ที่ผ่านมาหลายๆ ทีมต่างบอบช้ำกับโปรแกรมลงสนามที่ต่อเนื่องและกระชั้นชิดชนิดที่ไม่มีเวลาพักหายใจ โดยเฉพาะทีมที่ต้องเล่นเกมยุโรปสลับเกมลีกทุกๆ 3-4 วัน ซึ่งมันได้สร้างภาระหนักหน่วงให้กับบรรดานักเตะอย่างมาก
เราจะเห็นได้ว่าทีมต่างๆ ต้องเจอกับปัญหานักเตะบาดเจ็บ หรือแม้แต่โดนไวรัสโควิด-19 เล่นงานสลับกันไปมา สิ่งเหล่านี้ได้ส่งผลกับการจัดทีมและสร้างผลงานที่ต่อเนื่องของทุกๆ ทีม
สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้ต่างจากทีมอื่นๆ ที่ในช่วงหลังก็ได้รับผลกระทบทั้งอาการบาดเจ็บและนักเตะติดเชื้อไวรัส อย่างล่าสุดต้องเจอปัญหาแบ็กซ้ายเพราะ ลุค ชอว์ บาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังในเกมปะทะ เอฟเวอร์ตัน แถมก่อนหน้านั้น อเล็กซ์ เตลลิส ดันติดเชื้อโควิด
ข่าวดียังพอมีอยู่บ้างเพราะ เตลลิส หายจากไวรัสที่ลามระบาดไปทั่วโลก แม้ช่วงเดินทางไปรับใช้ทีมชาติบราซิลจะมีข่าวว่าอดีตฟูลแบ็กปอร์โต้กลับมาติดเชื้ออีกครั้ง แต่สโมสรดังของแมนเชสเตอร์ทำการตรวจสอบข่าวที่ออกมา ติดต่อไปยังสหพันธ์ฟุตบอลบราซิลก่อนจะได้รับข่าวดีว่านักเตะปลอดเชื้อ และคงพร้อมลงสนามในเกมต่อไปให้กับ ผีแดง
แต่ในข่าวดีก็ยังมีข่าวร้ายให้แฟนบอลได้ลุ้นก่อนเกมรับมือ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ในช่วงดึกคืนวันเสาร์นี้ เพราะมีนักเตะอีกประมาณ 3-4 รายที่ต้องรอดูความพร้อมว่าจะลงสนามในศึกพรีเมียร์ลีกไหวหรือไม่
มาร์คัส แรชฟอร์ด เป็นรายแรกที่ต้องประเมินเพราะกองหน้าวัย 23 ปีมีอาการเจ็บบริเวณหัวไหล่ติดตัวมาจากเกมบุกชนะ ทอฟฟี่สีน้ำเงิน ส่งผลให้นักเตะต้องถอนตัวจากทีมชาติอังกฤษอีกด้วย
นอกจากนั้น อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ที่ลงสนามให้ทีมฝรั่งเศสในเกมปะทะ ฟินแลนด์ และ โปรตุเกส ก็มีอาการเดี้ยงบริเวณแผ่นหลังติดตัวกลับมา ซึ่งส่งผลให้กองหน้าหมายเลข 9 ของทีมปิศาจแดงพลาดลงสนามในเกมชนะ สวีเดน และยังไม่ชัดเจนว่าจะหนักมากน้อยเพียงใด หรือส่งผลกับต่อๆ ไปกับ ปิศาจแดง หรือไม่
ไม่ต่างไปจากกรณี วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ที่อาการเดี้ยงจุดเดิมบริเวณหลังกลับมาเล่นงานในเกมดวลกับ ตราไก่ ของ มาร์กซิยาล ทำให้แนวรับสวีเดนเป็นอีกหนึ่งปัญหาของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และทีมแพทย์ที่ต้องประเมินก่อนเกมสุดสัปดาห์นี้
ส่วนกรณี บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่โดนเปลี่ยนตัวออกในช่วงพักครึ่งแรกในเกมที่ โปรตุเกส บุกชนะ โครเอเชีย 3-2 แม้ทีแรกจะมีความกังวงจากแฟนบอล ยูไนเต็ด เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของแข้งหมายเลข 18 จากรั้วโอดล์ แทรฟฟอร์ด แต่รายงานจากสโมสรระบุว่าสบายใจได้เพราะทีมได้รับแจ้งมาว่าเป็นการเปลี่ยนตาม 'แท็คติก' เท่านั้น
นั่นคือสภาพทีมคร่าวๆ ของ ปิศาจแดง ก่อนรับมือ เดอะ แบ็กกี้ส์ วันเสาร์นี้ ซึ่งถือเป็นเกมสำคัญอย่างมากทั้งในแง่ของการทำอันดับหนีโซนล่างของตาราง และการเดินหน้ามองหาชัยชนะนัดแรกในรังบนเวทีพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ของสโมสร
อย่างที่ทุกๆ คนทราบกันดี ผลงานใน โอดล์ แทรฟฟอร์ด ซีซั่นนี้ของ ปิศาจแดง จัดว่าห่วยแตกมากๆ เพราะผ่านไป 4 เกม ลูกทีมของ โซลชา เก็บได้เพียงคะแนนเดียวจากนัดเสมอ เชลซี แบบไม่มีสกอร์ ส่วนที่เหลือแพ้ให้กับ คริสตัล พาเลซ, ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ และ อาร์เซน่อล สามสโมสรจากกรุงลอนดอน
นี่นับเพียงแค่ฤดูกาลนี้ เพราะหากย้อนกลับไปรวมกับผลงานในฤดูกาลที่ผ่านมา เท่ากับว่า ผีแดง ไม่ชนะเกมลีกในรังตนเองมา 6 ติดต่อกันแล้ว (เสมอ เวสต์แฮม และ เซาธ์แฮมป์ตัน)
ต่างจากผลงานนอกบ้านอันยอดเยี่ยมในยุค โซลชา เพราะเกมสุดท้ายที่พวกเขาปราชัยนอกรังในเวทีพรีเมียร์ลีกต้องย้อนไปเมื่อเดือนมกราคมหรือในเกมบุกพ่าย ลิเวอร์พูล 0-2
เป็นการบ้านและงานที่ โซลชา รวมไปถึงนักเตะต้องพยายามรีบเรียกความมั่นใจในการลงเล่น ณ สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด ให้กลับคืนมา จากสนามที่เป็นเหมือนป้อมปราการหรือทุ่งสังหารทีมเยือน แต่ช่วงที่ผ่านมากลับเป็นสนามเด็กเล่นให้ฝ่ายตรงข้ามทำเกมอย่างสนุกสนานและคว้าคะแนนออกไปได้อย่างง่ายดาย
หลายฝ่ายมองว่าการรับมือ เวสต์บรอมวิช ถือเป็นโอกาสที่ดีและโอกาสทองของ โซลชา ในการจะให้ลูกทีมลงไปคว้าชัยเพื่อเก็บเกี่ยวความมั่นใจกลับคืนมา เพราะหากมองไปที่สถิติ 8 เกมแรกของ เดอะ แบ็กกี้ส์ พวกเขายังไม่ชนะเลยแถมแพ้ไปถึง 5 นัดซึ่งเป็นการปราชัยนอกรัง 3 เกมด้วยกัน (ล่าสุดแพ้ ฟูแล่ม 0-2 เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน)
หากมองจากสถิติต่างๆ ที่นำประกอบด้วยกันแล้ว จึงไม่แปลกใจที่หลายๆ คนจะมองว่ามันคือเกมสำคัญและโอกาสที่ดีสำหรับ ผีแดง ในการเก็บชัยเกมลีกในรังให้ได้เสียที
แต่ ... ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ผลงานที่เกิดขึ้นในยุค โซลชา โดยเฉพาะฤดูกาลนี้คือความไม่ต่อเนื่องและสามารถหลุดฟอร์มได้แบบดื้อๆ ไร้คำอธิบาย
ทำให้การรับมือ เวสต์บรอมวิช ของ สลาเวน บิลิช ยังคงมีบางคนมองว่าคงไม่ง่ายอย่างแน่นอน เพราะอย่าลืมว่า เดอะ แบ็กกี้ส์ กำลังกระหายในการคว้าชัยนัดแรกของฤดูกาล แม้ผลงานที่ผ่านมาของพวกเขาจะไม่ดีแนวรับเสียประตูง่าย แต่หากมองย้อนไปยังสถิติการเจอกันสองครั้งล่าสุดจะพบว่าทีมจาก เวสต์ มิดแลนด์ส ไม่แพ้ ปิศาจแดง เลย (ชนะ 1 เสมอ 1)
กระนั้นในมุมมอง 'ส่วนตัว' ยังเชื่อว่า แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะเอาตัวรอดในนัดนี้พร้อมกับคว้าชัยในรังนัดแรกบนเวทีพรีเมียร์ลีกดูกาลนี้มาครองได้สำเร็จ แม้ว่าสภาพทีมต่างๆ ยังไม่ชัดเจน และมีเกมยุโรปรอคอยอยู่ในวันอังคารหน้า
ปัจจัยแรกที่ทำให้เชื่อว่า ผีแดง มีโอกาสคว้าชัยสูงเพราะผลงานนอกรังของ เวสต์บรอมวิช ยังไม่ดีและจุดอ่อนสำคัญคือแนวรับที่เสียประตูทุกนัดในเกมเยือนฤดูกาลนี้
มันขึ้นอยู่กับแนวรุกของ ผีแดง ว่าจะสามารถกดดันและสั่นคลอนแนวรับของฝ่ายตรงข้ามได้ดีเพียงใด และสามารถหาโอกาสเข้าทำหรือเล่นงานฝ่ายตรงข้ามได้อย่างต่อเนื่องได้มากน้อยเพียงใด นอกจากนั้นคือการลดความผิดพลาดในแนวรับของฝ่ายตนเองให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ประการต่อมาคือความมุ่งมั่นของบรรดานักเตะที่อยากจะลบคำสบประมาท รวมไปถึงเรียกความมั่นใจกลับมาให้เร็วที่สุด เพราะตอนนี้สิ่งที่ขาดหายไปสำหรับการไต่อันดับคือการเรียกฟอร์มยามเฝ้า โอลด์ แทรฟฟอร์ด ให้กลับมาดีอีกครั้ง
หากพวกเขาสามารถหาจุดเปลี่ยนในการคว้าชัยในรังได้สำเร็จ บวกกับผลงานนอกบ้านที่ยังคงทำได้ดีต่อเนื่อง เชื่อว่ามันจะเป็นโอกาสสำคัญในการดีดตัวเองให้ขึ้นไปยังโซนครึ่งบนของตาราง
ทุกๆ อย่างถือเป็นใจและเข้าทาง แมนฯ ยูไนเต็ด ในการเดินหน้าไปสู่ชัยชนะ ปัจจัยแวดล้อมมันชี้มาที่ ผีแดง ว่าถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะพบกับชัยชนะในโอลด์ แทรฟฟอร์ด
นี่คือสิ่งที่สาวกผีแดงคาดหวังให้เป็นไป กระนั้นทุกๆ อย่างจะได้คำตอบที่ชัดเจนจากการลงสนาม 90 นาทีในวันเสาร์นี้
หวังว่านักเตะจะไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวัง (อีกครั้ง) เพราะหากพวกเขายังสะกดคำว่า 'ชนะ' ในรังบนเกมลีกไม่ได้เสียที ก็คงต้องเตรียมตัวโดนทัวร์ลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
