:::     :::

ปรากฎการณ์ "ซัลบา" และเหล่ายังเติร์ก "ช้างศึก"

วันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2565 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
1,393
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เป็นการเปิดตัวชุดแบกอายุที่เรียกเสียงฮือฮาของแฟนบอลชาวไทยไม่น้อย ทั้งคนที่อยู่ในสนามปรินซ์ สเตเดี้ยม และเฝ้าดูผ่านหน้าจอโทรทัศน์ กับฟอร์มของทัพ "ช้างศึก" ยู 19 ที่มีผสมผสานด้วยตัวผู้เล่นจากทีมอายุไม่เกิน 23 ปี มาบางคน ถือว่าผลงานของลูกทีม ซัลบาดอร์ บาเลโร การ์เซีย ทำออกมาได้ถูกใจจนต้องขอปรบมือให้เลย

หลังจากเอาชนะ สิงคโปร์ ไปได้ 3-1 โดยพลพรรค "ลอดช่อง” นำก่อน จาก อิลฮาน ฟานดี้ ลูกชายคนที่ 3 ของ ฟานดี้ อาหมัด ซึ่งเป็นน้องคนเล็กสุดต่อจาก อิรฟาน กับ อิคชาน สองดาวเตะจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ก่อนที่ไทยจะยิงสามลูกรวด จาก ธีรศักดิ์ เผยพิมาย คนเดียวสองประตู และ ปิดท้ายจากยิงของ นิพิฐพนธ์ วงศ์ปัญญา


สิ่งที่ตอบแทนแบบเห็นผล คือชุดนี้พัฒนากันมาตั้งแต่รุ่นอายุ 14 ปีจนในที่สุดเริ่มจะเห็นแล้วว่า การที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ไว้วางใจให้ เอคโคโน ทำทีมระยะยาวนั้น เริ่มจะผลิดอกออกผลขึ้นแล้ว จน "ซัลบา" ยังออกมาพูดถึงเรื่องนี้เอาไว้หลังเกมว่า 

"เกมรุกเราสร้างโอกาสได้มากมาย แต่เราก็พลาดโอกาสไปหลายครั้งก็ต้องนำไปปรับปรุง หลายคนเข้าใจ เพราะทำงานร่วมกันมานานกว่า 4 ปี ส่วนเกมรับ ก็ยังต้องปรับปรุง อย่างท้ายเกมเราเปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตี แน่นอนว่าการเล่นร่วมกันมานานคือความแตกต่างของเกมในวันนี้ มันเป็นผลลัพธ์จากการวางแผนระยะยาว ขอบคุณสมาคมฯ ที่เชื่อมั่นในแผนระยะยาว น่าจะเห็นนักเตะหลายคนเล่นในทีมชุดนี้มานาน ความสัมพันธ์ในการเล่นค่อนข้างดี"

คำกล่าวดังกล่าวเกิดขึ้น เพราะแผนงานที่อยากจะพัฒนารากฐานของลูกหนังไทย นับตั้งแต่ 5 ปีก่อน ที่พวกเขาเข้ามาทำงานในบ้านเรา หลังจากหอบโปรเจคต์บริษัทตัวเองที่ตั้งอยู่ที่บาร์เซโลนา ซึ่งเคยออกแบบการซ้อมให้กับทัพ "เจ้าบุญทุ่ม" เมื่อปี 1997-2001 จนมีผลผลิต เป็นนักเตะระดับโลก เชส ฟาเบรกาส, การ์เลส ปูโยล ฯลฯ รวมถึงสโมสรยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศสอย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง ก็เคยใช้บริการ การ์เลส รามาโกซ่า ประธานเทคนิคคนปัจจุบันของไทย ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคที่ใช้ปรัชญาเอ็คโคโน่ในการสร้างทีมมาแล้ว


ด้วยจุดประสงค์ที่จะผลิตนักเตะเยาวชนก้าวสู่ระดับชาติ ตามสไตล์ "Thailand's Way" สู่เป้าหมายฟุตบอลโลก 2026  ที่มีการวางนโยบายจากสมาคมฟุตบอล ทำให้ ซัลบาดอร์ บาเลโร การ์เซีย ที่มีมีดีกรีโปรไลเซ่น จากยูฟ่า ได้เข้ามาทำหน้าที่ดูแลทีม ยู 14

จากนั้นตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เราจึงได้เห็นเทรนเนอร์หนุ่มจากแดนกระทิง โผล่ไปชมเกมฟุตบอลนักเรียน หรือฟุตบอลเด็กรายการสำคัญๆ ระดับประเทศมากมาย เพื่อหวังค้นหาเพชรเม็ดงาม รวมทั้งแสวงหาบรรดานักเตะลูกครึ่งเชื้อสายไทย หรือคนไทยที่ไปเติบโตในต่างแดน เข้ามาเก็บไว้ในดาต้าเบส เขาทำแม้กระทั่งคอยเช็คฟอร์มผู้เล่นจากวิดีโอ หรือการถ่ายทอดสด ตามที่มีลิงก์แปะหน้าบนโซเชียล หนุ่มชาวสแปนิชคนนี้น่าประทับใจเหลือเกินในความเพียรพยายามทำงานอย่างเต็มที่ 

อีกสิ่งหนึ่งที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เป็นอันขาดคือ การที่นักเตะชุดนี้หลายๆ คนอยู่ด้วยกันมานานทำให้รู้ใจเป็นอย่างดี อย่างเช่นคู่กองกลางเด็กปั้นของโรงเรียน อัสสัมชัญ ธนบุรี คคนะ คำยก และ สิทธา บุญหล้า คือสองมิดฟิลด์ที่กลายเป็นความลงตัวของ "ช้างศึก"ชุดนี้ รายแรก "ซีโฟร์" มีทีเด็ดด้วยวิสัยทัศน์การจ่ายบอลอันเฉียบคมและหลากหลาย นอกจากนี้ยังมีทักษะการครองบอลที่ดีในการเคลื่อนที่ไปแดนหน้าได้อย่างคล่องแคล่ว ส่วนคนที่สอง "เจ้าพีม" ถือว่าเป็นผู้เล่นในสไตล์แบบปิดทองหลังพระ ในตำแหน่งตัวรับที่จะใช้วิธีแย่งบอลจากคู่แข่งด้วยเหลี่ยมบอล และออกบอลได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งมีส่วนสูงเกือบ 190 ซม. เข้าไปแล้ว


ทั้งสองคนเติบโตมาพร้อมกัน ด้วยการเข้ามาทดสอบฝีเท้ากับ "เจ้าสัวน้อย" ตั้งแต่ 11 ปี จนมีโอกาสถูกผลักดันขึ้นมาเล่นในไทยลีก 3 กับ อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้เพียงอายุแค่ 17 ปีเท่านั้น ก่อนที่ สิทธา บุญหล้า จะย้ายไปร่วมทีม การท่าเรือ เอฟซี ในเลกสอง เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา 

รวมทั้งกองหลังที่จับคู่กันอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น ชนภัช บัวพันธ์ ที่ความสูงทะลุ 190 เซนติเมตร จาก ราชประชา และ อนุศักดิ์ ใจเพชร แห่ง การท่าเรือ เอฟซี ที่ลงสนามมาด้วยการสวมปลอกแขนกัปตันทีม นอกจากช่วยกันเล่นเกมรับอย่างแข็งแกร่ง "กัปตันไนซ์" ยังทำ 1 แอสซิสต์ในเกมแรก

ด้วยการเปิดบอลจากแนวลึกไปให้ ธีระศักดิ์ เผยพิมาย กองหน้าจากค่ายเดียวกัน หลุดไปซัดด้วยเท้าขวาส่งบอลผ่านมือนายด่าน สิงคโปร์ แซงขึ้นนำ 2-1 ก่อนที่สุดท้ายชนะไป 3-1 ช่วยให้ทีมเก็บสามแต้มในเกมแรกได้สำเร็จ 


แต่นี่เป็นแค่นัดเริ่มต้นของภารกิจ "แบกอายุ" เท่านั้น เพราะในเกมต่อไปวันที่ 22 ก.พ.นี้ จะพบกับคู่ปรับตลอดกาลในย่านอาเซียนอย่าง เวียดนาม เวลา 19.00 น. ซึ่ง เวียดนาม ประเดิมสนามนัดแรกได้อย่างสุดยอดด้วยการถล่ม สิงคโปร์ ไปถึง 7-0 ในเกมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา 

แน่นอนว่า หากทัพ "ช้างศึก" ชุดนี้สามารถรับมือกับความกดดัน และผ่าน เวียดนาม ไปได้อีกล่ะก็ รายการนี้ก็ไม่ต้องกลัวใครอีกแล้ว และคงหวังถึงการเป็นแชมป์ได้อย่างเต็มตัว แฟนบอลอย่าลืมร่วมให้กำลังใจผ่านทาง True4U และ TrueSports 2 กันด้วยนะครับ


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด