ถ้ากวาดสายตาไปยังทวีปยุโรปที่มีนักเตะลูกครึ่งไทยอยู่เต็มไปหมด ย่อมเป็นเรื่องที่ง่ายกว่ามากๆ เหมือนอย่างที่ครั้งหนึ่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นิยมป้อนแข้งเหล่านี้เข้ามาสู่ทีม ทั้ง แอนโทนี อำไพพิทักษ์วงศ์, ชาริล ชัปปุยส์, ชิตชนก ไชยเสนสุรินธร, เดนนิส บุสเชนิ่ง, เออร์เนสโต ภูมิภา, ฮาวาร์ ดาห์ล จนวันนี้ก็ยังมี จักรกฤษ ลาภตระกูล อยู่ในทีม

หรือจะเป็นรุ่นแรกๆ ที่มาเหยียบไทยลีกกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด นามว่า ปีเตอร์ แลง จากนั้นหลายสโมสรก็เริ่มจะมีบรรดาแข้งลูกครึ่งไทย ป้อนเข้ามาสู่ทีม ไม่ว่าจะเป็น ทริสตอง โด กับ มิก้า ชูนวลศรี ที่ตอนนี้อยู่กับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด, เอเลียส ดอเลาะ, ฟิลิป โรลเลอร์, เควิน ดีรมรัมย์ ซึ่งอยู่ที่ การท่าเรือ เอฟซี ฯลฯ 

ในโลกโซเชียลทุกวันนี้ เราได้เห็นแฟนบอลหลายคน พยายามเสาะหาชื่อของนักเตะเชื้อสายไทย ที่เล่นในลีกต่างแดน และในที่สุดก็ปรากฎชื่อหนึ่งที่ทุกคนต่างได้ยินมาสักพักแล้ว นั่นคือ "โจนาธาน เข็มดี" ปราการหลังเจ้าของส่วนสูง 191 ซม. ซึ่งเพิ่งได้รับการเซ็นสัญญาขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ โอบี โอเดนเซ่ สโมสรดังของเดนมาร์ก เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

โจนาธาน มีคุณพ่อเป็นชาวเดนมาร์ก และคุณแม่เป็นคนไทยชาวบุรีรัมย์ เป็นเด็กปั้นในอคาเดมี่ของโอบี โอเดนเซ่ เขามีชื่อขึ้นทีมชุดยู-19 ตั้งแต่ปี 2018 เก็บเลเวลใน U19 Boy League และทีมสำรองไปแล้ว 33 นัด ซึ่งช่วงแรกนั้นคนไทยต่างเฝ้ารอคอยดูคลิปการเล่นของเขาอย่างใจจดจ่อ และได้เห็นคลิปสั้นๆ บ่งบอกถึงสไตล์การเล่นที่แอคเกรสซีฟตามแบบฉบับกองหลังยุโรป

ด้วยการเป็นปราการหลังรูปร่างสูงใหญ่ แต่สรีระกลับไม่ใช่ปัญหา เพราะเขามีความเร็วไม่เป็นรองแนวรุกคู่แข่ง แถมยังเข้าสกัดได้หนักหน่วง ดุดัน เหมือนที่แฟนบอลไทยนำไปเปรียบเทียบกับ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ของลิเวอร์พูล หรือ ราฟาเอล วาราน แห่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เมื่อลองไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม ก็ได้พบว่าเขามีความผูกพันธ์กับประเทศไทยตั้งแต่แรก เพราะไม่ได้ไปลืมตาดูโลกที่เดนมาร์ก แต่เป็นดินแดนสยามที่เขาถือกำเนิดในย่านชุมชนหนึ่ง อีกทั้งเวลาว่างเขาจะไปสร้างแรงบันดาลใจให้กับน้อง ๆ ในทีมการเคหะสมุทรปราการ เนื่องจากเป็นทีมที่เคยลงเล่นสมัยเด็กๆ เพราะมีญาติอาศัยอยู่ที่ดังกล่าวและก็ช่วยเป็นโค้ช โดยทุกครั้งที่กลับไปเมืองไทย ก็มักจะไปร่วมเล่นฟุตบอลกับเยาวชนที่นั่นเป็นประจำ

จึงไม่แปลกเลยที่เขาอยากจะเล่นให้แผ่นดินเกิดสักครั้ง ซึ่ง "มาดามแป้ง"นวลพรรณ ล่ำซำ ในฐานะผู้จัดการทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ก็ยินดีที่จะทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้ปราการหลังดาวรุ่งวัย 19 เข้ามาร่วมทีม เพื่อลุยศึกชิงแชมป์เอเชีย 2022 รอบคัดเลือก ณ ประเทศมองโกเลีย

กระทั่งเขาได้มาเป็น 1 ใน 27 ขุนพล "ช้างศึก" ชุดนี้ และวันแรกของการซ้อม "โค้ชโย่ง" วรวุธ ศรีมะฆะ กุนซือของทีม และบรรดาสตาฟฟ์โค้ช ต่างทึ่งและประทับใจเจ้าหนูลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก รายนี้อย่างมาก เพราะด้วยทัศนคติในการเล่นแบบยุโรป ที่เข้าปะทะอย่างหนัก และอ่านเกมเฉียบขาด มีความเป็นผู้นำในสนาม อีกทั้งนอกสนามก็เป็นเด็กหนุ่มที่มีอัธยาศัยเข้ากับคนอื่นได้ง่าย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทุกนัด เขาจึงได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่อง

ทุกเสียงจากแฟนบอลที่ส่งเข้ามาตามเพจต่างๆ โดยเฉพาะคอมเมนต์ที่ชื่นชม สรรเสริญ ถึงผู้ชายคนนี้ ต่างมาจากการนั่งดูฟอร์ม ที่ได้เห็นความมุ่งมั่นแบบเกิน 100 เปอร์เซนต์ รวมถึงคุณภาพฝีเท้าที่ดีเกินอายุไปแล้ว

การเล่นของเขาทำให้หลายคนมั่นใจเลยว่า นับตั้งแต่มีกองหลังมายังไม่เคยมีใครที่เล่นได้แบบเจ้าหนูคนนี้ ถ้าจะเอาโหดก็คงเหมือนพวก นที ทอสุขแก้ว, ภานุพงษ์ วงศ์ษา, ประทุม ชูทอง แต่ถ้าใส่ความฉลาดก็หนีไม่พ้น ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, เกียรติประวุฒิ สายแวว, ภานุพงษ์ วงศา แต่เขาเป็นนักเตะที่เราไม่เคยมีมาก่อน โดยเฉพาะการเล่นแบบคนตัวใหญ่ และมีสปีดต้นที่น่าทึ่งแบบนี้

ติดตามกันต่อไปในศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 รอบแบ่งกลุ่ม ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ภายใต้การคุมทีมของ มาโน่ โพลกิ้ง จะเลือกเข้าไปติดทีมหรือไม่ เพราะอย่าลืมว่ารายการนี้ไม่ได้อยู่ในช่วงปฏิทินฟีฟ่า เดย์ และภูผาหินรายนี้ก็ก้าวไปเล่นให้ โอบี โอเดนเซ่ ชุดใหญ่ แล้วด้วย

เหนือสิ่งอื่นใด ตัวเลือกนี้ถือเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญสำหรับทีมชาติไทยในอนาคต ที่กำลังจะขึ้นมาทดแทนกองหลังรุ่นพี่ที่หลายคนเริ่มโรยราลงไปได้อย่างแน่นอน