อำลายอดนายทวารหงส์แดง "เรย์ คลีเมนซ์"
5 แชมป์ลีก, 3 แชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ, 2 แชมป์ ยูฟ่า คัพ พร้อมกันนั้นยังคว้าเอฟเอ คัพ กับ ลีก คัพ มาครองได้อีกอย่างละครั้ง
ลงสนาม 665 นัด เก็บคลีนชีตได้มากถึง 323 ครั้ง คือหลักฐานชั้นดีว่า เรย์ คลีเมนซ์ คู่ควรกับคำว่า "ตำนาน" มากขนาดไหน เขาคือกำแพงเหล็กชั้นยอดที่ทำให้ แอนฟิลด์ กลายเป็นป้อมปราการที่ยากต่อการทำลาย โดย คลีเมนซ์ เสียไปเพียง 4 ประตูเท่านั้นจาก 21 นัดสำหรับการเล่นใน แอนฟิลด์ เมื่อฤดูกาล 1978-79 แถมยังเก็บคลีนชีตได้มากถึง 28 ครั้งในฤดูกาลดังกล่าวอีกด้วย
"ผมไม่เคยคิดจะเล่นเป็นผู้รักษาประตูเลย จนกระทั่งตอนผมอายุ 15 ถึงได้ลองมาเล่นตำแหน่งนี้" เรย์ เคยให้สัมภาษณ์กับ lfchistory.net
"ผมเล่นฟุตบอลตอน 9 ขวบในตำแหน่งศูนย์หน้า ก่อนจะค่อยๆ ขยับมาเป็นแบ็คซ้ายและกองหลังตัวกลางในบางครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่ง ทีมของเราขาดผู้รักษาประตู โค้ชถามผมว่าพอจะเล่นได้มั้ย ผมตอบไปว่าได้ แล้วนับตั้งแต่นั้น ตำแหน่งผู้รักษาประตูเลยกลายเป็นตำแหน่งประจำของผมตลอดมา"
จุดเริ่มต้นของ คลีเมนซ์ ที่ ลิเวอร์พูล เกิดจากสายตาที่แหลมคมของ บิลล์ แชงค์ลี่ย์ ในตอนนั้นว่ากันว่าแชงค์ลี่ย์ตามจีบนานร่วมๆ ครึ่งปีเลยทีเดียว เพราะตัวของ คลีเมนซ์ นั้นไม่ต้องการเป็นสำรองหากต้องย้ายออกจาก สคันธอร์ป ที่ที่เขาได้ลงสนามมากถึง 46 เกม ทั้งที่อายุยังน้อย
"เขาเป็นเด็กหนุ่มที่รู้จักกาลเทศะและเป็นเด็กดี แต่ก็มีความหยิ่งยโสในตัวอยู่หน่อยๆ ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับคนที่เล่นเป็นนายทวารนะ" แชงค์ลี่ย์ รำลึก
เมื่อย้ายมาอยู่ที่ ลิเวอร์พูล คลีเมนซ์ อดทนรอถึง 3 ปีกว่าที่จะยึดมือหนึ่งของทีมสำเร็จ แต่เมื่อเขาขึ้นไปอยู่จุดนั้นได้แล้วเขาก็ไม่เคยถอยหลังไปอีกเลย
เรื่องเล่าจากลูกเซฟมหัศจรรย์ของ คลีเมนซ์ มีให้พูดถึงเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเซฟจุดโทษของ จุ๊ปป์ ไฮย์เกส ในถ้วยยูฟ่า คัพปี 1973 หรือการเซฟลูกยิงของ อูไล สเตลิเก้ ในนัดชิงยูโรเปี้ยน คัพ ปี 1977 ซึ่งเป็นลูกสำคัญที่ทำให้ทีมไม่แพ้ในเกมดังกล่าว
นอกจากนี้ คลีเมนซ์ ยังเคยทำสถิติลงสนามติดต่อกัน 336 นัด! โดยไม่เคยพักเลย นับตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 1972 ไปจนถึงวันที่ 4 มีนาคม 1978 หรือร่วมๆ 6 ปี ซึ่งนับว่าเป็นสถิติที่ยากจะหาคนมาทำลายลงได้ในปัจจุบัน
เอียน คัลลาแกน อดีตนักเตะหงส์แดง พูดถึงคลีเมนซ์ว่า "เขาคือนายทวารที่เก่งที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ในกรอบเขตโทษเขาคือเอตทัคคะตัวจริง เวลาซ้อมเขาชอบให้คนกระหน่ำยิงมาที่เขา เพราะนั่นจะช่วยให้เขาพัฒนาขึ้นในทุกๆ วัน"
หลังจากแขวนสตั๊ด คลีเมนซ์ยังคงคลุกคลีอยู่กับสิ่งที่เขารักมาโดยตลอด เขาทำงานเป็นสตาฟฟ์โค้ชในทีมชาติอังกฤษ โดยทำงานร่วมกับเกล็น ฮอดเดิล, เควิน คีแกน, สเวน-โกรัน อีริกส์สัน และสตีฟ แม็กคลาเรน เคยเป็นหัวหน้าทีมแผนกพัฒนาของสมาคมฟุตบอลอังกฤษอีกด้วย
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2020...
เรย์ คลีเมนซ์ อำลาโลกนี้ไปอย่างสงบ เนื่องจากเขาเองนั้นป่วยด้วยโรคมะเร็งมานานหลายปี เขาถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากเมื่อปี 2005, ถูกตรวจพบว่ามีเนื้องอกในสมอง และนั่นทำให้เขาต้องใช้ชีวิตด้วยความเจ็บปวดพอสมควรในช่วงเวลาดังกล่าว
เรย์ จากพวกเราไปบนวัย 72 ปี ทิ้งความทรงจำสวยงามไว้ให้กับวงการลูกหนังอังกฤษมากมาย และไม่ใช่แค่ที่ ลิเวอร์พูล เท่านั้น แต่เขายังเป็นตำนานอีกคนของ สเปอร์ส อีกด้วย
ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่เคยทำให้กับ ลิเวอร์พูล และสร้างความทรงจำที่สวยงามไว้ให้กับ เดอะ ค็อป นับล้านคนทั่วโลกในช่วงเวลาที่เขายืนเฝ้าเสาให้กับทีม
Rest in peace Ray
คุณคือตำนานที่อยู่ในใจของเดอะ ค็อป ทุกคนตลอดไป.