สำหรับเด็กอะคาเดมี่ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่สามารถก้าวสู่ทีมชุดใหญ่เป็นผลสำเร็จ สำหรับ “ฟิล โฟเด้น” ดาวรุ่งอนาคตไกล ในวัยเพียง 21 ปี โดยถือว่าเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม เพราะอย่าลืมว่า ทีมอย่าง “เรือใบสีฟ้า” ถือว่าเป็นทีมที่เน้นการซื้อซูเปอร์สตาร์ ที่มีอัตราเฉลี่ยมากกว่าการดันเด็กจากศูนย์เยาวชน
อย่างท่ีบอกไป ด้วยวัยขนาดนี้ และเส้นทางลูกหนังอีกยาวไกล โฟเด้น ผ่านการคว้าแชมป์กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลายโทรฟี่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นพรีเมียร์ลีก 3 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย, ลีก คัพ 4 สมัย และคอมมูนิตี้ ชิลด์ 2 สมัย แน่นอนว่า ยังมีอีกหลายแชมป์ที่รอเขาไปเก็บเกี่ยว
ช่วงนี้ เราลองไปติดตามชีวิตของโฟเด้น กับการเป็นนักเตะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กันหน่อยดีกว่า ลองไปดูว่าจุดเริ่มต้นของเขาเป็นมาอย่างไร และอะไรคือเคล็ดลับ-เทคนิคที่หลายคนยังไม่เคยทราบมาก่อน ที่ส่งให้เขากลายเป็นดาวรุ่ง ที่เต็มไปด้วยความสามารถอันล้นเหลือ
“การเปลี่ยนแปลงของผม จากแฟนบอลสู่นักเตะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว”
โฟเด้น ออกมาย้อนความทรงจำ ในการเป็นนักเตะเยาวชนของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ นอกเหนือจากการฝึกวิชาลูกหนังตามโปรแกรมที่ถูกวางเอาไว้แล้ว เขายังได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ด้วยการเป็นเด็กเก็บบอลในสนามเอติฮัด สเตเดี้ยม อีกด้วย
แน่นอนว่า ชีวิตวัยเด็กของโฟเด้น เติบโตพร้อมกับเฝ้าดู เซร์คิโอ “กุน” อเกวโร่ ดาวยิงอาร์เจนไตน์ ไล่ยิงประตูคู่แข่ง เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่า วันหนึ่งจะได้กลายเป็นเพื่อนร่วมทีมกับยอดดาวยิงรายนี้ รวมถึงเหล่าซูเปอร์สตาร์คนอื่นๆ
“ก่อนหน้านี้ ผมยังเป็นนักเตะอะคาเดมี่อยู่เลย เพียงนาทีต่อมา ผมก้าวขึ้นมาเล่นกับนักเตะที่ผมตามเชียร์มาตลอด” โฟเด้น เล่าต่อไป ถึงการขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งกับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ในวัยเพียงแค่ 16 ปีเท่านั้น นั่นเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ และเขาไม่มีวันลืมเลือน
“มีหลายครั้งที่ผมเดินเข้าไปที่สโมสร พร้อมกับหยิกตัวเอง และคิดว่า -นี่เรากำลังเล่นกับนักเตะพวกนี้จริงๆหรอ ?- แต่ท้ายที่สุดแล้ว ผมก็เริ่มมีความคุ้นชินกับมัน”การที่เขาก้าวมาเล่นทีมชุดใหญ่ ตั้งแต่อายุยังน้อย รวมถึงการเป็นเพชรเม็ดงามแห่งวงการฟุตบอลอังกฤษ ทำให้ความกดดันถาโถมเข้าหา
โฟเด้น กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “มันไม่เชิงซะทีเดียว ผมแค่เล่นไปตามเกมของตัวเอง พร้อมกับมีความเชื่อในความสามารถของตัวเอง ผมเชื่อมั่นว่า ผมสร้างความแตกต่างได้ มันเป็นแบบนี้ทุกเกมที่ลงสนาม ผมพร้อมใช้ทุกโอกาสที่ผ่านเข้ามาอย่างคุ้มค่า”
“ผู้คนพูดถึงเรื่องของการอุทิศตน และการทำงานหนักอยู่เสมอ คุณต้องทำสองสิ่งนั้นอย่างถูกต้อง หากคุณอยากประสบความสำเร็จในชีวิต หลังจากการฝึกซ้อมเสร็จแล้ว ผมจะพยายามมากขึ้นไปอีก เพื่อทำให้แน่ใจว่า ผมสามารถใช้ประโยชน์สูงสุด จากจุดที่ผมกำลังยืนอยู่”
หนึ่งสิ่งที่หลายคนเป็นกังวล คือการกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงอย่างรวดเร็ว อาจเหมือนกับดาบสองคม ที่เข้ามาพรากความถ่อมตนไปได้ กระนั้น โฟเด้น ยังคงเตือนตัวเองเสมอว่า สองเท้าต้องก้าวไปแบบติดดินเข้าไว้
“ผมคือคนเดิม เด็กที่เติบโตมาในย่านสต๊อคพอร์ท (ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของใจกลางเมืองแมนเชสเตอร์) ผมยังเป็นเด็กคนเดียวกับที่ผู้คนแถวนี้รู้จัก เมื่อผมเดินทางกลับถิ่นเกิด ผู้คนยังปฏิบัติกับผมเหมือนเดิม เหมือนตอนที่ผมเติบโตมา”
นอกจากนี้ การที่โฟเด้น มีลูกตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้ช่วงเวลาวัยรุ่น เปลี่ยนผ่านสู่ความรับผิดชอบ ในการเป็นพ่อคนอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม นั่นคือหนึ่งแรงขับเคลื่อน และพลังงานเชิงบวก ที่เขานำมาใช้ในสนามฟุตบอล
“ผมต้องการให้ลูกๆ ภาคภูมิใจกับทุกสิ่งที่ผมลงมือทำ ผมตื่นมาในทุกวัน พร้อมกับได้ทำในสิ่งที่ผมฝันอยากจะทำ”
“การตกปลา ช่วยเรื่องการเล่นฟุตบอลของผม”โฟเด้น เปลี่ยนมาบรรยายถึงงานอดิเรกของตัวเอง นอกเหนือไปจากการที่เป็นนักฟุตบอลอาชีพ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจเหมือนกัน เพราะการตกปลาไม่ใช่กิจกรรมที่ทำยามว่างทั่วไป โดยเฉพาะกับนักเตะที่เกิดหลังยุคมิลเลนเนี่ยม
“ตอนนั้น ผมอายุราว 6-7 ขวบ พ่อของผมมีเบ็ดตกปลา ท่านบอกว่า เราควรออกไปลองดู จากนั้น ผมตกหลุมรักมัน เราลงเอยด้วยการออกไปตกปลาทุกสัปดาห์ ปลาตัวแรกของผมมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่คุณตื่นเต้นเสมอ เมื่อสามารถตกปลาตัวแรกในชีวิต”
“ผมมองว่าการตกปลาเป็นเรื่องดี โดยเฉพาะเวลาที่คุณเสร็จสิ้นจากการแข่งขันฟุตบอล เพราะคุณต้องการเวลาพักขาบ้าง การตกปลาคือกลยุทธ์อย่างหนึ่ง คุณต้องรู้ว่า จุดตกปลาอยู่ตรงไหน และปลาอยู่ตำแหน่งใด ในระยะที่แตกต่างกัน มีเบื้องหลังมากมายอยู่ในนั้น”
เขายอมรับว่า การตกปลาเป็นส่วนสำคัญ ที่เขานำมาประยุกต์ใช้กับการเล่นฟุตบอลของตัวเองด้วย ทั้งในแง่ของสมาธิ และการนำความคิดแง่ลบออกจากหัว ส่งผลให้เขากลับมามีแรงบันดาลใจอีกครั้ง แม้จะผ่านเกมที่ไม่ดีมาก็ตาม
“การตกปลามีประโยชน์อย่างแน่นอน เป็นการดีที่คุณมีโอกาสล้างหัวของคุณ หลังจากที่คุณผ่านเกมฟุตบอลแย่ๆ ผมพบวิธีการแก้ปัญหาทุกอย่างแล้ว หากคุณมีปัญหาเล็กน้อย คุณแค่ออกไปตกปลา และทำความคิดให้โล่ง”
“ผมพบว่า การตกปลาคือวิธีที่สมบูรณ์แบบ ในการหลีกหนีจากทุกสิ่ง ซึ่งรวมถึงฟุตบอลด้วย เมื่อผมตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ผมจะออกไปตกปลา บางคนไม่รู้ว่า ผมจะทำอะไรบ้าง เมื่อไม่มีการแข่งขัน ผมคิดว่าการหางานอดิเรกที่แตกต่างออกไป ถือเป็นเรื่องสำคัญ ”
โฟเด้น ทิ้งท้ายถึงคำถามที่ว่า การเป็นนักฟุตบอลดาวรุ่งของอังกฤษ และเป็นที่รู้จักกันไปทั่วประเทศ ส่งผลเรื่องการออกไปตกปลาหรือไม่ ? เขาบอกว่า “ผู้คนสังเกตผมเหมือนกัน แต่ผมคิดว่าตัวเองยังไม่ได้เป็นที่ยอมรับอะไรขนาดนั้น หากผมตกปลาอยู่อีกด้านหนึ่งของบ่อ ผู้คนก็จะเห็นผมเดินไปเดินมาอยู่บริเวณนั้น”
