นี่คือการตอบคำถามแฟนๆที่ส่งเข้ามา จากตัวตนที่เป็นตัวเองแบบฮาๆของ Patrice Evra ตำนานแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่มาปรากฏตัวอยู่ริมสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด และร่วมทำคอนเทนต์นี้ยามค่ำคืนวันหนึ่งกับทางสโมสร โดยปาทริซนั้นเพิ่งจะออกหนังสืออัตชีวประวัติของเขาอย่าง "I Love This Game" ที่ออกข่าวมาเมื่อไม่นานมานี้ และดาวเตะเฟรนช์แมนถูกขอให้เล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟังว่าในหนังสือมีอะไรบ้างสำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านมัน

ซึ่งดาวเตะที่วัยเข้า 40 กะรัตรายนี้ได้พูดถึงความสัมพันธ์กับ "เพื่อนสนิทที่สุด" ของเขาอย่าง Ji-sung Park และเรื่องที่เขาเคยไปร่วมกินอาหารค่ำกับอดีตเพื่อนร่วมทีมและฮีโร่ของแมนยูอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ว่าเขาได้รับการเสิร์ฟอาหารอะไรมาให้กินบ้างตอนไปบ้านโด้!!

และทั้งหมดต่อจากนี้ คือ Q&A จากแฟนบอลล้วนๆที่ส่งมาถามเขา ผ่านทางสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และนำเสนอผ่านคอนเทนต์ official ของ Manchester United ดังที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้

เริ่มคำถามได้..

คุณเล่าให้ฟังได้ไหมว่าการซ้อมในแต่ละวันกับแมนยูไนเต็ดมันหนักขนาดไหน ปรับตัวยากไหมในสัปดาห์แรกๆ (Li Yang, China)

: "โอ้ ใช่เลย มันต่างกับตอนที่ผมเล่นอยู่ฝรั่งเศสมาก การเล่นในพรีเมียร์ลีก และเล่นให้แมนยูนั้นสิ่งแรกที่ผมคิดก็คือคุณจะต้องฝึกซ้อมในเซสชั่นการเข้ายิมเยอะมาก ต้องทำให้ตัวเองรู้สึกว่าแข็งแกร่งเวลาใช้เท้าของตัวเองเล่นบอล แน่นอนว่ามันแตกต่างอย่างสิ้นเชิง แล้วเพื่อนร่วมทีมก็หัวเราะผมเพราะว่าผมไม่เคยเตะบอลด้วยสตั๊ด(มีปุ่ม)มาก่อน ผมใส่รองเท้าธรรมดาๆเตะบอลนี่แหละ เวลาก่อนเริ่มซ้อมพวกเขามักจะรดน้ำบนพื้นสนามเพื่อให้บอลมันแฉลบน้ำและพุ่งเร็วขึ้น เพราะงั้นมันต่างมากจริงๆ"

"ส่วนเรื่องความเข้มข้นนั้น มันจะส้อมสั้นๆสักประมาณชั่วโมงนึงมั้ง สั้นจริงๆ แต่โคตรเคี่ยว เข้มข้นมาก เพราะงั้นมันมีความแตกต่างอย่างมากและผมก็จำเป็นต้องปรับตัวให้ได้"

คุณสนิทกับปาร์คจีซุงได้ยังไง? (Liu Yiming, China)

"เพราะผมชอบคนขี้อายไง! เวลาที่เห็นใครที่ไม่ค่อยกล้าเปิดเผยตัวเองมากๆ นั่นแหละผมจะชอบเข้าไปหาคนเหล่านั้น และอาจีก็เป็นพ่อทูนหัวของลูกผม เขาเป็นยิ่งกว่าเพื่อนอีกนะ ผมคุยกับเขาเมื่อเช้านี้ ทุกอย่างมันก็เป็นไปตามธรรมชาติแหละ"

"เขาเป็นคนถ่อมตัวมากๆ แต่ก็เป็นคนตลกเหมือนกันนะ คุณไม่ค่อยเห็นด้านนั้นของเขาหรอก เพราะเขาจะเป็นกับผมแค่คนเดียว เขาคือพี่น้องของผมอย่างแท้จริง"

"ยังจำความรู้สึกได้ไหมว่ารู้สึกยังไงตอนที่ได้รับปลอกแขนกัปตันทีมจาก เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นครั้งแรก" (Wu Jiang, China)

"จำได้ว่ามันเป็นเกมแชมเปี้ยนส์ลีกที่เจอกับ Wolfsburg เราได้ไปกินมื้อค่ำด้วยกัน และก่อนที่ผมจะกลับห้อง เขาเบรคผมแล้วบอกว่า พรุ่งนี้นายต้องเป็นกัปตันทีมนะ ผมก็แบบว่า ห้ะะะะะ? แล้วก็บอกเขาว่า 'ขอไปคิดดูก่อนนะ' ป๋าก็บ่นออกมาขรมเลยว่า 'เอ็งกลับไปห้องไปเลยไป เห็นแก่พระเจ้าเถอะให้ตายยยสิวะ! "

"ถ้าคุณจะเชิญคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไปที่บ้านคุณ คุณจะทำอาหารอะไรให้เค้ากิน?" (Wu Jinjie, China) เอออันนี้ดี

: "โอ้ พระเจ้า! 5555555 สลัดแล้วกัน สลัด แล้วก็น้ำ ไม่มีขนมปังเลย เนยก็ด้วยไม่มีๆๆ แล้วสุดท้ายก็เข้าไปในยิมกัน เอ้อ..ก็แบบนั้นล่ะ มันคงเศร้าอ่ะ เป็นมื้อเศร้าๆ น่าเบื่อๆมื้อนึง แบบนี้เขาคงแฮปปี้แหละ!"

"ผมรักคุณมากตอนเป็นนักเตะและนักวิจารณ์ พอๆกับที่คุณชอบดูการแข่งขัน คุณมีแพลนจะเป็นโค้ชหรือผู้จัดการทีมไหมในอนาคต?" (Yang Bin, China)

"ผมเรียนไลเซนส์โค้ชเสร็จเรียบร้อยแล้วนะ และมันคงจะเห็นแก่ตัวมากถ้าผมจะไม่นำความรู้นี้มาเผยแพร่แบ่งปันในเรื่องฟุตบอลให้กับคนอื่นๆสักวันนึง แต่ตอนนี้ผมมีความสุขอยู่ในที่ของตัวเอง กับชีวิตของตัวเอง และตอนเป็นนักฟุตบอลมันก็เหมือนเป็นวันหยุดตลอดเวลา คุณไปฝึกซ้อมแล้วก็กลับบ้าน แต่ว่าการเป็นผู้จัดการทีม มันเป็นอะไรที่แตกต่างมาก มันเป็นงานที่ต้องทำตลอด 24 ชั่วโมง"

ดูทรงภูมิโคตรๆ 55555

"ตำนานนักเตะบางคนเชื่อว่าพวกเขาจะเป็นผู้จัดการทีมอันยิ่งใหญ่ได้ เพราะเขาเคยเป็นสุดยอดนักเตะมาก่อน ซึ่งผมก็ซื่อสัตย์กับตนเองนะว่า ผมไม่อยากผูกมัดตัวเอง 100% ตอนนี้ในการเป็นโค้ช เพราะงั้นก็ รอดูต่อไปก่อน บางทีอาจจะเป็นสักวันหนึ่งก็ได้ แต่ตอนนี้ผมขอทำนู่นทำนี่ให้มีความสุขก่อนละกัน มากกว่าที่จะไปเป็นโค้ชอะนะ

ยินดีด้วยกับการออกหนังสืออัตชีวประวัติของคุณ ช่วยบอกเราหน่อยได้ไหมว่า เรื่องไหนน่าสนใจที่สุดในเล่ม? (Chen Bin, China)

"ผมคิดว่าทุกเรื่องน่าสนใจหมดเลยนะ เพราะงั้นมันเลยยากนะถ้าจะให้เลือกมาแค่เรื่องเดียว ผมคิดว่าน่าจะเป็นตอนต้นเล่มเลย เรื่องที่ผมได้เซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพครั้งแรกกับทีมในอิตาลี ผมวางชุดวอร์มอยู่บนเตียง แล้วก็หยิบมันมาใส่เพื่อลองส่องกระจกดูตัวเอง แล้วก็ไปเจอเพื่อนร่วมทีมก็รอผมเข้าไปดินเนอร์อยู่ ทุกคนได้เสิร์ฟอาหาร เหมือนจะมีส้อมวางอยู่ทางซ้ายสามอัน อีกฝั่งนึงก็มีมีดอีกสามอันบนโต๊ะอาหาร"

"พอผมกลับมาที่บ้านผมก็ไปคุยให้แม่ฟังว่า แม่ ผมทำได้แล้ว นี่มันสวรรค์ชัดๆ เราใส่ชุดเหมือนกันหมดเลย แล้วก็มีคนมาเสิร์ฟอาหารเราด้วย... ประมาณนั้นแหละครับ ส่วนใหญ่เล่าในหนังสือแล้ว"

ถ้าคุณสามารถเลือกเล่นกับตำนานแมนยูคนไหนก็ได้ในช่วงที่เขาพีคที่สุด คุณอยากเล่นร่วมกับใคร (Stephanie)

: "โห สเตฟานี่ คำถามยากนะเนี่ย มีหลายคนเลยล่ะ ก็องโต้ ไรอัน กิ๊กส์... ไรอัน กิ๊กส์ เป็นคำตอบสุดท้าย"

ทำไมถึงกลายมาเป็นนักฟุตบอลได้ครับ (Oliver)

"มันแค่เป็นความสุขที่เกิดขึ้นมาเวลาที่ได้เตะบอลน่ะ ผมชอบตั้งตอนอายุ 5 ขวบเลย มันเป็นความหลงใหลนะ ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่อยากจะโด่งดังเลย ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเตะบอลแล้วได้ตังค์ด้วย นี่ไม่รู้แม้กระทั่งมันมีเป็นอาชีพด้วยนะ มันเป็นแค่passionล้วนๆเลยที่มีความสุขกับการเล่นฟุตบอล รู้ไหมว่าเวลาผมเตะบอลอยู่ข้างถนนนี่ผมมีความสุขมากกว่าลงเล่นให้กับสโมสรระดับอาชีพแห่งไหนๆซะอีก เพราะมันเรียลมากๆ ไม่ต้องกดดันอะไรทั้งนั้น เตะเอามันส์ล้วนๆ"

ใครเป็นนักเตะที่ดีที่สุดที่คุณเคยต่อสู้ด้วย (Noah)

"นักเตะที่ดีที่สุดที่ผมเคยสู้ด้วยคือ ปาทริซ ผมนี่แหละที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของตัวเองเลย เพราะว่าผมไม่เคยรู้สึกกลัวใครนะ ประมาณว่าถ้าวันไหนมันเป็นวันที่ไม่ค่อยดี วันนั้นผมก็แพ้ได้ทุกคนแหละเอาจริง แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วมันจะเป็นวันที่ดีมากกว่า ถามว่า ใครหินที่สุดงั้นเหรอ? มันไม่ใช่หินที่สุดน่ะ แต่เป็นคนที่เรียกได้ว่าน่ารำคาญสุดแล้วกัน ผมขอตอบว่า James Milner"

"ผู้คนอาจจะอยากได้ยินคำตอบเป็นชื่ออื่นออกมา แต่ยังไงก็ต้องเป็น James Milner แหละ เพราะว่าเขาเล่นป้องกันมากกว่าตัวผมเองซะอีก ผมเป็นกองหลังที่ชอบบุก เพราะงั้นเขาจึงเป็นอะไรที่ทำให้ผมหงุดหงิดเป็นประจำ เพราะพี่แกตามไปทุกหนทุกแห่งจริงๆ ขนาดว่าไปเข้าห้องน้ำก็ยังจะตามมาอ่ะคิดดู เพราะงั้น ผมจะตอบว่า คนที่ทำให้รำคาญมากที่สุดคือ James Milner"

ผมอยากรู้แค่ว่า คุณกับคริสเตียโน่มาซี้กันได้ยังไง (Vinnie)

"เราได้มาเป็นเพื่อนกันเพราะว่าผมพูดโปรตุกีส และเพราะวินัยในการทำงานของพวกเรา เราชอบทำงานกันอย่างหนักมากๆและทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง แล้วเราก็เล่นอยู่ฝั่งซ้ายเหมือนกันด้วย เพราะงั้นการสื่อสารกันมันเลยเป็นธรรมชาติ ด้วยความสัตย์จริงนะ ถ้าเขาไม่ได้เป็นเพื่อนผม ผมไม่จ่ายให้เขาหรอก! เพราะงั้นเวลาเราเล่นด้วยกัน เราก็พยายามเป็นเพื่อนกันนั่นแหละจะดีกว่า"

"ก็ทั้งเรื่องระเบียบวินัย เรื่องฮาๆทั้งหลาย การหยอกเย้ากันอะไรต่างๆ คริสเตียโน่ชอบหยอกกับเพื่อนฝูงมาก ผมก็เหมือนกัน เพราะงั้นก็ ทุกอย่างนั่นแหละที่ทำให้เป็นเพื่อนกัน"

ทำท่า siuuuuu ที่ดีที่สุดให้เราดูหน่อย (Junayd)

"ดูนะ Junayd… SIUUUUUUUU! โอ้ย ผมทำท่าดีกว่าคริสเตียโน่อีก คริสตี้ อย่าอิจฉาล่ะเพื่อน ก็คนมันหล่ออ่ะ"

ฤดูกาล 2007/08 คุณได้ทั้งแชมป์ Premier League และก็ Champions League ปีนั้นคุณชอบโมเม้นต์ไหนที่สุด (Sharon)

: "ทุกคนมักจะคิดว่าปี 2007/08 เป็นฤดูกาลที่ผมชอบที่สุด แต่จริงๆไม่ใช่ โมเม้นต์ที่ผมชอบที่สุดตอนอยู่กับยูไนเต็ดคือ การลงสนามเกมแรกที่ได้เจอกับแมนเชสเตอร์ซิตี้ ตอนที่ผมถูกเปลี่ยนตัวออกมาหลังจากจบ 45 นาทีแรก และป๋าก็ประมาณว่าอยากให้ผมออกมานั่งอยู่ข้างๆเขา แล้วเรียนรู้บอลอังกฤษซะ"

"คือไม่มีใครให้คำเตือนผมเลยแม้กระทั่งเอเย่นต์ชาวอิตาลีของผม จำได้ว่าเรากลับบ้านไป แล้วเอเย่นต์ก็พูดกะผมว่า ปาทริซ ผมเสียใจนะที่นำคุณมาอยู่ที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เป็นความผิดพลาดที่ใหญ่หลวงที่สุดเลย เราน่าจะไปอยู่ในมอนติคาร์โล ที่มีแสงแดดอุ่นๆมากกว่า เตะบอลที่นี่โคตรลำบากเลย ดังนั้น ใช่เลยครับ ผมสนุกกับหกเดือนแรกที่นี่มากๆเพราะว่ามันลำบากนั่นแหละ ถ้าไม่มีช่วงเวลาหกเดือนที่ว่า ผมคงไม่ได้เป็นนักเตะอย่างที่เป็นในทุกวันนี้แน่นอน"

ใครเป็นไอดอลของคุณในโลกฟุตบอล (John)

: "ผมไม่มีนักฟุตบอลคนไหนเป็นไอดอลนะ ผมชอบ Romario แต่ว่าแม่ของผม คือไอดอลในชีวิตจริง เรื่องนี้ผมเคยเล่าเอาไว้แล้ว คือมันไม่ใช่ว่าผมเย่อหยิ่งจองหอง หรือมั่นใจในตัวเองอะไรขนาดนั้นนะ แต่ที่ผมเล่นฟุตบอลเพราะผมรักฟุตบอลจริงๆ"

คุณช่วยเล่าเหตุผลหลักๆที่ทำให้คุณทะเลาะกับเนมันย่า วิดิช ได้ไหมครับ (Leon)

: "ลีออน! เจ้าตัวจิ๋ววว นายนี่ทำไมอยากรู้อยากเห็นนะ ก็เราไม่ลงรอยกันในบางเรื่องหลังเกมเจอลิเวอร์พูลน่ะ แล้วก็มีทะเลาะกันนิดหน่อย"

"ผู้คนจะต้องเข้าใจว่าทีมนี้อยู่กันเป็นเหมือนกับครอบครัว แต่ว่าพวกเราทำอะไรกันเล่นๆนะ เวลาที่มีใครทำผลงานยังไม่ดีพอ เราจะต้องมีงัดกันบ้าง แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่ทุกคนต้องการเหมือนกันหมดก็คือการอยากชนะด้วยกันทั้งนั้น"

"หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้คุยกะเค้าไปสามเดือนเลย แต่เราลงสนามเล่นฝั่งเดียวกันด้วยนะ ไม่คุยกันด้วย แต่เราชนะ จนกระทั่งป๋าไม่ไหวละ ก็เลยบอกว่า เฟอร์ดินานด์ เอ็งย้ายสลับฝั่งกับวิดิชได้ไหม ริโอเลยย้ายมายืนฝั่งซ้ายจริงๆ! แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันนะ ทุกอย่างโอเค ไม่มีอะไร"

คุณเคยเจอ Hairdryer ของป๋ามั้ย? (Jamie)

: "เคย! แถมมาแบบฮาๆด้วย จริงๆผมว่าคนฟังเรื่องพวกนี้มากันเยอะแล้วแหละ วันนั้นเราลงไปเจอกับท็อตแน่ม แล้วชนะมา 2-0 เป็นเกมที่ผมเล่นดีที่สุดในชีวิตเลย จบครึ่งเราก็เดินออกมาเข้าอุโมงค์ไปยังห้องแต่งตัว ผมยิ้มแป้นเลย แล้วทุกคนก็ประมาณว่า ปาทริซ วันนี้ฟอร์มเอ็งโคตรเทพเลย! แล้วบอสก็นั่งเงียบอยู่ตรงนั้นประมาณ สาม-สี่นาที ซึ่งนั่นแปลว่าน่าจะมีใครบางคนโดนอะไรสักอย่างแน่ๆ"

"แล้วเขาก็จ้องตาผม แล้วพูดว่า ปาทริซ แกโอเคมั้ย? ผมก็ตอบว่า ก็โออยู่ครับ ป๋าก็ถามมาอีกว่า 'เหนื่อยๆรึไง' ผมก็เริ่มมองไปรอบๆแล้ว และคิดว่าคงเป็นการอำกันแน่ๆ ผมเลยโพล่งออกมาว่า 'อ้าาา ผมโอเคๆ' แล้วเขาก็พูดขึ้นมาเลยว่า  'ทำไมแกจ่ายบอลคืนหลังให้ฟานเดอซาร์วะ?' ผมก็เลยตอบกลับไปว่า ก็ผมไม่ได้มีคำสั่งให้ทำเกมขึ้นหน้านี่ ป๋าก็เลยสวนมาตรงนั้นเลยว่า 'ถ้าแกคืนหลังให้เอ็ดวินอีกรอบนะ ได้ออกมานั่งดูเพื่อนเล่นแน่ มานั่งข้างๆชั้นนี่แหละ'  นั่นแหละครับ เกมที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เซ็นสัญญามาอยู่กับแมนยูไนเต็ดเลยล่ะ!"

ของจริงโคตรน่ากลัวมาก

"ผมจำได้ว่าผมลุกยืนขึ้น ประจันหน้ากับเขา แล้วเขาก็ว้ากผม วันนั้นผมไม่ได้เล่นดีเลยสำหรับเขา! ทุกคนช็อคมาก และก็มีคำผรุสวาทที่เป็น F-words ออกมาเพ่นพ่านเต็มห้องไปหมด แล้วผมเองก็โกรธเหมือนกัน หลังจากนั้นเราก็เลยลงไปในสนามช่วงครึ่งหลัง สุดท้ายเราชนะเกมนั้น 4-0 และหลังเกม ทุกๆคนก็พูดว่า 'ทำดีมากปาทริซ' ผมกำลังโกรธเลย แล้วผมก็เข้าไปอาบน้ำแล้วก็กลับบ้าน วันรุ่งขึ้นผมก็ไปที่ออฟฟิศของเขา — 'เอ้า นั่นใครน่ะ มายังไง เป็นไงบ้างลูกชาย?' ผมก็เลยถามเขาว่า เมื่อวานนี้มันอะไรยังไงกันแน่"

"แล้วป๋าก็บอกว่า 'ปาทริซ จริงๆนายเล่นดีที่สุดในสนามคนนึงเลยนะ แต่คริสเตียโน่มันโชว์ท่าเยอะอะ เยอะเกินไป๊!  

อังเคิลแพทผู้โชคร้าย เจอใช้งานไม่ต่างกับตอนป๋าด่านานี่ผ่านรูนีย์เลย(ฮา)

"เพื่อนในทีมนายคนนึงไม่เคารพท็อตแน่ม เวลาที่ยิงได้ลูกนึง มันต้องยิงอีก ยิงไปเรื่อยๆ ลูกสอง ลูกสาม ยิงมันเข้าไป ไม่ใช่เล่นแบบนั้น' ป๋าบอกแบบนี้ ผมก็เลยมองเขาแล้วพูดประมาณว่า"

"ป๋าาาาา นี่ผมเองป๋า ทีหลังก็ส่งซิกบอกกันก่อนบ้างงงงงงง!"

"แล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า 'ไปๆๆๆ ออกไปจากห้องกรูได้ละ!'  คือสรุปแล้วเฟอร์กูสันแค่อยากจะทำให้ลูกทีมคนอื่นๆรับรู้แค่นั้นแหละ และเขารู้ดีว่าผมเป็นตัวรองไม้รองมือให้เขาได้ นั่นแหละคือความสัมพันธ์ที่ผมมีกับเขา"

"มันเป็น hairdryer รุ่นลิมิเต็ดอีดิชั่น นะนั่น! เพราะหลังจากนั้นบอสก็ไม่เคยทำแบบนั้นกับผมอีกเลย"

ประตูไหนดีที่สุดที่คุณเคยเห็นมา ใช่ตอนเล่นอยู่กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไหม? (Vinnie)

: "คำตอบมันต้องเลือกระหว่าง ฟรีคิกของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ยิงปอร์ทสมัธ หรือไม่ก็ลูกที่ เวย์น รูนีย์ กระโดดวอลเล่ย์ใส่แมนเชสเตอร์ซิตี้.. คำถามนี้เลือกยากเลย เอ่... ถ้างั้นตอบ ลูกวอลเล่ย์ของเวย์นแล้วกัน"

ลูกที่ยิงบาเยิร์น มิวนิค เวลานั้นคิดอะไรในหัวตอนที่บอลมันเข้ามาหาคุณ (Jaydan)

: "ประตูนั้นมันคือบทสรุปของเกมนั้นเลย วันก่อนที่จะลงแข่ง ผมได้ไปยังสถานที่ที่เกิดโศกนาฏกรรมเครื่องบินตกที่มิวนิค ผมมีไปภาวนาอะไรเล็กน้อยที่นั่นด้วย มันเป็นวันที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมาก กลับมาห้องของตัวเอง ผมไม่เคยภาวนาขอให้ตัวเองฟอร์มดีในการลงสนามนะ แต่ผมภาวนาให้เพื่อนๆของผม ให้ศัตรูผม ครอบครัวของผม และผมพูดขึ้นมากับตัวเองแค่ว่า.."

"เล่นให้ดีที่สุด ผมอยากให้เหล่าบัสบี้ เบ๊บส์ ภูมิใจในตัวผม"

"และเมื่อผมยิงประตูนั้นได้ ผมจะพูดกับผู้คนทั่วๆไปเสมอว่า [ประตูนั้นผมไม่ได้ยิงเอง บัสบี้ เบ๊บส์เป็นคนยิง]

"เพราะฉะนั้นผมจึงขออุทิศประตูดังกล่าวให้กับเหล่าบัสบี้ เบ๊บส์ เสมอ น่าเสียดายนะที่วันนั้นเราไม่ชนะ ผมเลยเสียใจมากๆ แล้วก็เลยลืมประตูที่ทำได้ แต่ตอนนี้เวลาที่ผมย้อนไปดูมันอีกครั้ง ผมนี่งงเลยว่า นี่มันประตูอะไรวะเนี่ยยยย"

"ตอนนี้ผมสามารถเอ็นจอยกับมันได้แล้ว"

-Patrice Evra-

References

https://www.manutd.com/en/news/detail/full-transcript-of-part-one-of-patrice-evra-fans-q-and-a

https://www.manutd.com/en/news/detail/second-part-of-patrice-evra-fans-q-and-a