:::     :::

มุกเดิมกินพี่หงส์ไม่ได้รอบสาม

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เจอร์เก้น คล็อปป์ นำทีม ลิเวอร์พูล เอาชนะ อาร์เซน่อล ของ มิเกล อาร์เตต้า ได้สักทีเมื่อคืนวันจันทร์ 3-1 หลังจากความพยายาม 2 ครั้งก่อนนั้นทุกรายการล้มเหลว ทั้งนี้มีบทวิเคราะห์จาก คริส ซัตตัน แห่ง เมล ออนไลน์ น่าสนใจเกี่ยวกับกลยุทธ์แก้ลำปืนใหญ่

นี่คือการแสดงแสนยานุภาพที่แท้จริงของขาใหญ่ ลิเวอร์พูล แล้วนี่คือสิ่งที่ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ สั่งสอน อาร์เซน่อล ยุคปรับปรุงใหม่ของเฮดโค้ช มิเกล อาร์เตต้า ให้กลับไปสู่โลกความจริง  

'หงส์แดง' เป็นฝ่ายครองเกมเบ็ดเสร็จที่ แอนฟิลด์ ซึ่งนับเป็นการเริ่มต้นฤดูกาลใหม่อันแสนยอดเยี่ยมของทีมป้องกันแชมป์

ขณะที่ทีมหวังเขย่าบัลลังก์รายอื่นหัวทิ่ม - เอ่ยชื่อเลยก็ได้ว่าคือ แมนฯ ซิตี้ เสียท่าต่อ เลสเตอร์ 2-5 ตรงข้ามกับ ลิเวอร์พูล ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทำไมพวกเขายังคงเป็นทีมที่ลุ้นคว้าแชมป์ลีกอีกสมัย 

ซาดิโอ มาเน่ นี่สร้างความอันตรายให้คู่แข่งถึงฆาตจริๆ ดังนั้นกองหลังฝ่ายตรงข้ามสมควรทำอย่างไรก็ได้ตัดหมอนั่นออกจากเกม เพราะจากสถิติระบุชัดว่าพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ไม่มีนักเตะคนไหนเก็บบอลจังหวะสองในพื้นที่สุดท้ายได้มากกว่าเขา

ด้าน ดิโอโก้ โชต้า ที่โดนเปลี่ยนลงมาแทน มาเน่ ช่วง 10 นาทีท้ายสมควรทำแฮตทริกมากกว่าแค่สกอร์เดียว หมอนั่นคือทีเด็ดจากม้านั่งสำรอง ขณะเดียวกันยังมี ติอาโก้ อัลกันตาร่า จอมทัพเชิงสูงเข้ามาช่วยงาน คล็อปป์  ฤดูกาลนี้ด้วย 

เอาจริงๆโปรแกรมช่วงแรกของซีซั่นใหม่ไม่ใช่งานง่ายไล่จากเปิดบ้านพบ ลีดส์ ยูไนเต็ด, เยือน เชลซี แล้วมา อาร์เซน่อล ที่รังเหย้าอีก สมควรต้องแต้มหล่นบ้างแต่สิ่งที่ออกมาคือคว้าชัยทั้งหมด

เห็นแบบนี้แล้ว แมนฯ ซิตี้ ทราบทันทีจะปล่อย ลิเวอร์พูล ลอยนวลในลีกแบบนั้นไม่ได้เพราะอาจมีตอนจบเหมือนฤดูกาลก่อน - คำถามคือแล้วใครจะสามารถหยุดทีมของ คล็อปป์? 

เพราะแม้แต่ อาร์เตต้า โค้ชผู้ชอบท้าชนยังกล่าวยอมรับว่าทีมของเขาจำเป็นต้องปรับตัวเมื่อดวลกับคู่แข่งแบบ ลิเวอร์พูล กุนซือรายนี้ทราบว่าไปรบแบบตาต่อต่อฟันต่อฟันไม่ได้

นั่นคือเหตุผลว่าทำไม มิเกล ที่ชอบเป็นฝ่ายครองบอลมาเสมอ ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเมื่อดวลทีมของ คล็อปป์ 


แผนไม่เนียนไปเพียรมาใหม่นะอาร์เตต้า

เพราะมันได้ผลในการเผชิญหน้า ลิเวอร์พูล สองหนก่อนนี้ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม (ชนะ 2-1) และ เวมบลี่ย์ สเตเดี้ยม (เสมอ 1-1, ชนะชจุดโทษ 5-4) ครองบอล 31% และ 40% ตามลำดับ ผลการแข่งขันก็ทิศทางบวก

แต่มุกเดิมใช้กับที่แอนฟิลด์ไม่ได้ คืนวาน อาร์เซน่อล ครองบอล 34% ส่วนใหญ่คือการเก็บลูกบ้างครึ่งเวลาแรก, ภาพรวมบอลไม่ถึงกองหน้า ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง แทบไม่ได้ลุ้นประตูเลย 

สรุปเลยเกมเมื่อคืน ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นว่ายังเป็นทีมที่เล่นได้เร็ว-แรง, กดดันหวาดเสียวกว่าตลอดทั้งเกม และคว้าชัยอย่างที่พวกเขาคู่ควร 

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด