:::     :::

ที่มาเหตุพลิกวิกฤติของ ตราหมี

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อะไรคือเบื้องหลังการคืนสู่ตำแหน่งท็อปโฟร์พร้อมๆกับฟอร์มที่ยอดเยี่ยมของ แอต.มาดริด ไปค้นหาเหตุผลกันเลย

แอต.มาดริด หวนคืนสู่พื้นที่ท็อปโฟร์อีกครั้งหลังคว้าชัยชนะนัดสำคัญเหนือ เรอัล เบติส ที่ เบนีโต้ บียามาริน เก็บเพิ่มเป็น 48 แต้มจาก 27 เกม 

สกอร์ 3-1 เหนือ เรอัล เบติส นับเป็นชัยชนะ 3 นัดรวดที่ช่วยให้สถานการณ์ของทีมในเวลานี้ดีขึ้นอย่างชัดเจน ทว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ‘ตราหมี’ ต้องผ่านการทำงานอย่างหนักทั้งในและนอกสนาม 


ฤดูกาลนี้ แอต.มาดริด มีผลงานตกต่ำอย่างน่าใจหาย เกมรุกที่เคยทำได้ดีก็ฝืดลง ขณะที่เกมรับอันเป็นจุดแข็งกลายเป็นจุดอ่อน เสียประตูแทบจะทุกนัด จนทีมตกอยู่ในวิกฤติหลายครั้ง 


ในช่วงเดือนธันวาคม แอตเลติโก เคยแพ้ 4 เกมรวดใน ลา ลีกา ต่อ เรอัล มายอร์ก้า,เรอัล มาดริด,เซบีย่า และ กรานาด้า ถือเป็นผลการแข่งขันที่ช็อคเอามากๆ 


จากนั้นผลงานแม้ว่าจะกระเตื้องขึ้นแต่พูดไม่ได้ว่าดีขึ้น จัดอยู่ในระดับลุ่มๆดอนๆ ก่อนจะมาเจอกับวิกฤตอีกครั้งในวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ เมื่อพลิกแพ้ เลบันเต้ ทีมบ๊วยของตาราง คา ว่านต๋า เมโตรโปลีตาโน่ ด้วยสกอร์ 0-1


แพ้ต่อทีมที่เคยทำสถิติเอาชนะใครใน ลา ลีกา ไม่ได้เลยติดต่อกัน 27 เกม

แพ้ต่อทีมที่ถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งที่จะตกชั้น 

แพ้แบบยิงไม่ได้และยิงไม่เข้ากรอบเลยต่อทีมที่เสียมาก่อนหน้านั้น 50 ประตู 

ผลงานนัดนี้ สะท้อนถึงความย่ำแย่ ฟอร์มสุดห่วยของทีม สะสมความพ่ายแพ้ในลีกมากถึง 7 เกม ใกล้เคียงจะแตะถึงสถิติแพ้มากที่สุดใน 1 ฤดูกาลของ โชโล่ ซิเมโอเน่ ที่เคยทำไว้ 8 นัดในฤดูกาล 2011-12 ทั้งๆที่การแข่งขันยังเหลืออีก 10 กว่านัด 




แอต.มาดริด แย่เสียจนอะไรที่ไม่เคยเกิดก็เกิด มีการตั้งคำถามว่า “หมดยุคของ โชโล่ แล้วหรือยังไง ?”  “ถึงเวลาที่เขาจะต้องจากไปแล้ว เพื่อหาคนที่มีไอเดียสดใหม่เข้ามา ?” 


ความตกต่ำนี้ยังความร้อนใจไปสู่เหล่าผู้บริหาร มีการนัดประชุมเครียดกันที่ห้องทำงานของ เอ็นรีเก้ เซเรโซ่ ที่สนามว่านต๋า เมโตรโปลีตาโน่ ซึ่งวงในเม้าท์กันว่าเสียงดังลั่นจนใครก็ได้ยิน 

ในส่วนของทีมเอง มีข่าวว่าหนึ่งในปัญหาก็คือ โรดรีโก้ เด ปอล 


มิดฟิลด์อาร์เจนไตร์ย้ายจาก อูดิเนเซ่ มาอยู่กับ แอต.มาดริด ด้วยค่าตัว 35 ล้ายูโร ราคานี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าย่อมมาพร้อมความคาดหวังอันสูงลิบ แต่กลับกลายเป็นว่า เด ปอล ยิ่งเล่นยิ่งแย่ ฟอร์มระดับแชมป์โกปา อเมริกาหดหาย 


สาเหตมีการพูดกันเยอะมากว่าเพราะนิสัยส่วนตัวของ เด ปอล เองที่ไม่เอาใครเท่าไหร่ จนเพื่อนร่วมทีมรู้สึกไม่พอใจกับการปฏิบัติตัวของเขาที่สนใจคบหาแค่ หลุยส์ ซัวเรซ,อังเคล กอเรอา และกับนักเตะอีกไม่กี่คน นั่นทำให้การเล่นของเขาไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควรเมื่ออยู่ในสนาม


โชโล่ แก้ปัญหานี้ด้วยการนัดนักเตะมากินอาหารร่วมกันเพื่อบละลายพฤติกรรม เพื่อให้ เด ปอล ได้เปิดใจกับเพื่อน ให้เพื่อนได้เปิดใจกับเขา ซึ่งทำกันอยู่หลายครั้ง ส่วนในสนาม กุนซืออาร์เจนไตร์ตัดสินใจดร็อป เด ปอล เป็นสำรองหลายครั้งเช่นกัน


ในเกมกับ เซลต้า บีโก้ 2-0 โชโล่ ทำเซอร์ไพรส์ด้วยการส่งกลุ่มนักเตะตัวสำรองที่ไม่ค่อยได้โอกาสลงไปเล่นและดร็อปพวกแกนหลักไว้ที่ข้างสนามไม่ว่าจะเป็น เด ปอล,ซัวเรซ,เลอมาร์,อองตวน กริซมันน์ รวมถึง ยานนิค การ์ราสโก้

ปรากฏว่ามันเวิร์ค ผลการแข่งขันออกมา แอต.มาดริด เอาชนะไปได้ 2-0 เหล่าแข้งสำรองที่ได้โอกาสตอบสนองได้ดีทีเดียว ทำให้พวกแกนหลักที่ถูกจับนั่งข้างสนาม เริ่มตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ของตัวเอง 




กระนั้นสำคัญเหนืออื่นใด ก็คือคำประกาศของ มิเกล อังเคล คิล มาริน ซีอีโอและเจ้าของสโมสรที่โดยปกติไม่ค่อยจะเข้ามายุ่งย่ามอะไรกับทีมที่ว่า “ทีมจะไม่มีทางเหมือนเดิมหากพลาดการเข้าร่วมรายการแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลหน้า” 

ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจโลก การแพร่ระบาดของโควิด-19 หากทีมต้องพลาดเม็ดเงินรายได้จากการเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แล้ว ก็จำต้องลดระดับตัวเองลงมาอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง

โบนัสต่างๆ เงินเดือนนักเตะจะถูกหั่นลงมา และสำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือสโมสรคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องชายซูเปอร์สตาร์ออกไป เพราะในเวทีใหญ่สุดของยุโรปนั้น แค่การได้เข้าร่วมก็การันตีเม็ดเงินมหาศาลถึง 60 ล้านยูโรแล้ว


นี่คือเงินก้อนใหญ่ที่จะช่วยหล่อเลี้ยงสโมสรให้เดินหน้าต่อไปได้ แต่ถ้าไม่ ก็ต้องตัดรายจ่ายลง 

คำประกาศของ คิล มาริน ซึ่งเป็นคนพูดจริงทำจริง บวกกับการการที่ โชโล่ นัดนอกรอบกับ 4 กาปิตันของทีมอย่าง ยาน โอบลัค,สเตฟาน ซาวิช,โกเก้ และ โฮเซ่ คิมิเนซ มาบรีฟ โดยมีใจความสำคัญอยู่ที่การเป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง เน้นย้ำให้เพื่อนคนอื่นๆตระหนักถึงคุณค่าในการลงเล่นรับใช้สโมสรอย่าง แอต.มาดริด พร้อมเข้าใจถึงปัญหาที่จะตามมาหากทีมพลาดไม่ติด 4 อันดับแรก 




เหตุนี้ นักเตะตราหมีจึงพยายามกันเต็มที่เพื่อคัมแบ็กกลับมาสู่ฟอร์มการเล่นเดิมของตัวเอง จนสะท้อนออกมาเป็นผลงาน 9 แต้มจาก 3 นัดหลังสุด

เกมที่ เบนีโต้ บียามาริน ถือเป็นเกม ‘do or die’ หากผิดพลาดอาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายจนยากจะแก้ แต่ในทางกลับกัน เมื่อชนะกลับออกมาด้วยฟอร์มการเล่นที่เฉียบขาดดุดัน ก็ได้ฉุดให้บรรยากาศในทีมดีขึ้นทันตา สะท้อนถึงความมุ่งมั่น และเลือดนักสู้ที่อยู่ในตัวของแข้งตราหมี

อย่างไรก็ตาม ทุกคนต่างรู้ดีว่านี่ไม่ใช่จุดสิ้นสุด งานของพวกเขายังไม่เสร็จ ยังเหลือการโรมรันอีก 11 เกม ให้ โชโล่ และนักเตะทุกคนต้องทำงานกันอย่างเข้มข้นต่อไปจนถึงวันสุดท้ายของฤดูกาล 


เจมส์ ลา ลีกา



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด