เป็นฝันร้ายของ อัซซูรี่ แต่มันกลายมาเป็นค่ำคืนประวัติศาสตร์ของเหล่าผองชนชาว นอร์ทมาซิโดเนีย ที่ได้เดินหน้าไปลุ้นตั๋วรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก

เส้นทางของพวกเขายังเหลือขวากหนามและเป็นด่านสำคัญที่มีเดิมพันสูงมาก ซึ่งหนนี้เป็นการดวลกับ โปรตุเกส อีกหนึ่งชาติชั้นนำของโลกในวงการลูกหนัง

แน่นอนว่า นอร์ทมาซิโดเนีย เป็นรองทุกประตูอีกครั้ง ไม่ว่าจะชื่อชั้น, ประวัติศาสตร์ย้อนหลังในเส้นทางสายลูกหนัง, สถิติ หรือแม้แต่การต้องออกไปเล่นที่กรุงปอร์โต้ ยิ่งทำให้พวกเขาเป็นรองมากกว่าเดิม

แต่ทาง บลาโกย่า มิเลฟสกี้ กับบรรดานักเตะนอร์ทมาซิโดเนียทราบจุดนั้นดี และเชื่อว่าการเล่นของพวกเขาคงไม่ต่างจากค่ำคืนที่หอมหวาน ณ เมืองปาแลร์โม่ อย่างแน่นอน

สำหรับ นอร์ทมาซิโดเนีย ไม่ต้องไปคิดให้มากความ 'เน้นรับรอสวนกลับ' คือสิ่งที่พวกเขาต้องท่องเอาไว้ให้มั่นเหมาะแบบที่ผ่านมา พร้อมภาวนาให้โชคเข้าข้างเหมือนนัดล่าสุด

ผิดกับ โปรตุเกส ที่ต้องครองบอลเดินเกมเพื่อเอาประตูแรกให้ได้เร็วที่สุดเพื่อปลดล็อกความกดดันและทำให้เกมไม่อึดอัด เพราะยิ่งเวลาผ่านไปหากทีมฝอยทองยังเจาะไม่ได้ รูปเกมอาจจะออกมาคล้ายๆ กับที่ อิตาลี ต้องเจอ นั่นคือแรงกดดันที่ค่อยๆ โถมเข้ามาเมื่อเกมดำเนินไป

สิ่งเหล่านี้ โปรตุเกส ทราบดี และมันคือการบ้านสำคัญที่พวกเขาต้องแก้โจทย์เพื่อหาช่องทางเล่นงาน นอร์ทมาซิโดเนีย ให้ได้ 

แม้ชื่อชั้นหรือนักเตะดีกว่า แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้การันตีว่า โปรตุเกส จะชนะ 100 เปอร์เซ็นต์เมื่อลงสนามไปแล้ว เพราะสิ่งที่จะทำให้พวกเขามีชัยคือการลงมือทำ ออกแรงเพื่อผ่านด่านและคว้าตั๋วตามที่ต้องการ

ก็อย่างที่ ชูเอา มูตินโญ่ ว่าไปนั่นแหละ ตอนนี้ฟุตบอลมันเปลี่ยนไปแล้วไม่เหมือนสมัยเมื่อ 10 กว่าปีก่อนที่ทีมใหญ่ๆ มักจะชนะแบเบอร์ เพราะตอนนี้หลายๆ ทีมพัฒนาตนเองขึ้นมา หลายๆ ทีมมีศักยภาพที่จะทัดเทียมกับคู่แข่งที่ดูเหนือกว่า นอกจากนั้นการเล่นแบบนัดเดียวรู้ผลอะไรก็เกิดขึ้นได้

คำพูดหนึ่งของ มูตินโญ่ ที่น่าสนใจคือ 'ฟุตบอลแตกต่างออกไปจากเดิม ทุกๆ ทีมสามารถเอาชนะได้ ไม่สำคัญว่าคุณจะชื่อชั้นแบบไหนหรือมีสถิติเช่นไร คุณต้องลงไปแสดงศักยภาพและคุณภาพในสนามให้มากกว่าที่มีอยู่'

ถือเป็นคำพูดที่แสดงความชัดเจนในตัวเองอยู่แล้วว่า โปรตุเกส ทราบดีกำลังจะเจอกับอะไร พวกเขาพยายามเตือนสถิติคนอื่นๆ ว่า 'ห้ามประมาท' เพราะตัวอย่างเพิ่งมีให้เห็นแบบสดๆ ร้อนๆ 

มันคือการแย่งชิงตั๋วใบสำคัญระหว่างหนึ่งทีมที่ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งและมีโอกาสได้ไปครองมากกว่า กับอีกทีมที่เป็นรองทุกประตูแต่ฝ่ายหลังก็พร้อมสู้เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ให้กับตนเอง

90 นาที (หรืออาจจะมากกว่านั้น) ที่ ปอร์โต้ ในวันอังคารนี้จึงเป็นเกมที่มีคนให้ความสนใจว่าจะออกมาเช่นไร หลายคนเทใจเชียร์ โปรตุเกส เพราะอยากให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายอีกครั้ง แต่ก็มีอีกหลายคนที่เทฝั่ง นอร์ทมาซิโดเนีย เพราะอยากเห็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่

ประวัติศาสตร์ที่ผองชน นอร์ทมาซิโดเนีย อยากให้เกิด และมันหอมหวานเสมอเมื่อมีสิ่งใหม่เกิดขึ้นในวงการฟุตบอล แต่ทุกอย่างก็ต้องขึ้นอยู่กับผลงานในสนามว่าพวกเขาจะทำได้ดีอีกครั้งหรือไม่

สองทีมแต่หนึ่งเป้าหมายเดียวกัน และจะมีเพียงทีมเดียวนั้นที่ได้ฉีกยิ้มหลังสิ้นเสียงนกหวีดสุดท้ายในวันอังคารนี้

โปรตุเกส หรือ นอร์ทมาซิโดเนีย ไม่ว่าทีมไหนเป็นฝ่ายชนะ ก็ขอแสดงความยินดีล่วงหน้ามา ณ ที่นี้