แฟนบอลเมืองผู้ดีมีความสุขกันมากกับการที่ลูกทีมของ แกเรธ เซาธ์เกต ล้ม เดนมาร์ก 2-1 ทำให้พวกเขาผ่านเข้าชิงทัวร์นาเม้นท์ "เมเจอร์" ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าชิงและได้แชมป์ฟุตบอลโลก 1966 นั่นมันก็ 55 ปีมาแล้ว
ช่วง 55 ปีที่ว่านี้มีสิ่งต่างๆเกิดขึ้นมากมาย อย่างเช่นผู้จัดการทีมที่เปลี่ยนไปนับสิบคนแต่พวกเขาไม่เคยได้เข้าชิงชนะเลิศเลย เต็มที่ก็ได้แค่รอบรองฯอันได้แก่ ฟุตบอลโลก 1990, ฟุตบอล ยูโร 1996 และล่าสุดฟุตบอลโลก 2018 จนมาครั้งนี้พวกเขาฝ่าด่านมาถึงรอบชิงชนะเลิศจนได้
ทว่า อังกฤษ ก็ยังเหลืองานอีก 1 ชิ้นนั่นก็คือจะต้องเอาชนะ อิตาลี ให้ได้ ซึ่งข่าวที่ออกมาจากเมืองผู้ดีทั้งหมด เหมือนกับว่าพวกเขาไม่ได้เตรียมใจสำหรับความพ่ายแพ้เลย
อังกฤษ เตรียมการฉลองเอาไว้เพียบไม่ว่าจะเป็นการจะตั้ง แกเรธ เซาธ์เกต เป็น "ท่านเซอร์", การสร้างรูปปั้นให้ที่บ้านเกิดของเขา, การขยายเวลาปิดผับในช่วงคืนวันอาทิตย์เพื่อที่จะฉลองกันได้สุดเหวี่ยง, การเตรียมงานขบวนฉลองช่วงแบ็งค์ฮอลลิเดย์ในเดือนหน้า ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้จะจืด, ฝืด และ เฝื่อน เหมือนกับคุณดื่มน้ำโซดาใส่สารส้ม ถ้า อังกฤษ แพ้ อิตาลี ซึ่งมันไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้นะ ดูที่ราคาสิครับ อังกฤษ ต่อแค่บวก 10-9 ทั้งที่เล่นใน เวมบลีย์ ลองคิดดูถ้าเตะที่สนามเป็นกลางเผลอๆ อิตาลี เป็นต่อด้วยซ้ำ
ที่สำคัญสถิติการเจอกันของทั้งคู่นั้นเป็น อิตาลี ที่ทำได้ดีกว่าโดยพบกันทั้งหมด 27 เกม อังกฤษ ชนะแค่ 8 เสมอ 8 และเป็น อิตาลี ชนะ 11
ยิ่งถ้าเป็นการเจอในทัวร์นาเม้นท์ "เมเจอร์" ด้วยแล้ว อังกฤษ เจอกับ อิตาลี 4 ครั้งปรากฏว่าแพ้ทั้งหมดเลยนะครับ ครั้งแรกในยูโร 80 อังกฤษ แพ้ 0-1 ในรอบแบ่งกลุ่ม, ชิงอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 1990 อังกฤษ แพ้ 1-2, ฟุตบอลยูโร 2012 รอบ 8 ทีมสุดท้าย เสมอกัน 0-0 ยิงจุดโทษ อังกฤษ แพ้ 2-4 และล่าสุดฟุตบอลโลก 2014 รอบแบ่งกลุ่ม อังกฤษ ก็แพ้ 1-2
นั่นหมายความว่าในทัวร์นาเม้นท์ "เมเจอร์" อังกฤษ แพ้ทาง อิตาลี อย่างแรงเลยครับ
แต่อย่างที่บอกทุกอย่างมันชี้ไปทาง อังกฤษ หมดเลย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นใน เวมบลีย์ ขุมกำลังที่แน่นปั้ก, ตัวสำรองที่ดีกว่า, นักเตะส่วนใหญ่ของ อังกฤษ อยู่ในช่วงท็อปฟอร์ม, แฮร์รี่ เคน ยิงประตูมา 3 นัดติดต่อกัน ฯลฯ นี่เองทำให้แฟนบอลเมืองผู้ดีไม่ได้คิดเผื่อถึงความพ่ายแพ้เลย
ดังนั้นน้าแมวจึงมองว่าถ้า อังกฤษ ชนะ จะฉลองกันชนิดสุดสวิงริงโก้ จนอาจจะถึงขั้นเลยเถิด เพราะเหมือนกับเป็นการปลดล็อกสิ่งที่แฟนบอล สิงโตคำราม รอคอยมาอย่างนั้น
ในทางกลับกันถ้า อังกฤษ แพ้ !
ทุกสิ่งจะพังพินาศไปหมด ภาพของทีม "ขี้แพ้" ก็จะติดตัวของพวกเขาต่อไป ซึ่งน้าแมวห่วง แฮร์รี่ เคน มากที่สุด เพราะ เคน เคยเข้าชิงบอลถ้วย 3 ครั้งคือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 และ ลีก คัพ อีก 2 ปรากฏว่าแพ้แบบที่ สเปอร์ส ยิงประตูไม่ได้ทุกเกม หรือจะเป็นการแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกกับ เลสเตอร์ ในปี 2016 และ เชลซี 2017 ไก่เดือยทอง ก็เข้าเพลสทั้ง 2 ครั้ง ดังนั้นถ้าชิงยูโร 2020 แล้ว อังกฤษ ยังแพ้อีก เคน จะเป็นคนหนึ่งที่เจ็บปวดที่สุด
ดังนั้นนี่จึงเป็นนัดที่มี "เดิมพัน" ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของ "สิงโตคำราม" ทีมชาติอังกฤษ ครับ "เดอะ วินเนอร์ เทก ออลล์" ผู้ชนะได้ไปทั้งหมดจริงๆ
น้าแมว มองไปถึงว่าถ้า อังกฤษ ได้แชมป์ยูโร 2020 พวกเขาสามารถต่อยอดไปเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ได้เลยด้วยซ้ำ เหมือนกับที่ สเปน และ ฝรั่งเศส เคยทำได้ สเปน น่ะได้ ยูโร 2008, ฟุตบอลโลก 2010 และ ยูโร 2012 สามรายการติดต่อกันเลย ขณะที่ ฝรั่งเศส ซิวแชมป์ฟุตบอลโลก 1998 ตามด้วย ยูโร 2000
แต่ถ้าแพ้ ความมั่นใจทั้งหมดของพวกเขาจะหล่นไปกองกับพื้น ซึ่งจากสถิติ เฮด ทู เฮด เราได้เห็นแล้วว่า อังกฤษ มีโอกาสแพ้สูงเลย และที่สำคัญ สิงโตคำราม ไปถึงรอบชิงฯ เมเจอร์ เป็นครั้งที่ 2 เท่านั้น ส่วน มะกะโรนี นี่เป็นครั้งที่ 9 แล้วครับที่พวกเขามาถึงรอบชิงชนะเลิศ
ทัศนะของน้าแมวมองว่าตลอด 6 เกมที่ผ่านมา งานของ อังกฤษ "ละเอียด" กว่า อิตาลี ครับ โดยเฉพาะ "เกมรับ" ยิ่งเห็น สเปน ทำชิ่ง 1-2 หลุดไปยิง อิตาลี ได้ง่ายๆ น้าแมว ก็มองว่า อังกฤษ มีโอกาสจะทำเช่นนั้นได้เหมือนกัน คู่เซนเตอร์อย่าง คิเอลินี่ และ โบนุชชี่ อายุรวมกันปาไป 70 ปี เจอกับ แฮร์รี่ เคน ที่กำลังท็อปฟอร์มมีแววว่าจะเอาไม่อยู่
ฟันธง : 90 นาที เสมอกัน 1-1 หรือ อังกฤษ ชนะ 2-1 ครับ
"แมวเพชร"
