:::     :::

"ฟลอเรนติโน่ เปเรซ" เจ้าโครงการโลกลูกหนัง

วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน 2564 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
984
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ถือเป็นประเด็นดราม่าในโลกลูกหนัง

เมื่อฟลอเรนติโน่ เปเรซประธานสมสรเรอัล มาดริด ผุดไอเดียในการสร้างยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีกที่คัดเอาเฉพาะทีมชั้นนำในยุโรป เพื่อมาทำการฟาดแข้งกัน จนเกิดความวุ่นวายในวงกว้าง กระทั้งโครงการดังกล่าวต้องเป็นหมัน เมื่อหลายทีมทนเสียงต่อต้านจากแฟนบอลไม่ไหว จนถอนตัวไปในที่สุด


อย่างไรก็ตาม ฟลอเรนติโน่ เปเรซ คือชื่อที่ตกเป็นที่พูดถึงมาตลอด อย่าลืมว่า ชายคนนี้มีความกล้าคิดกล้าทำ และไอเดียใหม่ๆ ที่หลายคนไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นไปได้ นอกจากโครงการอย่างยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก  ที่เพิ่งสร้างดราม่าไป โครงการที่ถือว่าเป็นเครื่องหมายการค้าของเขา นั่นคือ “กาลาติกอส 


ช่วงนี้ เราลองย้อนความทรงจำ เกี่ยวกับเส้นทางเดินของเปเรซ กับเรอัล มาดริด จนพัฒนาสโมสรแห่งนี้ ก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่ พร้อมกับเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จมากมาย ทั้งในส่วนของการบริหาร และซื้อตัวผู้เล่น จนจารึกคำว่า กาลาติกอส ลงบนโลกของฟุตบอล

หากเอ่ยถึงชื่อเรอัล มาดริดนี่คือสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากสุดบนแผ่นดินยุโรป นอกจากการคว้าแชมป์ยุโรป มากกว่าใครที่จำนวน 13 สมัยแล้ว พวกเขายังครองสถิติคว้าแชมป์ลาลีกา สเปน มากที่สุดเช่นเดียวกันที่จำนวน 34 สมัย สถิติเหล่านี้ถือว่ายากต่อการทำลายอย่างแน่นอน 


แน่นอนว่า ส่วนหนึ่งของความสำเร็จ ดำเนินมาพร้อมกับนโยบายการซื้อตัวผู้เล่น เรอัล มาดริด ระดมทุนซื้อตัวดาวดังมาร่วมทีมอย่างมากมาย จนเกิดเป็นค่านิยมที่ว่า หากอยากจะเป็นนักเตะระดับโลก ต้องผ่านการเล่น และพิสูจน์ตัวเองกับทีมเรอัล มาดริด จึงไม่น่าแปลกใจว่า นี่คือจุดหมายปลายทาง และความฝันสูงสุดของผู้เล่นหลายคน 


โดยหนึ่งในโครงการที่สร้างชื่อให้กับทางเรอัล มาดริด จนกลายเป็นมหาอำนาจในการซื้อตัว นั่นก็คือกาลาติกอสมีรากศัพท์มาจากภาษาสแปนิช แปลความเป็นไทยว่าดาราจักรเป็นการเปรียบเปรยที่ว่า เรอัล มาดริด พร้อมที่จะรวมดาวระดับโลก ชนิดที่ใครยากจะทำได้ 


เรื่องราวต้องย้อนกลับไปช่วงปี 1995 ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ก้าวขึ้นมาสมัครตำแหน่งประธานสโมสรเรอัล มาดริด อย่างไรก็ตาม นโยบายการบริหารของเขานั้น ไม่สอดคล้องกับแผนการของทางสโมสร ส่งผลให้เขาพ่ายการเลือกตั้งครั้งนั้นอย่างน่าเสียดาย แต่มันก็คือบทเรียน ทำให้เขากลับมาอย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง 


กระทั่งช่วงปี 2000 เปเรซ กลับมายื่นใบสมัครเป็นประธานสโมสรราชันชุดขาวอีกรอบ คราวนี้เขาประสบความสำเร็จ และได้รับเลือก เป็นการเอาชนะประธานสโมสรคนเก่าอย่างโลเรนโซ่ ซานซ์ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนโยบายของเขาที่น่าตื่นตาตื่นใจ ด้วยการเตรียมกว้านซื้อสตาร์มาอัดแน่นเต็มทีม ภายใต้โปรเจ็กท์อย่างกาลาติกอส


หนึ่งในการหาเสียง ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลกลูกหนัง เปเรซ ประกาศอย่างชัดเจนว่า หากเขาสามารถก้าวมาเป็นประธานสโมสรเรอัล มาดริด เขาจะกระชากตัวหลุยส์ ฟิโก้ ดาวเตะคนสำคัญของทางบาร์เซโลน่า มาร่วมทีม ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า เปเรซ น่าจะเสียสติไปแล้ว นั่นเพราะฟิโก้ ถือว่าเป็นนักเตะของศัตรูตลอดกาลที่บาร์ซ่า หวงแหนเป็นอย่างมาก

แต่แล้ว เปเรซ สามารถทำได้ตามที่ตัวเองประกาศเอาไว้ ด้วยการทุ่มเงินเป็นสถิติโลก เวลานั้น ที่ประมาณ 62 ล้านยูโร พร้อมกับคว้าตัวฟิโก้ ร่วมทีมเป็นผลสำเร็จ ท่ามกลางความเดือดดาลของเหล่าแฟนบอลเจ้าบุญทุ่มที่เสียแข้งสำคัญไป นี่คือจุดเริ่มต้นโครงการกาลาติกอสอย่างเป็นทางการ 


ซึ่งตามสถิติบ่งบอกว่า เปเรซ ดำเนินนโยบายกาลาติกอสด้วยการคว้าดารามาเสริมทีมในทุกฤดูกาล จึงไม่น่าแปลกใจว่า ถัดมาในปีเดียว ในช่วงปี 2001 เปเรซ ระเบิดคลังเป็นสถิติโลกอีกหนึ่งครั้ง ด้วยการดึงตัวซีเนอดีน ซีดานมาจากยูเวนตุส ในสนนราคาราว 77 ล้านยูโร 


ตามมาด้วยปี 2002 กับการดีงโรนัลโด้ “R9” มาจากอินเตอร์ มิลาน ในราคา 46 ล้านยูโร ตามมาด้วย เดวิด เบ็คแฮม จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2003 ด้วยค่าตัว 37 ล้านยูโร ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่า เรอัล มาดริด เป็นทีมแห่งดวงดาว ตามที่เปเรซ ประกาศเอาไว้อย่างแท้จริง 


เปเรซ ออกมากล่าวว่า เรอัล มาดริด คือสโมสรที่ต้องเดินหน้าด้วยภาพลักษณ์ ควบคู่ไปกับการแข่งขันในสนาม ซึ่งการที่บรรดาซูเปอร์สตาร์หลายคนมารวมตัวกัน ทำให้การตลาดของสโมสรดีขึ้นมาก ยอดการจำหน่ายเสื้อ, ของที่ระลึก และแบรนด์ต่างๆที่เข้ามาสนับสนุน โดยส่งผลให้พลพรรคราชันชุดขาวมีฐานการตลาดที่แข็งแกร่งเอามากๆ 


องค์ประกอบของกาลาติกอสทำให้เรอัล มาดริด มีฐานแฟนบอลทั่วโลกเพิ่มมากขึ้น หลายคนอยากเข้ามาเชียร์ทีมที่เหมือนกับทีมในฝันทีมนี้ แน่นอนว่า มันต่อยอดเรื่องของอำนาจในการซื้อขายเพิ่มมากขึ้นด้วย ประหนึ่งว่า เรอัล มาดริด อยากได้ใครมาร่วมทีม ย่อมมีความเป็นไปได้สูง


อย่างไรก็ตาม วาระการดำรงตำแหน่งประธานสโมสรเรอัล มาดริด ในช่วงแรกของทางเปเรซ นั้น (ช่วงปี 2000-06) ทีมกลับประสบความสำเร็จเพียงแค่การคว้าแชมป์ลาลีกา 2 สมัย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 ครั้งเท่านั้น จนแฟนบอลหลายคนมองว่า ทีมเน้นเรื่องของการตลาดมากเกินไป และไม่สนผลงานเท่าที่ควร 

สอดคลัองกับโรแบร์โต้ คาร์ลอสอดีตแบ็คซ้ายของทีม ที่ออกมาบอกว่ากาลาติกอสเหมือนกับดาบสองคมเหมือนกัน โดยแง่ดี นี่คือการรวมนักเตะฝีเท้าดีเอาไว้ด้วยกัน เหมือนการเล่นวิดีโอเกม ที่หลายคนวาดฝันอยากมีทีมที่ดีที่สุดในโลก นี่คือภาพสะท้อนความจริงของกาลาติกอส 


ส่วนอีกแง่หนึ่ง คาร์ลอส บอกว่า การที่เหล่าซูเปอร์สตาร์อัดแน่นจนล้นเกินไป เหมือนเป็นการรวมหลายคนมีอีโก้เข้าไว้ด้วยกัน แต่ละคนอยากใช้ชีวิตตามแบบฉบับของตัวเอง นี่คือผลกระทบที่สโมสรต้องเผชิญหน้า และรับมือ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะทำให้ทุกคนพึงพอใจเหมือนกันหมด


คาร์ลอส กล่าวเพิ่มเติมว่า นักเตะในทีมกาลาติกอสคอยกำหนดความเป็นไป และกิจวัตรของสโมสร แทนที่จะเป็นหน้าที่ของผู้จัดการทีม ใครอยากกินอะไรกิน ใครอยากไปไหนไป ส่งผลให้กุนซือหลายคน ประสบปัญหาในการเข้าควบคุมนักเตะเหล่านี้ และผลสุดท้าย กุนซือหลายคนก็ต้องถูกบีบออกจากสโมสรไป 


1 มิถุนายน 2009 เปเรซ เข้ารับตำแหน่งประธานสโมสรเรอัล มาดริด เป็นสมัยที่ 2 จวบจนถึงปัจจุบัน เขาสร้างกาลาติกอสรุ่นที่สองขึ้นมา นอกจากการระเบิดคลังเป็นสถิติโลกกับคริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับแกเร็ธ เบล แล้ว เขายังดึงนักเตะชื่อก้องโลกอย่างกาก้า, คาริม เบนเซม่า, ชาบี อลอนโซ่, เมซุต โอซิล, อังเคล ดิ มาเรีย, ลูก้า โมดริช, โทนี่ โครส และฮาเมส ฯลฯ


คราวนี้ ทีมกลับมาประสบความสำเร็จพอสมควร แม้จะสามารถคว้าแชมป์ลีก เพียงแค่ 2 สมัย แต่พวกเขากลับได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มากถึง 4 หน ... ต่อจากนี้ เราต้องมารอลุ้นกันว่า เปเรซ จะริเริ่มโครงการลูกหนังอะไร เพื่อมาสร้างความประหลาดใจให้กับแฟนบอลอย่างเราอีก 

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด