:::     :::

ย้อนความทรงจำกับริโอ-วิดิช

วันเสาร์ที่ 16 เมษายน 2565 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
2,506
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มการเล่นที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก

โดยเฉพาะแผงแนวรับ ที่ถูกวิจารณ์เรื่อยมา เป้าหมายถูกพุ่งเป้าไปยังแฮร์รี่ แม็คไกวร์ ปราการหลัง และกัปตันทีม เจ้าของค่าตัวกว่า 80 ล้านปอนด์ รวมถึงกลุ่มผู้เล่นในแผงหลังคนอื่น ปฏิเสธไม่ได้ว่า แฟนบอลปีศาจแดงจำนวนไม่น้อย ที่คิดถึงภาพกองหลังที่แข็งแกร่งของพวกเขาในอดีต 


หนึ่งในคู่ปราการหลังตัวกลาง ที่ข่วยกันพาทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย นั่นคือคู่ของริโอ เฟอร์ดินานด์ และเนมานย่า วิดิช โดยยังเป็นนักเตะที่สาวกเร้ด อาร์มี่ยังคิดถึงจนถึงทุกวันนี้ 


ช่วงนี้ เราไปย้อนความทรงจำกับสองคู่หูกันหน่อย ผ่านมุมมองของริโอ ที่มองไปที่เพื่อนรักของเขา ซึ่งต้องบอกว่า วิดิช ต้องผ่านแบบทดสอบมาอย่างมากมาย กว่าจะก้าวมาเป็นนักเตะตัวหลัก และครองใจแฟนบอลเป็นผลสำเร็จ 

ริโอ เฟอร์ดินานด์ ย้อนความทรงจำ ที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาวของเดือนมกราคม 2006 การเข้ามาของเนมานย่า วิดิช ที่ย้ายข้ามฟากมาจากดินแดนหมีขาว เป็นการบันทึกอีกเรื่องราว ลงในประวัติศาสตร์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับหนึ่งในคู่ปราการหลังตัวกลางที่ดีที่สุดของสโมสร 


ผมไม่เคยได้ยินเรื่องราวของเขามาก่อนเลยริโอ เริ่มกล่าวถึงวิดิช ที่ย้ายมาจากสปาร์ตัก มอสโก ทีมในลีกสูงสุดของประเทศรัสเซียพูดตามตรง นั่นคือปฏิกริยาแรก เมื่อผมรู้ว่าทีมเซ็นสัญญา และคว้าตัวเขามาร่วมทีม


สิ่งที่ผมรู้ มีเพียงแค่ว่า สโมสรร่วมพรีเมียร์ลีก อย่างลิเวอร์พูล กับแอสตัน วิลล่า อยากได้ตัววิดิข ร่วมทีมเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีอีก 2-3 สโมสรอยากได้ลายเซ็นของเขาอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เขาเลือกที่จะมาเล่นกับเรา


ริโอ บอกว่า วิดิช ต้องกระเสือกกระสนอย่างหนัก เพราะการย้ายจากลีกรัสเซีย มาเล่นในพรีเมียร์ลีก เขาต้องเจอกับแบบทดสอบสุดหินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แถมจังหวะฟุตบอลยังรวดเร็วเป็นอย่างมาก ชนิดที่วิดิช ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต 


อดีตปราการหลังทีมชาติอังกฤษ กล่าวต่อไปว่าการซ้อมครั้งแรก วิดิช ต้องดิ้นรนอย่างหนักหน่วง โดยเฉพาะในแง่มุมของร่างกาย นอกจากนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเรื่องระบบการหายใจด้วย


คุณตระหนักทันทีว่า ความรวดเร็วของการฝึกซ้อมภายในทีม จะทวีความเข้มข้นมากขึ้นในทุกวัน ความคุ้นเคยของเขากำลังเปลี่ยนแปลงไป มันไม่ง่ายสำหรับเขาเลย 


ปัจจัยเหล่านั้น ทำให้ริโอ มองว่า การทุ่มเงินประมารณ 7 ล้านปอนด์ของสโมสร น่าจะเป็นการลงทุนที่สูญเปล่า โดยบอกว่าผมเคยคุยกับเวย์น รูนี่ย์ เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าเราเซ็นสัญญากับนักเตะแบบนี้มาได้ยังไง ?”


ย้อนกลับไปช่วงแรกนั้น เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า วิดิช ยังไม่แข็งแกร่งมากพอ และไม่ดุดันพอ แน่นอนว่า เขาดูไม่เหมือนนักเตะที่จะมาสวมเครื่องแบบของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยซ้ำไป ส่วนตัวผมมองว่า ในฐานะนักฟุตบอลคนหนึ่งแล้ว คุณอาจไม่จำเป็นต้องให้เวลากับผู้คน


คุณเห็นพวกเขา 2-3 ครั้งในการฝึกซ้อม คุณจะตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว นี่คือวัฒนธรรม การตัดสินผู้คนมาอย่างรวดเร็ว โดยในกรณีของเขา มันโหดร้ายมาก ผมเคยคิดว่า วิดิช คงอยู่กับสโมสรอีกไม่นานแน่นอน ไม่มีทางเป็นแบบนั้นเลย 


ริโอ เปิดเผยเรื่องราวหลังจากนั้น โดยเป็นการพิสูจน์ตัวเองของทางวิดิช เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า ความพยายาม และความอ่อนน้อม เป็นเหมือนกับค้อนที่ทุบกำแพงในใจของเขาลงอย่างช้าๆ 


วิดิช แสดงความมุ่งมั่น และทำงานหนักหลายอย่าง เขาใช้เวลามากขึ้นในโรงยิม เพื่อเป็นการเตรียมร่างกายให้พร้อมที่สุด โดยเป็นการเตรียมตัว และปรับตัว เพื่อก้าวเข้าสู่ระดับที่เหมาะสมด้วย เพื่อที่เขาจะได้กระโดดลงสู่การแข่งขันที่แท้จริง


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซื้อตัวเขามา เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เห็นอะไรบางอย่าง ดังนั้น ชัดเจนว่ามีอะไรบางอย่างแน่นอน เขาเล่นด้วยมาตรฐานที่ดีกับสปาร์ตัก มอสโก เขาต้องการเวลา ในการย้ายมาที่นี่


วิดิช เดินทางมาถึงในเดือนมกราคม 2006 ไม่กี่เดือนต่อมา เราก็คว้าแชมป์ลีก คัพ เขาได้รับโอกาสลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศ นั่นคือสิ่งที่ช่วยให้เขามีความมั่นใจอย่างแท้จริง เกี่ยวกับมุมมองของผู้จัดการทีมที่มีต่อเขา

ความสัมพันธ์ของริโอ และวิดิช พัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน จนผลงานในสนาม ยกระดับตามไปด้วย เพียงเวลาไม่นาน ต่างฝ่ายต่างจับคู่กันอย่างรู้ใจ ริโอ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าสำหรับเรา มันเป็นเรื่องที่ค่อยเป็นค่อยไป


ส่วนสำคัญที่เรากลายเป็นสุดยอดคู่หูในสนาม ส่วนหนึ่งเกิดจากการเป็นเพื่อนที่ดีนอกสนามด้วย เราออกไปกินกาแฟ และหาอาหารกิน เราใช้เวลาร่วมกัน ทั้งในสนามซ้อม และหลังการฝึก เราแลกเปลี่ยนมุมมอง ทำให้ผมรู้ว่า เขามีแนวทางในการมองฟุตบอลยังไง และเห็นว่าเขาเก่งเรื่องอะไร


ผมต้องการก้าวขาจากทีมไป ในฐานะคู่ปราการหลังที่ดีที่สุด เท่าที่สโมสรเคยมีมา นี่คือแรงผลักดันของผม คำนิยามที่เหมาะสมกับวิดิช มากที่สุด คงเป็นคำว่าน่าเกรงขาม คุณจะเห็นภาพกองหน้าที่ดวลกับเขา และเห็นความหวาดหวั่นของกองหน้าคู่แข่ง 


วิดิช พร้อมพุ่งเข้าหาบอล และพุ่งเข้าหาคุณ เขาเป็นนักเตะที่เลือดแตกที่จมูกมากที่สุด เท่าที่ผมเคยเล่นร่วมด้วย แม้กระทั่งเกมสุดท้ายของเขากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขายังเดินออกจากสนาม โดยมีเลือดออกที่จมูกอยู่เลย


เขาลงสนามโดยไม่พกคำว่ากลัวลงไปด้วย เปรียบเทียบกับผมหรอ ? ผมไม่เคยจมูกหักในการเล่นฟุตบอลเลย ผมแน่ใจว่าผมต้องปกป้องตัวเอง ในทางกลับกัน เมื่อเขาเห็นลูกฟุตบอล เขาทะยานเข้าใส่ทันที จากนั้น เสียงปะทะดังโครมก็เกิดขึ้น


ผลสุดท้าย เม็ดเงินราว 7 ล้านปอนด์ ถูกแลกมากับการเป็นฟันเฟืองสำคัญ ที่ช่วยพาปีศาจแดงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัย, ลีก คัพ 3 สมัย, คอมมูนิตี้ ชิลด์ 5 สมัย รวมถึงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และสโมสรโลก อีกอย่างละ 1 สมัย 


เขาเป็นคนที่ซ้อมหนักมาก และทำงานหนักด้วย เขาจริงจังในสิ่งที่ตัวเองทำ พร้อมก้าวเข้าสู่เกมด้วยความมุ่งมั่น นั่นคือสิ่งที่เราเห็นกันในตอนสุดท้ายริโอ  ทิ้งท้ายถึงวิดิช

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด