอลเล่นต่อได้แบบสบายๆ และพอหลังจากที่เราไม่มีTarget Manลักษณะนั้น ลูกากูก็ไม่ใช่นักเตะสายนี้ซะด้วยเพราะเขาเป็นตัวที่เหมาะกับการเคลื่อนที่และรับบอลเรียดมากกว่า ยิ่งมายุคกองหน้าฮอบบิท หมากแรชเจมส์ลินการ์ดกรีนวู้ด ก็ดูเอาเองว่ามีแต่ไซส์เดียวกันทั้งนั้น
เมื่อโยนยาวมาแล้วเพื่อนเก็บบอลเกือบๆแทบจะเป็น0เลยนั้น การออกบอลยาวก็เหมือนโยนบอลทิ้งให้คู่แข่งซะมากกว่า
การจะมีTarget Manเข้าทีมมา มันจะช่วยแก้ปัญหาการตั้งบอลจากแดนหลัง จะมี"ตัวเลือกในการเล่น" ที่เวลาโดนบีบหนักๆ พวกเขาก็จะได้ออกบอลยาวมาให้กองหน้าตัวเป้าเก็บบอลบ้าง ไม่ต้องฝืนเล่นต่อบอลข้างหลังอย่างเดียว100% และจุดนี้จะทำให้คู่แข่งต้องพะวังกับข้างหลัง และไม่สามารถทุ่มสุดตัวมาพับสนามบีบเราทั้งทีม เหมือนที่ทุกวันนี้เจออยู่
เวลาเดเคอาได้ลูกตั้งเตะ พวกพี่แกมายืนรออยู่บนเส้นกรอบ16หลาเลยด้วยซ้ำ เฮงซวยมากๆ -..-''
3.ลูกครอสของทีมจะได้ใช้งาน แบ็คและปีกจะได้มีเป้าในการครอสบอล รวมถึงเพิ่มอาวุธในการเข้าฮอร์สทำประตู
ชัดไหม?
เรื่องนี้สำคัญมากๆ มันเกี่ยวพันกับกับการยิงด้วยลูกโหม่งอย่างนึง และที่สำคัญก็คือ แค่ทีมเราซื้อTarget Man เข้ามาใช้งาน อีกแอเรียนึงที่จะได้รับประโยชน์ ก็คือ "ตัวริมเส้น" โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบ็คของเรา ที่ทุกวันนี้ไอ้เจ้าบิสซาก้ามันดูฟอร์มแย่เวลาเล่นเกมรุก ส่วนนึงรู้ไหมครับเป็นเพราะอะไร
เพราะมันเงยหน้ามาแล้ว ในกรอบเขตโทษไม่มีตัวจะรอโหม่ง รอยิงเลยนั่นเอง
หากมีตัวเป้าที่เล่นลูกโหม่งได้เข้ามาในทีม นั่นแหละ รับรองว่าแมนยูไนเต็ดร่างทรงป๋าในยุค4-4-2 ที่เน้นการรุกจากริมเส้น อาจจะกลับมาให้เห็นในรูปแบบของเกมที่ใช้การ crossing จากริมเส้นเป็นอีกอาวุธในการใช้งาน
ทั้งในแง่ของลูกโหม่ง และในแง่ของการชาร์จทำประตูแบบ "เข้าฮอร์ส" ที่ตอนนี้ กองหน้า3Mไม่มีใครมีสกิลเข้าฮอร์สเลย จะมีดีๆหน่อยก็แรชฟอร์ด ซึ่งก็มักจะถ่างออกไปริมเส้นและอยู่ห่างประตูสุดๆ ครอสมามันก็ไม่อยู่ตรงนั้นหรอกเชื่อเถอะ
แฮรี่ เคน คือหน้าเป้าที่คู่ควรที่สุดกับแมนยูไนเต็ด และควรจะต้องทุ่มเงินซื้อมาเช่นกัน
จากที่เขียนมาทั้งหมด ผู้อ่านน่าจะเห็นภาพชัดมากๆแล้วว่า หากแมนยูไนเต็ดเสริมทีมด้วยกองหน้าตัวเป้าดีๆมาเข้าทีมแล้วนั้น ทีมเราจะดีขึ้นยังไงบ้าง ต้องบอกว่า มันจะเพิ่มศักยภาพทีมขึ้นไปอีกระดับจนถึงขนาดใกล้เคียงจะเรียกว่าเป็นทีมแข็งแกร่งในระดับแนวหน้าได้แล้วจริงๆ และจากสามข้อทั้งหมดข้างบน คือประโยชน์ที่ทีมเราจะได้เพิ่ม จากการที่มีตัวแบบนี้เข้ามา
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ คุณจะเห็นได้ชัดเจนว่า ข้อด้อย ข้อขาด ที่เราไม่มี จะถูกเติมเต็มและพัฒนาขึ้นใน "ทุกแอเรียของทีม" เพียงแค่มีหน้าเป้าTarget Manมาเข้าทีม
นี่คือpointหลักของบทความวันนี้เลย
แดนหลัง : จะสามารถเปิดบอลยาวขึ้นหน้ามาให้กองหน้าเก็บบอลได้ ลดความเสี่ยงที่จะโดนบีบจนเสียบอลและอาจเสียประตูจากความผิดพลาดได้บ่อยๆ ทำให้คู่แข่งไม่กล้าพับสนามขึ้นมาบีบทั้งทีม ซึ่งจะทำให้แดนหลังไม่ต้องเจองานยากๆ และเล่นกันได้สบายและง่ายขึ้น (คือถ้ากองหน้าเราเก็บบอลยาวได้ก็หลุดทั้งทีม)
แดนกลาง : แน่นอนว่า ในส่วนของมิดฟิลด์ตรงกลางก็จะมี "เป้าให้เปิดบอล" เข้าไปในพื้นที่อันตรายรอยิงประตูอยู่ ซึ่งจะช่วยขยายแอเรียในบริเวณนั้นไม่ให้มันแน่นเกินไป ดึงตัวประกบไปได้ และกลางรุกเราก็จะทำเกมได้ง่ายขึ้นด้วยเพราะไม่โดนจับตายเหมือนทุกวันนี้
ตัวริมเส้น : มีเป้าหมายให้ลองเล่นเกมครอสเข้าไปได้ ไม่ว่าจะแบ็คหรือปีก หากว่าเล่นเกมรุกแล้วเจาะไม่เข้า ก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก ยัดๆบอมป์ๆเข้าไป เดี๋ยวก็ยิงได้สักลูก ลักษณะเช่นนี้เหมาะมากเวลาเกมตามอยู่ แล้วต้องลุ้นท้ายเกม ก็ใช้การเสี่ยงครอสบอลเข้าในกรอบเขตโทษได้
แดนหน้า : แน่นอน ถ้าเรามีTarget Man อาวุธในการเข้าทำจะเพิ่มขึ้นอีกชิ้นด้วยลูกโหม่ง / ตัวรุกด้านข้างก็จะมีช่องว่างในการเล่นและสอดมายิงประตูได้เยอะขึ้น และเขายังสามารถรับบอล-ฝากบอลจากการเล่นสั้นตามสไตล์กองหน้าแมนยูยุคนี้ถนัดได้อีก เพราะตัวเป้าสามารถเก็บบอลและจ่ายต่อให้เพื่อนก็ได้ ยิงเองก็ได้
เพียงแค่มีกองหน้าสาย Target Man เข้ามาเสริมทีมเพียงคนเดียวเท่านั้น แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจะดีขึ้น"ทั้งทีม" ในทุกๆแอเรีย เยอะจนน่าตกใจว่ามันส่งผลกระทบได้มากกับทีมเราขนาดนี้
ก็ได้แต่หวังว่า ปีหน้าจะเอาตัวรอดไปได้อีกปีก่อน เพราะทีมยังไม่มีแพลนจะทุ่มซื้อกองหน้าตัวเป้าในปีนี้เลย ก็อย่างที่รู้ๆกันว่า มีแค่ปีกขวา กลางรุกเท่านั้นที่เป็นเมนหลัก แล้วก็อาจจะมีเพิ่มกองหลัง หรือแบ็คซ้ายเท้าซ้ายเข้ามาอีก แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ใครมาเลยสักตัว (ฮ่วย!!!!)
แต่ยังมีสิ่งที่ดีกว่าการซื้อที่ว่านั้น นั่นก็คือ การลองไปเซ็นฟรีEdinson Cavani ที่หมดสัญญากับปารีสมาลองใช้งานดู ด้วยชื่อชั้นฝีเท้ายังดีพอที่จะเล่นให้เราได้สักฤดูกาล เอามาลองก็ไม่เสียหาย จากนั้นปีหน้าค่อยไปทุ่มเงินสอย Harry Kane หรือ Erling Haalandมายังได้เลย
ลองนึกย้อนไปดู ทุกยุคทุกสมัยช่วงที่แมนยูประสบความสำเร็จ เรามีกองหน้าตัวเป้าดีๆในทีมทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น Ruud van Nistelrooy / Robin van Persie / Zlatan Ibrahimovic
นี่แหละครับ คือความสำคัญทั้งหมดที่อยากให้แฟนผีได้เห็นว่า ทำไมเราจึงยังต้องการกองหน้าตัวเป้าลักษณะนี้อย่างมากจริงๆ เพราะถ้าได้Target Manมาเสริมทีมเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะปีนี้หรือปีหน้า..
กล้าพูดตรงนี้เลยว่าImpactของมันจะพอๆกับที่ทีมได้ตัวบรูโน่เข้ามาเลย
-ศาลาผี-
มโนไปก่อน ของฟรีมีอายุ เวลานี้ตัวไรก็เอาแล้ว