:::     :::

ชัยชนะของคนทางใต้ จากปลายเกือกของเสือเตี้ย

วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2563 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
1,294
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ช่วงชีวิตการเป็นนักฟุตบอลอาชีพของ "ดิเอโก้ มาราโดน่า" นั้น มีเรื่องราวน่าสนใจหล่นอยู่ระหว่างทางมากมาย ทั้งด้านที่ยิ่งใหญ่ราวเทพเจ้า หรือกระทั่งด้านมืดไม่ต่างจากซาตาน

หลายคนรู้ว่าเขาคือโคตรตำนานของทีม นาโปลี แต่หลายคนยังไม่รู้ว่าสิ่งที่เขารังสรรค์ที่เนเปิ้ลส์นั้นมันยิ่งใหญ่มากแค่ไหน ไม่ใช่แค่เรื่องฟุตบอล แต่มันมีนัยยะไปถึงเรื่องชัยชนะของความเหลื่อมล้ำทางสังคมในอิตาลีอีกด้วย



5 กรกฏาคม 1984 คือวันประวัติศาสตร์วันหนึ่งของสโมสร นาโปลี เมื่อ ยอดทีมแห่งแดนใต้ ตัดสินใจทุ่มเงินเป็นสถิติโลกในเวลานั้น เพื่อเซ็นสัญญากับ "นักเตะที่เก่งที่สุดในโลก" มาจากอ้อมอกของ บาร์เซโลน่า โดยเหตุผลหลักที่ มาราโดน่า จำเป็นต้องย้ายออกจากสเปนมาเล่นในอิตาลี นั่นก็เพราะว่าเกมสุดท้่ายของเขากับ บาร์ซ่า มันมีประเด็นฉาวเกิดขึ้นครับ


วันนั้นคือเกมรอบชิงชนะเลิศถ้วย โคปา เด เรย์ โดยเจ้าบุญทุ่มลงเตะกับ แอธเลติค บิลเบา ซึ่งในตอนจบเกม มาราโดน่า ได้ซัดกับนักเตะ บิลเบา หลายคนจนเกิดตะลุมบอนขึ้น ประเด็นคือในวันนั้น กษัตริย์ของสเปนได้มานั่งชมเกมอยู่ด้วย! สุดท้าย มาราโดน่า จึงถูกขายออกจากทีมอย่างเลี่ยงไม่ได้แม้จะเก่งฉกาจมากแค่ไหนก็ตาม



 

นาโปลี ทีมระดับกลางๆ ของอิตาลี คือมือที่ยื่นมาโอบอุ้มดาวเตะจอมแสบรายนี้ไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 4.9 ล้านปอนด์ หรือราวๆ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ว่ากันว่าในวันเปิดตัว มีสาวกเนเปิ้ลส์ กว่า 75,000 คนมาร่วมเป็นสักขีพยาน งานเปิดตัวเสือเตี้ย ซึ่งนับเป็นสถิติสูงสุดของสโมสรมาจนทุกวันนี้


หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ก็ตื่นเต้นไปกับการจุติลงมาของ มาราโดน่า เช่นกัน ทุกคนวาดฝันถึงแชมป์ลีกครั้งแรกของสโมสร แม้รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย กับการฝากความหวังไว้ที่คนคนเดียวก็ตาม แต่ใครจะไปคิดล่ะครับ ว่าอุ้งเท้าซ้ายของ มาราโดน่า สามารถเสกความฝันนั้น มามอบให้สาวกเนเปิ้ลส์ได้สำเร็จ แถมไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่เป็น 2 ครั้งอีกต่างหาก


ตลอดเวลาที่อาละวาดใน อิตาลี มาราโดน่า สถาปนาตัวเองเป็น สตาร์หมายเลขหนึ่งของลีก และถูกบูชาจากแฟน ๆ นาโปลีอย่างสูงสุด เท้าซ้ายของ เสือเตี้ย พา นาโปลี เป็นแชมป์ลีกในปี 1986-1987 พ่วงด้วย โคปา อิตาเลีย ในปีเดียวกัน ผงาดครอง ดับเบิ้ล แชมป์ อย่างยิ่งใหญ่ ขณะที่ 1988-1989 ก็อหังการ์พาทีมเป็นแชมป์ ยูฟ่า คัพ ก่อนจะทิ้งทวนด้วยแชมป์ลีกอีกครั้งในปี 1989-1990 และแชมป์ ซูเปอร์ โคปา อิตาเลีย ในปีเดียวกัน


ซึ่งนั่น ก็เป็นแชมป์ลีกครั้งสุดท้ายของ นาโปลี มาจนถึงทุกวันนี้


มาราโดน่า สร้างปรากฏการณ์มากมายในช่วงที่ค้าแข้งกับ นาโปลี แม้จะไม่ใช่จอมถล่มประตูโดยกำเนิด แต่ เสือเตี้ย ก็เคยพีคขนาดคว้า รางวัลดาวซัลโว กัลโช่ เซเรีย อา มาครองด้วย 1 ครั้ง แถมยังได้ ดาวซัลโว บอลถ้วย โคปา อิตาเลีย ในปี 1987-1988 อีก 1 ครั้ง รวมไปถึงรางวี่รางวัลส่วนตัวอีกนับไม่ถ้วน


ว่ากันว่า เด็กผู้ชายที่เกิดในช่วงนั้น ล้วนมีชื่อหน้าเป็น ดิเอโก้ กันมากที่สุดในเมือง นาโปลี ขณะที่ตามกำแพงของเมือง ก็ล้วนแต่มีการพ่นสีเป็น มาราโดน่า ส่วนในสนามก็เต็มไปด้วยธงชาติ อาร์เจนตินา โบกสะบัด อันเป็นการให้เกียรติ มาราโดน่า อย่างสูงสุดอีกด้วย


ทุกสิ่งทุกอย่างใน นาโปลี ล้วนเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้ในทุก ๆ อย่างของ มาราโดน่า มิพักต้องพูดถึงเสื้อแข่งที่ปักชื่อ มาราโดน่า เลย นอกจากยอดขายเสื้อจะถล่มทลายในทุก ๆ ปีแล้ว เมื่อคุณหลงเข้าไปใน สนามเหย้า ของ นาโปลี ว่ากันว่า 9 ใน 10 ของกองเชียร์ที่นั่น ล้วนมีแต่เสื้อหมายเลข 10 เต็มไปหมด เป็นปรากฏการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของเขาอย่างแท้จริง


"มาราโดน่าน่ะเหรอ? เมื่อเขาติดเครื่องได้แล้ว จะหยุดเขาได้คงมีแต่การทำฟาวล์" ฟรังโก้ บาเรซี่ อดีตตำนานกองหลังระดับเซียนของ เอซี มิลาน ออกโรงยกย่อง มาราโดน่า เมื่อครั้งดวลเกือกกันอย่างสนุกที่อิตาลี สำคัณคือคำยกย่องดังกล่าวหลุดมาจากปากคำของกองหลังซึ่งแกร่งและเก่งที่สุดในยุคทองของกัลโช่อีกด้วย แค่นั้นก็น่าจะเพียงพอสำหรับการสรุปทุกอย่างเกี่ยวกับ มาราโดน่า แห่ง นาโปลี ได้เป็นอย่างดี


ในยุคนั้นที่ มาราโดน่า เล่นกับ นาโปลี คือยุคที่กองหลังในลีกนี้เขี้ยวและหินที่สุดในโลกนะครับ พวกเลี่ยนเต็มไปด้วยทั้งแท็คติคและตุกติก กองหน้าระดับโลกหลายคนเอาชื่อมาทิ้งที่นี่กันเป็นว่าเล่น ขนาด คาร์ล ไฮนซ์ รุมเมนิกเก้ สตาร์เสือใต้ที่เคยยิงระเบิดเถิดเทิงใน บุนเดสลีกา ยังออกปากยอมรับเลยว่า ลีกอิตาลียุคนั้นเป็นลีกที่เล่นด้วยยากที่สุดแล้ว แต่ มาราโดน่า กลับทำเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องง่าย ง่ายจนเด็กรุ่นหลังแทบไม่เชื่อว่าคนคนเดียวจะสามารถเสกทีมกลาง ๆ อย่าง นาโปลี ให้เป็นแชมป์ได้ด้วยเท้าซ้ายข้างเดียวด้วยซ้ำ




 

สิ่งที่ มาราโดน่า สร้างไว้ในเมืองเนเปิ้ลส์ มันไม่ใช่แค่เรื่องชัยชนะของทีมฟุตบอลขนาดกลางแค่นั้น ทว่า มันมีนัยยะบางอย่างที่สะท้อนไปถึงชัยชนะของคนทางใต้อีกด้วย


กล่าวคือโดยธรรมชาติของคนอิตาลีนั้น คนจากทางแคว้นตอนเหนือมักจะมีการดูถูกและเหยียดคนจากแคว้นทางใต้อยู่เป็นประจำ บ้างไม่ยอมรับด้วยซ้ำว่าแคว้นทางใต้คือส่วนหนึ่งของอิตาลี ไหนจะเรื่องของสภาพความเป็นอยู่ เศรษฐกิจ ที่คนทางเหนือมีรายได้สูงกว่าคนทางใต้ อันเนื่องมาจากตั้งอยู่บนอุตสาหกรรมที่ดีกว่า ขณะที่คนทางใต้ส่วนใหญ่เป็นไปในเชิงเกษตรกรรม อีกทั้งยังเชื่อว่าคนทางใต้มีเรื่องของมาเฟียที่ครอบงำเศรษฐกิจของแคว้นมากกว่าอีกด้วย

 

ดังนั้น ชัยชนะของ นาโปลี ในช่วงที่ มาราโดน่า ค้าแข้งอยู่จึงเปรียบได้กับชัยชนะของคนทางใต้ที่สามารถลบคำปรามาสของพวกคนทางเหนือได้ในคราวเดียวกัน นั่นเลยทำให้ชื่อของ ดิเอโก้ มาราโดน่า กลายเป็นพระเจ้าของเมืองเนเปิ้ลส์ไปโดยปริยาย

 

และนั่นก็คือเสี้ยวหนึ่งของชายผู้เป็นปรากฏการณ์แห่ง กัลโช่ เซเรีย อา, ยอดแข้งผู้เป็นประวัติศาสตร์แห่ง นาโปลี, สุดยอดกัปตันทีมผู้ที่ 100 ปีอาจมีแค่คนเดียว, เอกบุรุษผู้นำพาคนทางใต้เอาชนะคนทางเหนือได้ด้วยเท้าซ้ายเพียงข้างเดียว

 

ขอคารวะด้วยหัวใจ และขอบคุณที่สร้างเรื่องราวสวยงามมากมายบนโลกลูกหนัง

 

ดิเอโก้ มาราโดน่า


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด