:::     :::

โอกาสสุดท้าย? ของ "นิชิโนะ" กับการปรุงรส "ช้างศึก"

วันพุธที่ 23 มิถุนายน 2564 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
1,596
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แน่นอนว่าในโลกฟุตบอลไม่มีใครผูกขาดความสำเร็จไปตลอดกาล และล้มเหลวตลอดไป แต่ล้มแล้วต้องรีบลุกให้ได้ หลังเดินบนถนนแห่งความสุขจนสบายเท้า ตอนนี้ฟุตบอลทีมชาติไทย กลับมาเดินอยู่บนทางลูกรังอีกครั้ง พร้อมกับสารพันปัญญาที่ถาโถมเข้าใส่ไม่เว้นแต่ละวัน

อย่าลืมว่าทีมที่เคยคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก ยังเคยพุ่งชนหายนะมาแล้ว นับประสาอะไรกับทีมชาติไทย ที่ไม่เคยก้าวข้ามไปสัมผัสมหกรรมลูกหนังของมวลมนุษยชาติเลยสักครั้ง

ล่าสุดมีข่าวลือให้แฟนบอลไทยฮือฮาว่า มาร์เชลโล่ ลิปปี้ อดีตกุนซือ “อัซซูรี” อิตาลี ชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2006 และทีมชาติจีน อยากลองของ เข้ามาคุมทีมชาติไทย แทน อากิระ นิชิโนะ

แต่เรื่องนี้คงไม่ใกล้เคียงความเป็นจริงเพราะกุนซือดีกรีแชมป์โลกแบบนี้ ส.บอลไทย คงไม่มีปัญญาจ่ายค่าเหนื่อยก้อนโตให้ เหมือนกับจีนที่เคยประเคนค่าจ้างปีละ 570 ล้านบาทต่อปีให้ ลิปปี้ มาแล้ว


ลำพังแค่ค่าเหนื่อยของ “นิชิโนะ” ส.บอลไทย ยังต้องแบกหลังแอ่นปีละกว่า 30 ล้านบาท 

ดังนั้น “ลิปปี้” กับทัพ “ช้างศึก” คงเป็นเพียงเส้นขนานที่ยากจะมาบรรจบกัน และทางเพจเล่าเรื่องบอลจีนก็ออกมายืนยันว่าข่าวนี้ไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด

ส่วน ส.บอลไทย ที่ต้องรับผิดชอบโดยตรงกับผลงานทัพ “ช้างศึก”ก็ต้องกลับมาทบทวน หาจุดอ่อน ว่าเหตุใดทีมจึงมีผลงานล้มเหลวไม่เป็นท่า 

ไล่ตั้งแต่การเตรียมทีม, การสนับสนุนเรื่องผู้ช่วยโค้ช, ทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ช หรือจะเป็นการจัดการเรื่องล่ามให้กับ “นิชิโนะ” จนกลายเป็นหลุมดำให้ทีมร่วงตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก ไปอย่างน่าผิดหวัง 

แม้ว่า “นิชิโนะ” จะเสียความชอบธรรมจากแฟนบอลไปแล้ว แต่ว่ากันตามตรง หากจะไม่ให้โอกาสกุนซือเลือดบูชิโดแก้ตัวเลยก็คงใจร้ายเกินไป


ส่วน “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เองนั้นยืนยันว่าพร้อมเปิดอกคุยกับ “นิชิโนะ” พร้อมขอตัดสินอนาคตกุนซือรายนี้ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งแนวโน้มที่ “ลุงโนะ” จะอยู่ต่อก็มีไม่น้อย

อย่าลืมว่าสัญญาที่ ส.บอลไทย เซ็นไว้กับ “นิชิโนะ” ยาวไปถึงฟุตบอลเอเชียน คัพ 2023 รอบสุดท้าย บนแผ่นดินมังกร แม้จะเลื่อนไปแข่งเดือนก.พ. ซึ่งอันที่จริงจะสิ้นสุดสัญญาที่ทำกันไว้ถึงแค่ ม.ค. ปีหน้าไปแล้วก็เถอะ

เมื่อเป้าหมายแรกไม่สำเร็จ ก็ต้องมาลุยกันต่อที่แผนสอง 

เชื่อว่าหากทีม “ช้างศึก” ได้ 3 คีย์แมนหลักอย่าง ธีราทร บุญมาทัน, ชนาธิป สรงกระสินธุ์ และ ธีรศิลป์ แดงดา กลับมาเป็นเสาหลักคอยประคองนักเตะวัยว้าวุ่นอย่าง ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร, เอกนิษฐ์ ปัญญา, สุภโชค สารชาติ และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา สภาพทีมไทย ก็น่าจะพร้อมบู๊กับทุกทีมมากกว่านี้

ส่วน นิชิโนะ คงได้เห็นวัตถุดิบของทีมแล้วว่ามีคุณสมบัติอย่างไร เหลือเพียงให้เขาจัดการปรุงรสให้ถูกปากแฟนบอลไทยอีกครั้ง 

ที่สำคัญการหากุนซือชุดใหญ่คนใหม่เวลานี้ทั้งคนไทยและต่างประเทศคงเป็นเรื่องยาก เพราะคงไม่ใครกล้ารับเผือกร้อนเป็นแน่แท้

หากใครอาสาคืนความสุขให้คอลูกหนังไทยช่วงนี้ คงต้องต้องเสียเวลาเซ็ตระบบใหม่ 

สู้ให้ “นิชิโนะ” ทำงานต่อไปจนหมดสัญญาดีกว่า เพราะมันสมองระดับอ๋องอย่าง นิชิโนะ คงรู้ดีว่าจะต้องกำจัดจุดอ่อนตรงไหน แถมที่ผ่านมาคงเห็นฝีเท้าของแข้ง “ช้างศึก” ทุกคนแล้วว่าเป็นอย่างไร


ไม่ว่าอนาคตของนิชิโนะจะได้ไปต่อหรือไม่ แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “กำลังใจ” จากแฟนบอลสำคัญที่สุดที่จะหนุนให้ “ช้างศึก” ฟื้นจากอาการป่วย แล้วกลับมาผงาดอีกหน สุดท้ายถ้าทีมไทยยังล้มเหลวไม่เป็นท่าอีก เห็นที นิชิโนะ คงต้องโบกมือลาโดยไร้ข้อโต้แย้ง

เพราะคนที่ไม่ใช่ ฝืนยังไงก็คงไปไม่รอดอยู่ดี 





ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด