:::     :::

เสียงกระซิบจาก 'มูรินโญ่'

วันอาทิตย์ที่ 04 กุมภาพันธ์ 2561 คอลัมน์ ผีตัวที่ 13 โดย โกสุ่ย
5,766
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
จากค่ำคืนอันน่าผิดหวังที่ เวมบลีย์ - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาคว้าชัยได้อีกครั้งหลังจบเกมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

มันเป็นไปตามคาดและไม่ได้เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย เพราะคู่แข่งอย่าง ฮัดเดอร์สฟิลด์ ชั่วโมงนี้ไม่ต่างจากหมูพันธุ์ดีที่พร้อมแจกความอิ่มเอมให้ทุกทีม (แม้จะเคยเป็นหมูเขี้ยวตันปราบผีมาแล้วก็ตาม)

ลูกทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ เดินหน้ากระหน่ำกดดัน เดอะ เทอร์เรียร์ส อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะครึ่งหลังที่เกมดีขึ้นผิดหูผิดตา นักเตะปิศาจแดงเดินเกมเร็วขึ้น กดดันสูงขึ้นจนทำให้ผู้มาเยือนโงหัวไม่ขึ้น

จวบจนประตูแรกเกิดขึ้นจากกปลายสตั๊ดของ โรเมลู ลูกากู วินาทีนั้น เกมก็แทบจะจบลง

แม้จะนำเพียง 1 ประตูแต่ดูจากรูปเกมใน 45 นาทีหลังก็ต้องบอกว่าชัยชนะมาอยู่ในกำมือ ผีแดง เกือบ 100 % ก่อนจะมาได้ประตูที่ 2 จากจังหวะซ้ำจุดโทษของ อเล็กซิส ซานเชซ

ถือเป็นอีกหนึ่งวันที่น่าจดจำในเส้นทางการค้าแข้งของ กองหน้าทีมชาติชิลีรายนี้ เพราะนี่คือการเปิดตัวหนแรกในฐานะนักเตะ ปีศาจแดง ณ โอลด์ แทรฟฟอร์ด พร้อมกับทำประตูต่อหน้าแฟนบอลฝั่ง สเตรทฟอร์ด เอนด์ 

นอกจากนี้ยังเกิดขึ้นในวันสำคัญ นั่นคือวันรำลึกเหตุการณ์ครบรอบ 60 ปีโศกนาฏกรรมที่ มิวนิค (6 ก.พ.) และยังเป็นอีกหนึ่งเกมที่ อเล็กซิส คว้าตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมมาครอง

อเล็กซิส ยังคงแสดงให้เห็นถึงการเพิ่มมิติในเกมรุก, จังหวะชิ่งหนึ่งสองในแดนคู่ต่อสู้, การหาจังหวะ รวมไปถึงการสร้างโอกาสให้กับทีม

นี่คือสิ่งที่เข้ามาเติมเต็มและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับทีม โดยเฉพาะจังหวะเข้าทำในแนวรุกที่เขาค่อยๆคายพิษสงออกมา


แต่สิ่งที่น่าจับตาและถูกพูดถึงมากกว่าผลงานของ อเล็กซิส น่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทีม 4 ตำแหน่งจากเกมโดน 'ไก่จิก' คาลอนดอน 

มูรินโญ่ จัดการดร็อป ปอล ป็อกบา, อ็องโตนี่ มาร์กซินาล และ แอชลี่ย์ ไว้ที่ข้างสนาม ส่วน ฟิล โจนส์ ที่สอยตาข่ายตัวเองในนัดล่าสุดไม่มีชื่อแม้กระทั่งข้างสนาม

เรื่องนี้มองได้ทั้งแง่ดีและแง่ร้าย

หากมองในมุมมแรกมันเป็นการหมุนเวียนนักเตะในทีมที่ลงสนามกันอย่างต่อเนื่องในเดือนที่ผ่านมา แถมคู่แข่งอย่าง ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ไม่ได้เก่งกาจเหมือนตอนต้นฤดูกาล ไม่จำเป็นต้องส่งชุดที่ดีที่สุดลงสนามก็สามารถเอาชนะได้

นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสให้นักเตะสำรองหรือดาวรุ่งมีโอกาสลงสนามโชว์ผลงาน ซึ่งจะทำให้ มูรินโญ่ ได้มีโอกาสดูฟอร์มไปในตัว

แต่ถ้าหากมองในมุมกลับ นี่ถือเป็นการส่งสัญญาณไปยังนักเตะในทีมจากเกมนัดก่อนหน้านี้ที่แพ้ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ 0-2 ว่าอย่าทำผลงาน 'ห่วยๆ' เช่นนั้นอีกเป็นอันขาด

หลายคนคงเห็นด้วยว่าเกมที่แพ้ สเปอร์ส คา เวมบลีย์ เป็นหนึ่งในเกมสุดชอกช้ำที่สุดเกมหนึ่งในฤดูกาลของ ปีศาจแดง โดยเฉพาะฟอร์มการเล่นที่แฟนบอลอยากเอาปี๊ปมาคลุมหัว

บางนัดแพ้ไม่ว่าหากฟอร์มหรือรูปเกมออกมาดี แต่เกมนั้นแพ้ไม่พอรูปเกมยังหมดทางสู้


นักเตะที่โดนจับจ้องคงหนีไม่พ้น ปอล ป็อกบา ที่ทำได้ต่ำกว่าที่คาดหวัง แถมมาโดนดร็ปในนัดล่าสุดทำให้ผู้สื่อข่าวจากอังกฤษวิเคราะห์กันไปหลายมุม

ใช่ ป็อกบา ก็คือนักเตะคนหนึ่งที่มีทั้งวันที่เล่นดีและไม่ดีปะปนกันไป แต่ด้วยค่าตัวแสนแพงและความคาดหวังที่เขาต้องแบกไว้บนสองบ่า จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะโดนวิจารณ์ในวันที่เล่นต่ำกว่ามาตรฐาน

ยิ่งเป็นการแพ้ในเกมใหญ่ แถมแดนกลางของทีมสู้คู่แข่งไม่ได้ เสียงโจมตีจึงถาโถมเข้ามาอย่างมิขาดสาย

ไม่ต่างไปจาก มาร์กซิยาล, ยัง หรือ โจนส์ (ลูกากู ก็โดนไปด้วย) ที่ถูกวิจารณ์ไปพอสมควร และการที่พวกขาเหล่านี้หลุดไปเป็นสำรอง หรือหลุดออกจากทีม ก็อาจจะเป็นการส่งสัญญาญจาก มูรินโญ่

แน่นอน มูรินโญ่ คือคนที่พร้อมจะออกมาปกป้องลูกทีมของตนเสมอยามที่โดนสื่อจ้องเล่นงาน แต่บางครั้งเขาก็ต้องส่งสัญญาณไปยังลูกน้องในทีมว่าต้องพิสูจน์ตนเองด้วยผลงานในสนาม เพราะจะให้เขามาปกป้องตลอดทุกนัดก็คงมิใช่

สิ่งที่จะหุบปากสื่อไม่ให้โจมตีคือการทำผลงานที่ดีออกมาในทุกๆสัปดาห์

เหนือสิ่งอื่นใด ขอเดาว่า มูรินโญ่ พยายามจะสื่อไปยังลูกทีมทุกคนว่า ไม่ว่าจะเป็นนักเตะคนใดในทีม จะเป็นแกนหลัก, คนที่ค่าตัวแพงที่สุด, ค่าเหนื่อยแพงที่สุด หากคุณออกนอกลู่และไม่เป็นไปตามที่หวังก็มีสิทธิ์จะไปนั่งเล่นข้างสนามได้ทุกเมื่อ

นี่คือการแสดงออกมาให้ทุกคนเห็นว่าใครกันแน่ที่ใหญ่ที่สุดในทีม และมีอำนาจในการตัดสินใจ แม้ว่า มูรินโญ่ จะเคยออกมาพูดถึงความสัมพันธ์และความกลมเกลียวในทีม ทว่าบางครั้งการกุมอำนาจเบ็ดเสร็จก็เป็นเรื่องสำคัญในบางเวลา (และสถานการณ์)

เสียงกระซิบอันแผ่วเบากำลังส่งผ่านไปยังห้องแต่งตัวนักเตะ ปิศาจแดง

มันทำให้นักเตะทุกคนตระหนักและพยายามดีดตนเองขึ้นมาหลังจากความพ่ายแพ้

นี่คือวิธีการจัดการตามแบบฉบับ มูรินโญ่ ซึ่งผลที่ตามหลังจากนี้จะดีจะร้ายเช่นไรก็ขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาของนักเตะทุกคน

ขึ้นอยู่กับว่าทุกคนจะพยายามมากน้อยเพียงใดเพื่อกลับมายังเส้นทางที่ควรจะเป็น

เพราะท้ายที่สุดแล้วฝ่ายที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดคงหนีไม่พ้น สโมสร และ แฟนบอล นั่นเอง



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด