:::     :::

If you're good enough, you're old enough อายุไม่ต้องนับ ถ้าฝีเท้าอยู่ระดับสุดยอด

วันศุกร์ที่ 01 เมษายน 2565 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
2,372
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ความคืบหน้าและทิศทางการกลับมาของ "จิมมี่" เจมส์ การ์เนอร์ และความพร้อมจะกลับมาเป็นกำลังหลัก ผ่านประวัติศาสตร์มิดฟิลด์เด็กปั้นของยูไนเต็ด!!!!

พอล สโคลส์ เดบิวต์เกมนัดแรกในชีวิตในวัย 19 ปี กับเกมชนะ Port Vale 2-1 ในถ้วยลีกคัพ เมื่อวันที่ 21 กันยายน ปี 1994

นิคกี้ บัตต์ อายุ 19 ปีตอนที่เริ่มสร้างชื่อกับแมนยูไนเต็ด ก่อนที่วัย 21 ปีเขาจะคว้า "ดับเบิ้ลแชมป์" ให้สโมสรในฤดูกาล 1995/96 ที่คว้าทั้งพรีเมียร์ลีก และ เอฟเอคัพ

เดวิด เบ็คแฮม อายุ 20 ปีเท่านั้นตอนที่เริ่มลงสนามเต็มตัวปีแรกให้กับปีศาจแดง

ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ อยู่ในสถานะที่เป็นตัวจริงกับทีมได้สำเร็จในวัย 24 ปี

ทอม เคลฟเวอร์ลีย์ ในอายุ 21 ปี ขาดอีก5วันจะเต็ม 22 ลงมาเปลี่ยนเกมในถ้วยคอมมูนิตี้ชิลด์ปี 2011 ซึ่งเป็นเกมเดบิวต์ของเขา

สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ อายุแค่ 20 ปีตอนที่เขาเดบิวต์ลงสนาม และอีก 2 ปีต่อมาในวัย 22 ปีก็กลายเป็นนักเตะตัวหลักของสโมสร

จะเห็นได้ว่า มิดฟิลด์ในอดีตที่ผ่านมาของยูไนเต็ดซึ่งสามารถลงสนามให้กับทีมเราได้ ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องมี "อายุที่มากพอ" แต่อย่างใดถึงจะลงสนามได้ แต่ละคนเดบิวต์กัน 20-22 ปีแทบทั้งนั้นในบรรดาตัวข้างบนนี้

ทุกคนคงจะรู้อยู่แล้วว่าโพสต์นี้เราเขียนถึง "เจมส์ การ์เนอร์" ซึ่งในประเด็นเรื่องของความพร้อมด้าน "อายุ" ไม่ใช่ปัญหาเลย ยิ่งกับปัจจุบันนี้แล้วยิ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะแม้จะอายุแค่ 17 18 ปี ก็สามารถลงสนามเป็นตัวจริงให้สโมสรใหญ่ๆได้แล้ว

"ถ้าคุณเก่งพอ คุณก็แก่พอ" คำนี้จริงเสมอ

เจ้าหนู เจมส์ การ์เนอร์ มิดฟิลด์ตัวต่ำสาย DLP ผสม Box-to-Box จอมบัญชาการเกม วัย "21 ปี" ก็อยู่ในช่วงวัยที่ไม่แปลกอะไรอีกแล้วถ้าจะเรียกตัวกลับมาเป็นกำลังหลักให้ทีมในปีหน้า ไม่ว่าผู้จัดการทีมคนใหม่จะเป็นใคร

เพราะปัจจัยสำคัญคือ เรากำลังจะเสียปอล ป็อกบาไป ในขณะที่เนมันย่า มาติช สัญญาของเขาจะเข้าสู่ปีสุดท้าย และกำลังจะอยู่สถานะเดียวกับมาต้าในปีนี้ ซึ่งพี่ต้าก็น่าจะไปซัมเมอร์นี้เช่นกัน

ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ในปัจจุบันกับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค ควบผู้ช่วยจำเป็นของราล์ฟ รังนิค ได้ติดตามฟอร์มการเล่นและความavailable ของเจมส์ การ์เนอร์ นักเตะในสังกัดเราอยู่ตลอด ซึ่งตอนนี้ก็ได้ปล่อยให้โบยบินอยู่กับน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ มาเป็นเวลาสองปีแล้ว

อยู่ที่แพลนการทำงานและการเสริมทีมในปีหน้าจริงๆ ซึ่งในความเห็นของผม ปีหน้าไม่ว่าจะดึงการ์เนอร์กลับมาเสริมชุดใหญ่เลย ก็ถือเป็นสิ่งที่ดีและสามารถทำได้

ในขณะเดียวกัน การปล่อยยืมให้ทีมระดับพรีเมียร์ลีก ใช้งานแบบเต็มๆหนึ่งปีคล้ายเคสของ "แบรนดอน วิลเลียมส์" ก็เป็นสิ่งที่ยิ่งดีขึ้นไปอีก ยกเว้นว่าสโมสรขาดนักเตะจริงๆ ก็เรียกการ์เนอร์มาใช้ได้เลย

ความสามารถของเขามันดีพอสำหรับพรีเมียร์ลีกแล้วแน่นอน รับประกันได้ เพราะการ์เนอร์ได้รับชั่วโมงบินของการแข่งขัน "จริง" ในเดอะแชมเปี้ยนชิพมาพอสมควรแล้ว และอย่าให้ภายนอกของเลเวลลีก มาหลอกตาได้ว่านักเตะยังไม่พร้อม

"เขาคือไมเคิล คาร์ริค ที่อายุน้อยลงไป 20 ปีนั่นแหละ" นี่คือคำพูดของโอเล่ กุนนาร์ โซลชากล่าวเอาไว้ในช่วงเวลาเย็นๆ วันที่การ์เนอร์วัย 17ปี ลงเดบิวต์ให้กับแมนยูไนเต็ดในการเจอกับพาเลซ โดยที่การลงสนามครั้งสุดท้ายให้ปีศาจแดง เกิดขึ้นในเดือนธันวาคมปี 2019 และการไม่ได้ลงเล่นในนามนักเตะแมนยูเลยมาสองปีเต็มก็ถือว่าเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างสุ่มเสี่ยงสำหรับนักเตะอะคาเดมี่ทั่วๆไปที่เตรียมจะขึ้นมาสู่ชุดใหญ่

ถ้าหายไปนานขนาดนั้นโอกาสทะลุขึ้นมาได้ก็ค่อนข้างมีสูง หากนับเคสนักเตะทั่วไปที่ผ่านมา และตอนนี้ก็ใกล้จะเข้าสามปีเต็มไปแล้วที่เขาไม่ได้ลงสนามให้กับสโมสรแม่ของเขา, แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

ดาวเตะจากถิ่น Birkenhead รายนี้อายุ 21 ปีเมื่อเดือนที่แล้ว และแสดงผลงานในเกมเอฟเอคัพได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะผลงานอัดอาร์เซนอลและเลสเตอร์ซิตี้ร่วงตกรอบเป็นใบไม้ร่วง รวมถึงลูกจ่ายโคตรคิลเลอร์พาสเผาแนวรับคู่แข่งขาดวิ่นในเกมเจอลิเวอร์พูล ไปให้กับ Ryan Yates ที่เกือบจะทำประตูได้ หรือเรียกจุดโทษได้ในลูกนั้นซึ่งไม่เกิดขึ้น

เขาคือนักเตะที่โดดเด่นที่สุดจริงๆ ซึ่งแอคเคาท์ทวิตเตอร์ official ของฟอเรสต์ เลือก "James Garner" เป็น man of the match ของทีมในวันนั้น

ในขณะที่ JK ก็รู้ฝีเท้าของเขาดี เข้าไปสวมกอดอย่างชื่นชมต่อหน้ากล้องถ่ายทอดหลังเกม

น้องเคยไปปรีซีซั่นกับแมนยูไนเต็ดมาสองครั้งแล้ว เมื่อรวมกับการยืมตัวในระดับแชมเปี้ยนชิพสามครั้งกับสองสโมสร ทั้งวัตฟอร์ด และ ฟอเรสต์ ก็ถือว่ามีประสบการณ์มาในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งเพื่อนร่วมทีมของเขาที่ฟอเรสต์อย่าง Jack Colback มิดฟิลด์ดีกรีพรีเมียร์ลีก วัย32ปีที่นั่น ก็คอนเฟิร์มว่า นักเตะรุ่นน้องรายนี้ "ดีพอสำหรับพรีเมียร์ลีก" แล้ว

เพิ่งลงเล่นให้ England U-21s ชนะ Albania ไป 3-0

โคลแบ็คเล่าเอาไว้ดังนี้

"สำหรับผมเขามีคุณสมบัติที่จำเป็นครบถ้วนแล้ว เขาครองบอลดีมากๆ ในทางเทคนิคต่างๆเรื่องการจ่าย ระยะการจ่ายของเขาก็ยอดเยี่ยมเลย แต่มิติอื่นๆนอกเหนือจากเรื่องพวกนี้เขาก็มีอยู่ในตัว นั่นก็คือเรื่องของเกมรับ ผมคิดว่าเขาไม่ค่อยได้เครดิตเรื่องเกมรับเท่าไหร่เลย แต่เขาเล่นป้องกันได้ดีมากเลยล่ะ เขาซ้อนให้เพื่อนได้บ่อยๆ แทคเกิลก็โคตรบ่อย ซึ่งนั่นแหละคือสิ่งที่ทีมต้องการ"

"ก็เหมือนกับนักเตะทั่วๆไปที่ต้องตั้งหน้าตั้งตาทำงานหนักต่อไป และอย่าได้คิดหยุดพัฒนาเด็ดขาดว่าตัวเองดีพอแล้ว ซึ่งจิมมี่ก็มีโอกาสที่ดีเท่าๆกับคนอื่นเช่นกัน"

ส่วนเจ้านายของการ์เนอร์อย่าง สตีฟ คูเปอร์ ที่เราคุ้นเคยกันดีเวลาไปดูฟอเรสต์แข่งนั้น กล่าวถึงเด็กคนนี้ไว้ว่า

"เขายอดเยี่ยมมากมาหลายๆเดือนที่ผ่านมา จนกระทั่งถึงตอนนี้ เขาแสดงผลงานในระดับสูงมากและเป็นตัวเลือกถาวรสำหรับเรา การยืมตัวของเขาในขณะนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่ามันได้ผลอย่างดีทีเดียว"

เมื่อช่วงต้นฤดูกาลที่แล้ว สตาฟฟ์ของฝ่ายอะคาเดมี่บางรายของแมนยูไนเต็ดเริ่มหมดความอดทนในการที่การ์เนอร์นึกถึงแต่เรื่องการออกไปยืมตัว สตาฟฟ์รายหนึ่งสงสัยว่าเขาอยากจะย้ายออกไปรึเปล่า

มีสโมสร "ฮัดเดอร์สฟิลด์" ที่เข้ามาสอบถามพูดคุยกับการ์เนอร์ แต่เขาก็ไม่ไป และรอจนกระทั่ง วัตฟอร์ดติดต่อเข้ามา ซึ่งในปีดังกล่าว แตนอาละวาดเพิ่งจะตกชั้นลงไปจากพรีเมียร์ลีก แล้วก็เซ็นสัญญายืมตัวการ์เนอร์ไป

เขาไปยืมตัวอยู่กับทีมระดับบนๆของเดอะแชมเปี้ยนชิพ ซึ่งมีแนวโน้มว่าน่าจะเช่ายืมมากกว่าอยากจะซื้อขาด ในยุคของ วลาดิเมียร์ อิวิช ซึ่งสุดท้ายแล้วก็โดนปลดก่อนช่วงคริสต์มาส และการ์เนอร์ก็ไม่เป็นที่ต้องการของผู้จัดการทีมคนใหม่อย่าง "ซิสโก้ มุนญอซ" เขาจึงจำเป็นต้องหาทางย้ายออกในตลาดนักเตะถัดมา 

การเข้ามาของคูเปอร์ในเดือนกันยายนช่วยชุบชีวิตใหม่ให้การ์เนอร์ ซึ่งน้องเคยได้ร่วมงานกับอดีตโค้ชสวอนซีรายนี้ สมัยลงสนามให้ทีมชาติอังกฤษชุด U-17s และการ์เนอร์เองก็คาดหวังว่าในปีหน้า เขาน่าจะได้มีโอกาสลงสนามให้ยูไนเต็ด กับการที่สโมสรเพิ่งจะขยายสัญญาใหม่ให้เขาไปถึงปี 2024 ก่อนที่จะปล่อยยืมตัวไปให้กับฟอเรสต์อีกครั้งในฤดูกาลปัจจุบันนี้แบบเต็มๆซีซั่น

จิมมี่เซ็นสัญญานักเตะอาชีพอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม ปี 2018 และตอนนั้นก็อยู่ในสายตาของยอดคนอย่าง โจเซ่ มูรินโญ่ มาตั้งนานแล้วเพราะว่าเฮียมูก็หนีบเขาไปทัวร์ปรีซีซั่นช่วงซัมเมอร์ปีนั้นด้วย

"นักเตะเจ๋งๆของเราที่มียังอายุน้อยกันอยู่ทั้งนั้น พวกเขาแค่ 16, 17, 18 พวกเขาควรที่จะได้เล่นในลีกของตัวเอง ฝึกฝนกับเรา และควรต้องได้รับประสบการณ์ดีๆ"

"จิมมี่ การ์เนอร์ อายุ 17 เขาไปทัวร์ครั้งนี้ก็จะได้กลับไปสามารถพูดได้ว่า เขาเคยเจอกับระดับอิสโก้ เจอโทนี่โครส เจออเซนซิโอ้มาแล้ว เขาจะพูดได้เต็มปากเลย และนั่นคือสุดยอดประสบการณ์ที่เหลือเชื่อสำหรับเด็กหนุ่มเลยล่ะ"

มูรินโญ่กล่าวเอาไว้ขณะที่ทีมทัวร์ปรีซีซั่นอยู่ที่ไมอามี่อันร้อนระอุของปี2018

การ์เนอร์ยิงประตูได้ในปีต่อมากับทัวร์ที่เพิร์ธ ซึ่งตอนนั้นโซลชาก็ระงับความต้องการที่จะนำเข้านักเตะที่มีโพรไฟล์คล้ายๆกันอย่าง "ฌอน ลองสตาฟฟ์" จากนิวคาสเซิล ซึ่งที่สุดแล้วก็ไม่ได้เซ็นเข้ามา และเจ้าตัวก็ยังไม่ได้มีฝีเท้าที่โดดเด่นมากพอจริงๆ (โชคดีมาก) การ์เนอร์เล่นได้ประทับใจมากกับปาร์ติซานเบลเกรดในอีกสามเดือนต่อมา และเขาได้เป็นตัวจริงเกมเดียวของซีซั่นดังกล่าวในเกมกรุ๊ปสเตจของยูโรปาลีกในปีนั้นของโอเล่

นักเตะในตำแหน่งกองกลางจำเป็นที่จะต้องเติบโตขึ้นมาหน่อย เพื่อเตรียมความพร้อมในการลงเล่น แต่นักเตะในตำแหน่งกองหน้าต่างๆ เช่น มาร์คัส แรชฟอร์ด, เมสัน กรีนวู้ด หรือ แอนโธนี เอแลงก้า ตัวรุกทั้งหลายจะค่อนข้างใกล้เคียงกับจุด maximum อยู่แล้วในการสร้างimpactให้กับทีม นักเตะพวกนี้ก็สามารถลุยได้ตั้งแต่ 18 19 แล้ว

แต่กับมิดฟิลด์ ดังที่ยกตัวอย่างช่วงที่สามารถมาจับ "ตัวจริง" ของแมนยูไนเต็ดได้จะต้องมีอายุมากขึ้นกว่านั้นอีกนิดนึง เฉลี่ยๆแล้วส่วนใหญ่ก็ประมาณ 21-22 ซึ่งก็จะเยอะกว่าพวกตัวรุกดังกล่าว ตัวอย่างก็อยู่ในพวกที่ยกขึ้นมาอธิบายไปแล้วสำหรับการเดบิวต์และขึ้นมายึดตัวจริงได้ของทั้งสโคลส์ บัตต์ เบ็คแฮม เคลฟเวอร์ลีย์ หรือ แม็คโทมิเนย์ ที่ต้องใช้เวลาทั้งนั้น

เฮียคนนี้อาจจะเป็นข้อยกเว้นสักเล็กน้อย

เมื่อเวลาดำเนินถึงฤดูกาลหน้า ก็แมตช์กันกับการเติบโตขึ้นมาเป็นนักเตะมิดฟิลด์ที่พร้อมแล้วพอดีสำหรับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดของเจมส์ การ์เนอร์พอดี และสอดรับการเข้ามาของ นายใหญ่ คนใหม่ในเวลานั้น ซึ่งกำลังดำเนินกระบวนการคัดสรรผู้จัดการทีมอยู่

เจมส์ การ์เนอร์ ปัจจุบันอายุ "21 ปี" ก็ถือว่าเข้าแก๊ปพอดีกับช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด ภายในฤดูกาล 2022/23 หรือ 23/24 เป็นเวลาที่ดีที่สุดแล้วที่เขาจะกลับมาสู่ทีมชุดใหญ่ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

ยิ่งถ้าดูบริบทของสโมสรที่กำลังจะมีการถ่ายเลือดครั้งใหญ่ (มาก) ในซีซั่นหน้า ที่จะมีผู้จัดการทีมคนใหม่เข้ามา พร้อมๆกับนักเตะหน้าเก่าหลายๆคนที่จะหมดสัญญาออกไป และถูกขายออกไป

มันคือการล้างไพ่สู่ "ยุคใหม่" (The New Era) ของ all new Manchester United อย่างแท้จริง

และ Garner ก็จะอยู่ใน Future ดังกล่าว และไม่ต้องถ่อนั่งรถตู้ไปถึงรังสิตแต่อย่างใด!!!!

การดำเนินงานคู่ขนานกันในภาคการพัฒนานักเตะดาวรุ่งของสโมสร ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคอย่างเฟล็ทเชอร์นั้น ก็คอยตามดูเหล่านักเตะตัวยืมต่างๆที่พัฒนาฝีเท้าขึ้นมา และใครบ้างที่พร้อมสำหรับการกลับมาลงเล่นให้กับต้นสังกัดแล้ว ซึ่งเฮียเฟล็ทช์ก็บอกว่า ยูไนเต็ดนั้นก็อยากที่จะเรียกตัวการ์เนอร์กลับมา และดูว่าเขาพร้อมแค่ไหนสำหรับการเป็นนักเตะทีมชุดใหญ่ของสโมสร

การ์เนอร์อัพร่างขึ้นแล้วจากการออกไปยืมตัวที่ผ่านมา และความท้าทายถัดไปคือการที่จะอยู่ต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งที่นี่นั่นเอง

-ศาลาผี-

References

https://www.transfermarkt.com/james-garner/profil/spieler/505219

https://www.manchestereveningnews.co.uk/sport/football/man-united-james-garner-news-23556736

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด