:::     :::

ใบเบิกทางของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช

วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม 2565 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
1,504
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
สำหรับซลาตัน อิบราฮิโมวิช

เจ้าตัวเริ่มสร้างชื่อมากับมัลโม่ ทีมในลีกบ้านเกกืดที่ประเทศสวีเดน อย่างไรก็ตาม ทีมที่ขึ้นชื่อว่าเป็นใบเบิกทางให้เขาก้าวมาเล่นกับทีมระดับท็อปของยุโรป นั่นคืออาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม สโมสรที่ซลาตัน ค้าแข้งในช่วงระหว่างปี 2001-2004 โดยผ่านการคว้าแชมป์ลีกสูงสุด 2 สมัยด้วย 


กระนั้น กว่าที่ซลาตัน จะก้าวมาพิสูจน์ตัวเองกับอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาต้องผ่านแบบทดสอบ และความกดดันอย่างมหาศาล ทั้งการคาดหวังจากแฟนบอล และการมีปัญหากับเพื่อนร่วมทีม ทุกสิ่งที่ว่ามานั้น หล่อหลอมให้เขากลายเป็นคนที่แข็งแกร่ง จนยืนระยะเล่นฟุตบอลถึงวัย 40 ปี 


เราลองไปย้อนไทม์ไลน์ และความทรงจำของซลาตัน ภายในรั้วอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม กันหน่อยดีกว่า แน่นอนว่า บางเรื่องราวอาจเป็นสิ่งที่แฟนบอลหลายคนไม่เคยรู้มาก่อน ดูกันหน่อยว่า อะไรที่ทำให้ซลาตัน กลายเป็นนักเตะที่มีความเข้มแข็ง ทั้งทางร่างกาย และจิตใจ 

ย้อนกลับไปช่วงปี 2001 อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ตัดสินใจคว้าตัวซลาตัน อิบราฮิโมวิช เข้ามาร่วมทีม รวมถึงอีกหนึ่งกองหน้าอย่างมิโด้ อย่างไรก็ตาม ค่าตัวมหาศาลของซลาตัน ส่งผลต่อการปรับตัวในสนามแข่งขัน เขาเริ่มโชว์ฟอร์มการเล่นไม่ออก และโดนแฟนบอลตัวเองโห่ใส่อย่างหนัก 


ความกดดันดังกล่าว ส่งผลให้ ซลาตัน โดนแบนยาวถึง 5 เกม จากการไปเล่นนอกเกม และฟันศอกใส่ผู้เล่นของคู่แข่งอย่าง เอฟซี โกรนิงเก้น แม้ว่าบทสรุปของฤดูกาลนั้น อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม จะสามารคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้อีกครั้ง ทว่าผลงานของ ซลาตัน กลับถูกมิโด้ กลบเสียสนิท แฟนบอลลงมติว่า มิโด้ เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด 


เพราะว่าในฤดูกาลดังกล่าว มิโด้ สามารถงัดฟอร์มที่ยอดเยี่ยม ด้วยการยิงประตูในลีก 12 ประตู แน่นอนว่า มันเป็นจำนวนที่มากกว่าซลาตัน ครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว จากสภาวะเหล่านั้น ทำให้ซลาตัน กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่อาจถูกสโมสรปล่อยตัว และสุ่มเสี่ยงต่อการหมดอนาคตในทีม 


นอกจากนี้ มิโด้ ยังออกมาสุมเชื้อไฟ ด้วยการแสดงความคิดเห็นด้วยว่า เขาเป็นกองหน้าที่เหมาะจะสวมเสื้อหมายเลข 9 มากกว่า เนื่องจากซลาตัน เป็นนักฟุตบอลชายเดี่ยว ที่มักจะเล่นเพื่อตัวเอง และไม่สนใจระบบทีมของอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ขณะที่ผู้จัดการทีมอย่างโรนัลด์ คูมัน ก็มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน


ผลสุดท้าย อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ตัดสินใจครั้งสำคัญ ด้วยการมอบโอกาสให้กับซลาตัน ต่อไป พร้อมกับดึงตัวดาวเตะมากประสบการณ์อย่างยารี่ ลิตมาเน่น มาเสริมทีมในฐานะกองหน้าตัวต่ำ ซึ่งมาช่วยสนับสนุนซลาตัน จนกลับมาทำผลงานได้ดี และยิงประตูได้อย่างต่อเนื่อง

ในช่วงฤดูกาลที่ 2 กับยอดทีมจากฮอลแลนด์ ซลาตัน กลายเป็นกองหน้าคนสำคัญ พร้อมกับเบียดมิโด้ กลายเป็นตัวสำรองอยู่บ่อยครั้ง ส่งผลให้ดาวเตะทีมชาติอียิปต์ เกิดความไม่พอใจ จนส่งผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นในสนาม โดยมีการจับภาพได้ว่า มิโด้ ไม่ยอมส่งบอลให้กับซลาตัน และพยายามฝืนเล่นเองบ่อยครั้ง พร้อมกับมีการโต้เถียงกันเองในสนามด้วย


กระทั่งหลังจากจบเกมกับคู่แข่งรายสำคัญอย่างพีเอสวีฯ ทุกอย่างก็ระเบิดออกมา เมื่อมิโด้ ระเบิดอารมณ์ใส่คนรอบข้างในห้องแต่งตัว จากนั้น ซลาตัน ก็เปิดฉากสวนกลับไป มิโด้ ตัดสินใจปากรรไกรที่เอาไว้ตัดผ้าพันข้อเท้า และเฉี่ยวหัวของซลาตัน ไม่เพียงนิดเดียวเท่านั้น นั่นคือเรื่องราวที่สื่อนำมาเล่นข่าวกันอย่างครึกโครม


หลังจากนั้น ทั้งสองคนต่างเข้าไปอาบน้ำ มิโด้ เปิดปากพูดก่อนว่า -ฉันเกือบฆ่านายแล้ว- ส่วนซลาตัน ตอบกลับว่า -ฉันรู้น่า- หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็หัวเราะออกมา แม้ว่าสถานการณ์ของทั้งคู่จะคลี่คลายไปในทางที่ดี ทว่าสำหรับอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม มันเป็นเรื่องที่ปล่อยเอาไว้ไม่ได้


สโมสรมีมติออกมา ด้วยการสั่งลงโทษแบน และปล่อยตัวมิโด้ ออกจากทีม น่าเสียใจมากว่า ไม่มีใครในสโมสรที่ออกมากางปีกปกป้องมิโด้ ยกเว้นเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นคือ ซลาตัน ที่ออกมากล่าวว่าทุกคนกล่าวหามิโด้ มากเกินไป เขายังอายุน้อย และทำในสิ่งที่ผิดพลาดไป อย่าให้มันถึงขั้นขุดหลุมฝังเขาเลย"  


"เวลาเขาทำประตูได้ หรือโชว์ฟอร์มได้ดี คุณไม่เห็นพูดถึงเขาเลย แต่พอเขาทำพลาด คุณกลับเอาเรื่องเหล่านี้มาพูด มันสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ผมยังเคยทำพลาดเลย คุณเคยทำพลาดหรือเปล่าล่ะ ? ใช่ไง ไม่มีใครพูดถึงมัน เพราะว่าคุณเป็นนักข่าวยังไงล่ะ" ซลาตัน กล่าวถึงมิโด้ ที่แสดงออกถึงความเป็นลฃูกผู้ชายในตัวของเขาอยู่ไม่น้อย 

จุดเปลี่ยนสำคัญของซลาตัน กับอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เกิดขึ้นในช่วงต้นฤดูกาล 2004-05 เมื่อเขาดันไปมีปัญหากับเพื่อนร่วมทีมอย่างราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ระหว่างเกมที่ลงรับใช้ทีมชาติสวีเดน ที่ต้องมาเจอกับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ นั่นเหมือนน้ำผึ้งหยดเดียวที่ทำให้ซลาตัน ตัดสินใจย้ายทีมออกไป


ซลาตัน ออกมาย้อนความทรงจำว่าในช่วงปี 2004 ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ไม่ค่อยพูดกับผม เพราะเขาคิดว่า ผมจงใจทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ ในเกมระหว่างที่พวกเราเจอกันในนามทีมชาติ ผมอยากบอกว่า ผมไม่มีเจตนาเลย และกล่าวคำขอโทษไปแล้ว แต่เขากลับไม่ยอมรับมัน"


"จากนั้น ผมได้ลงสนามเจอกับเอ็นเอซี เบรด้า แฟนบอลอาแจ็กซ์ฯ พากันผิวปาก และส่งเสียงโห่ใส่ผม เพื่อแสดงออกว่าพวกเขาสนับสนุนฟาน เดอร์ ฟาร์ท ที่เกมนั้นบาดเจ็บ และไม่ได้ลงสนาม ผลสุดท้าย ในเกมนั้นผมยิงคนเดียว 2 ประตู กับแอสซิสต์ 4 ลูก ส่วนปฏิกริยาของฟาน เดอร์ ฟาร์ท ? ผมไม่แคร์มันอีกต่อไปแล้ว เพราะวันต่อมา ผมก็ย้ายไปยูเวนตุส


ซลาตัน อิบราฮิโมวิช เอ่ยถึงการอำลาอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และย้ายไปยูเวนตุส ในวันสุดท้ายของตลาดนักเตะ 2004-05 และเพียงฤดูกาลแรก "ซลาตัน" กระหน่ำในกัลโช่ เซเรีย อา 16 ลูก เป็นดาวซัลโวของทีม 


นั่นถือเป็นจุดเริ่มต้นของซลาตัน ในการก้าวมาเเขย่าวงการลูกหนังยุโรป ผ่านการลงเล่นให้กับหลายสโมสรดัง ไม่ว่าจะเป็น อินเตอร์ มิลาน, เอซี มิลาน, บาร์เซโลน่า, เปแอสเช และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมกับคว้าแชมป์มาครองแบบนับไม่ถ้วน

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด