'อดทนและฉกฉวยโอกาส' หลักสูตรความสำเร็จจาก โจเอล มาติป
อาจจะด้วยบุคลิกที่ไม่มีออร่าของสตาร์ หรืออาจจะด้วยความที่เป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองหลัง จึงทำให้ชื่อเสียงของ มาติป นั้นเบาบางเจือจางมากเหลือเกิน แม้กระทั่งในหมู่แฟนหงส์ด้วยกันเอง แต่เพชรก็ยังเป็นเพชรอยู่วันยังค่ำ แม้จะไม่เปล่งประกายแต่เนื้อแท้ก็ยังคงเป็นเพชรไม่มีเปลี่ยนไป ล่าสุด โจเอล มาติป ได้รับการโหวตให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีก ประจำเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากผลงานที่โดดเด่นให้กับ ลิเวอร์พูล ในการคว้าชัยบนเกมลีกจากชัยชนะเหนือ เลสเตอร์ ซิตี้, เบิร์นลีย์, นอริช และ ลีดส์ ยูไนเต็ด ซึ่งเขาลงสนามทุกนัดทุกนาทีให้กับทีม มาติป ช่วยให้หงส์แดงรักษาคลีนชีตได้ 3 นัด, เป็นคนทำแอสซิสต์ให้ทีมได้ในเกมกับ เลสเตอร์ และที่พีคสุดก็คือการยิงทำประตูในเกมที่เอาชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด ไปถึง 6-0 ที่แอนฟิลด์ "สมัยที่อยู่ในทีมเยาวชน โค้ชของทีมเคยให้ผมลองไปเล่นกองหน้า และผมก็เล่นตำแหน่งนั้นอยู่ครึ่งปีซึ่งผมสนุกมากเลยทีเดียว" มาติป เล่าให้สื่ออังกฤษฟังเมื่อหลายปีที่แล้ว "ผมยิงประตูได้บ่อยและไม่ใช่แค่รอโหม่งอย่างเดียวนะ แต่ลูกยิงของผมก็ไว้ใจได้เหมือนกัน แต่พอผมได้รับบาดเจ็บแล้วพักไปนาน พอกลับมาอีกครั้งก็ถูกส่งมาเล่นกองหลังตามเดิม และไม่เคยกลับไปเป็นกองหน้าอีกเลยนับตั้งแต่นั้น" มาติป เริ่มต้นเล่นฟุตบอลกับ ชาลเก้ ตั้งแต่ทีมเยาวชนจนติดทีมชุดใหญ่ เขาเป็นกองหลังที่มีจุดเด่นอย่างหนึ่งคือการชอบพาบอลลุยขึ้นมาถึงกลางสนามแล้วเปิดเกมรุกให้กับทีม หลักฐานอย่างหนึ่งคือในฤดูกาลนี้ มาติป สร้่างโอกาสทำประตูให้กับทีมได้มากถึง 9 ครั้งทั้งที่เล่นในตำแหน่งกองหลัง และมีสถิติเลี้ยงบอลชนะคู่แข่งเป็นเปอร์เซนต์สูงถึง 89% อีกด้วย ขณะที่เกมรับก็ไว้ใจได้ ด้วยรูปร่างที่สูงโปร่ง เขามีสถิติโหม่งเคลียร์ให้ทีมไปแล้ว 29 ครั้ง, เข้าบล็อคลูกยิงอันตราย 6 ครั้ง, ตัดบอลสำเร็จ 33 ครั้ง และเข้าไปเคลียร์จากเส้นประตูได้อีก 1 ครั้ง คริสตอฟ เม็ตเซลเดอร์ กองหลังรุ่นพี่ที่ ชาลเก้ เคยให้สัมภาษณ์ว่า มาติป เป็นเซนเตอร์ที่แกร่งมากคนนึงในบุนเดสลีกา แต่การที่ทีมอย่าง ลิเวอร์พูล และ คล็อปป์ สนใจในตัวเขา นั่นหมายความว่า มาติป มีดีมากกว่าที่เราเห็นกันอยู่แน่นอน จริงอย่างที่ เม็ตเซลเดอร์ พูดครับ ตลอดเวลาที่อยู่กับทีมมาเกินครึ่งทศวรรษ ในสายตาของแฟนบอลแล้ว มาติป เหมือนจะเป็นตัวหลักแต่ก็ยังไม่ใช่ตัวหลักที่วางใจ ทว่า ความเคลือบแคลงเหล่านี้ไม่เคยอยู่ในหัวของคนอย่าง คล็อปป์ เลยสักนิด กุนซือชาวเยอรมันรู้ดีว่าต้องใช้งานนักเตะคนนี้เมื่อไหร่, รู้ดีว่าแท็กติกแบบไหน คู่แข่งประเภทไหนที่สมควรส่ง มาติป ลงสนาม นับนิ้วจนถึงตอนนี้ มาติป ลงสนามให้กับ ลิเวอร์พูล 154 นัด ยิงได้ 7 ประตูจากทุกรายการ โดยเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของ มาติป ก็คือ เขาเป็นนักเตะคนที่ 2 ที่ คล็อปป์ เลือกเซ็นสัญญามาร่วมทีมตอนคุมหงส์แดงใหม่ ๆ (คนแรกคือ มาร์โก้ กรูยิช ที่ไม่ประสบความสําเร็จกับทีม) ซึ่งนั่นก็แสดงชัดเจนแล้วว่า คล็อปป์ รู้วิธีการใช้งานกองหลังก้านยาวคนนี้เป็นอย่างดี ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือ มาติป มักจะได้รับอาการบาดเจ็บบ่อยเกินไป อย่างในช่วงปี 2019-21 เขาได้ลงสนามให้ทีมเพียงแค่ปีละ 12-13 นัดเท่านั้นเอง ฤดูกาลนี้น่าจะเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดครั้งนึงของ มาติป เลยก็ว่าได้ เพราะเขาสามารถเบียดทั้ง โจ โกเมซ และ อิบราฮิมา โกนาเต้ ให้ไปเป็นสำรองได้ โดยเขากลายเป็นพาร์ตเนอร์กับ ฟาน ไดค์ ในเกมรับของ ลิเวอร์พูล ได้อย่างลงตัวมาก ๆ และน่าจะเป็นคนที่เข้าขากับปราการหลังชาวดัตช์มากที่สุดแล้วในบรรดาเซนเตอร์ทั้งหมด "ที่ ลิเวอร์พูล มีเกมให้เล่นหลายนัด ดังนั้นสิ่งแรกที่ผมต้องทำคือพยายามฉกฉวยโอกาสเอาไว้ให้ได้เมื่อมันมาถึง ผมคิดว่าผมจะทำได้ดีแน่นอนหากฟิตร้อยเปอร์เซนต์" แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ เขาเองก็เคยท้อ เพราะการเล่นในทีม ลิเวอร์พูล นั้นไม่มีอะไรง่ายเลย เขาต้องเบียดแย่งตำแหน่งกับอีกหลายคนในทีม แต่เขาไม่เคยยอมแพ้ และก้มหน้าทำงานหนักต่อไปเรื่อย ๆ ตามสไตล์ของตัวเอง และผลพวงจากความพยายามทั้งหมด ตอนนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า รางวัลแห่งความไม่ย่อท้อที่เขาได้รับ คือกำลังเล่นได้ดีที่สุดในช่วงอาชีพของตัวเอง และยังมีบั้งอย่างรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนจากพรีเมียร์ลีกไปประดับตู้โชว์ที่บ้านอีกด้วย