:::     :::

"รอดไม่รอด สู้ไม่สู้?" ชี้ชะตาเดเคอา และอนาคตในระบบของเทน ฮาก

วันอังคารที่ 26 เมษายน 2565 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
3,132
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ชะตาชีวิตของดาวิด เดเคอา กับยุคใหม่ของเทน ฮาก ที่กำลังจะมาถึง ภายใต้ระบบการเล่นที่เปลี่ยนไป การเป็น Shot Stopper ของเขาจะอยู่รอดในยุคเอริค เทน ฮาก หรือไม่ สถิติวิเคราะห์และปัจจัยต่างๆเหล่านี้คือคำตอบที่ดีที่สุด

ต่อเนื่องจากการเริ่มต้น Eric's Era มีข่าวรายงานมาจากสื่อ tier 3 อย่าง Rob Dawson ของทาง ESPN ว่า Erik ten HAg นั้นกังวลเกี่ยวกับความสามารถของดาวิด เดเคอา ว่าจะลงล็อคกับระบบการเล่นของเขาได้หรือไม่ แต่ก็ยอมรับเช่นกันว่า ปัญหาจุดอื่นๆในทีมเราที่จำเป็นต้องแก้ก่อนนั้นก็มีอยู่หลายจุดที่ต้องดำเนินการในซัมเมอร์นี้

ข้อนี้เป็นไปตามที่สันนิษฐานเอาไว้ว่า เรื่องของตำแหน่งผู้รักษาประตูอาจจะไม่ใช่ภาวะเร่งด่วนที่ต้องทำ ในยามที่ทีมมีปัญหาที่จุดอื่นจริงๆ และดาวิด เดเคอา ไม่ได้เป็นปัญหาของทีม กับฟอร์มที่เข้าสู่ช่วงพีคของตำแหน่งผู้รักษาประตูพอดี และระเบิดฟอร์มเซฟอุตลุดสุดชีวิตในทุกๆนัดเท่าที่พี่แกจะทำได้แล้ว แต่ก็ต้านทานความรั่วของแนวรับทีมไม่อยู่จริงๆ

เดเคอา จะยังอยู่ในร่างสุดยอดแบบนี้ไปได้อีก 2-3 ปี และก็มีโอกาสที่เขาจะทำงานภายใต้เอริค เทน ฮาก ไปก่อนอย่างน้อยๆก็น่าจะปีหรือสองปี แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลง

หากหลายๆคนยังจำกันได้ เคสของโจ ฮาร์ท กับ เป๊ป ที่ย้อนเตือนความจำขึ้นมา มันก็ทำให้ฉุกคิดอะไรได้หลายๆอย่าง แต่ถ้าเอามาเทียบกับบริบทของแมนยูตอนนี้ ใครที่ไม่ชอบฝีมือของเดเคอาอยู่แล้วที่เป็นผู้รักษาประตูสาย Shot Stopper ซึ่งไม่ออกมาตัดบอลและเล่นบอลนอกกรอบเหมือนโกลสาย Sweeper Keeper เหมือนพวก อลิซง เบ็คเกอร์ เอแดร์ซอน หรือแม้กระทั่ง ดีน เฮนเดอร์ซอน.. สัน นั่นแหละ

จริงอยู่ เดเคอาอาจจะไม่เข้ากับบอลระบบเท้าสู่เท้า ทะลวงช่องหาตำแหน่ง และ build-up เกมจากแดนหลังของ ETH สักเท่าไหร่ ที่ดูแล้วโกลสาย SK จะเข้ากันได้ดีกว่าสไตล์ SS ของเดเคอา

แต่ ฟอร์มของเดเคอาห่างไกลคำว่าแย่มาก กลับกัน เขาเปิดร่างฝ่ามือหยุดกระสุนแทบทุกนัด เพราะถ้าไม่มีเดเคอา มั่นใจได้เลยว่าแมนยูไนเต็ดร่วงลงไปอยู่ครึ่งตารางล่างๆแน่ๆ อันนี้ไม่ได้พูดเล่น

เมื่อเดเคอาอยู่ในฟอร์มพีคเช่นนี้ กับการที่เราต้องแก้ปัญหาจุดอื่นก่อน อย่างน้อยที่สุด ตามข่าวนี้ก็ตรงกันกับความเป็นจริงที่ว่า เราจะต้องแก้จุดอื่นก่อน ส่วนดาวิด ยังคงเล่นได้ 1-2 ปี ก่อนที่จะตัดสินใจขายเขาออกจากทีม แล้วสร้างผู้รักษาประตูคนใหม่ที่เข้ากับระบบทีมเข้ามา ตามวิชั่นของเอริค เทน ฮาก ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นเชื่อว่าแฟนผีที่รักเดเคอา ก็น่าจะเข้าใจและยอมรับในเรื่องนี้

ดังนั้น ใช้น้องเดกันไปก่อน ไม่มีปัญหาอะไร ไปแก้ที่การเล่นจุดอื่นก่อนดีกว่า นั่นน่ะมะเร็งในทีมของจริง

ไม่ใช่เดเคอา

ทางเลือกอีกอย่างหนึ่งของเทน ฮาก คือดีน เฮนเดอร์สัน กับเงื่อนไขที่เดเคอากำลังจะหมดสัญญาในปี 2023 กับค่าเหนื่อยราว 375,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ก็นับว่าสูงอยู่พอควร

เอริคสามารถเลือกหักดิบในกรณีนี้ได้แบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นด้วยการ ปรับใช้ดีน เฮนเดอร์สัน ลงในเกมพรีเมียร์ลีก เพื่อใช้งานในฐานะโกล Sweeper Keeper ที่เหมาะสมกับระบบของเขา ในขณะที่เดเคอา ก็ไม่ได้อยู่เปล่าๆ ใช้เขาลงในบอลถ้วยต่างๆรวมถึงเกมยุโรปไม่ว่าจะเป็นยูโรปาลีก หรือแม้แต่คอนเฟอเรนซ์ลีกก็ตาม

อย่างน้อยถ้าจะหมดสัญญา ก็ถือว่าได้ใช้งานปีสุดท้ายอย่างเต็มที่ โดยที่ตัวแทนเดเคอา ก็จะเป็นดีน เฮนเดอร์สันเลยแบบไร้รอยต่อ ในยามที่น้องเดก็จะหมดสัญญาพอดีหลังจากที่ใช้งานเขาต่ออีกหนึ่งปี ทางเลือกไหนก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

มีข่าวจาก F.Romano ว่าแมนยูไนเต็ดต้องการจะต่อสัญญากับเดเคอาออกไป ก็ไม่ใช่ข่าวที่แปลกอะไร ในเมื่อนักเตะกำลังอยู่ในช่วงฟอร์มพีค และฝีมือการเซฟก็ถือว่าใช้การได้และมีประสบการณ์มากับการเฝ้าเสาค่อนข้างมาก (ยิ่งกับทีมที่แนวรับรั่วอย่างเรา เดเคอาถูกปั้นแล้วปั้นอีกจากหลายๆยุคมาจนกระทั่งเวลตันซ้ำหลายรอบแล้ว)

การเข้ามาคุมทีมของราล์ฟ รังนิค ก็ได้ทำให้เขารู้จัก "ทีม" ของเราได้ดียิ่งขึ้นว่าข้างในนี้อะไรเป็นอะไร จากการรับหน้าที่ผู้จัดการทีมชั่วคราวในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จนกระทั่งมาถึงช่วงใกล้จะหมดซีซั่นซึ่งเป็นบทสรุปและ "รอยต่อ" ที่จะไปสู่ยุคใหม่ของเทน ฮาก ในฤดูกาลหน้า ราล์ฟ รังนิค เอ่ยถึงกรณีของตำแหน่งผู้รักษาประตูในสโมสรเราเอาไว้ดังนี้

"ผมคิดว่านอกจากตำแหน่งผู้รักษาประตูแล้ว เราจำเป็นต้องทำให้แน่ใจว่าเราจะพัฒนาทีมขึ้นในทุกๆแอเรีย"

ราล์ฟบอกแก่ Sky Sports ในการให้สัมภาษณ์เมื่อไม่นานที่ผ่านมา แม้ตัวรังนิคเองก็ซัพพอร์ตดาวิด เดเคอาอยู่ แต่ผู้รักษาประตูสเปนรายนี้ก็อาจจะยังต้อง "กังวล" กับสถานะของตัวเองอยู่ดี อย่างที่บอกไปแล้วว่า เทน ฮากเองก็มีวิธีการทำทีมที่ชัดเจน และโกลสไตล์เขามันเข้ากับบอลแบบนี้ได้ยาก และเชื่อว่าเทน ฮากก็คงจะอยากได้โกลของตัวเอง ที่สอดรับกับสไตล์การเล่นที่เขาต้องการแน่นอน

แต่ก็ใช่ว่าเดเคอาจะถึงกับเล่นไม่ได้เลยขนาดนั้น เพราะยังไงก็ตาม ฝีมือในการเซฟจังหวะสำคัญๆก็ยังเป็นคุณสมบัติที่จำเป็น ซึ่งก็อย่างที่เห็น ถ้าไม่มีเดเคอาฤดูกาลนี้ แมนยูไนเต็ดจะอยู่ตรงไหนของตารางการแข่งขันก็ไม่รู้ ซึ่งเชื่อว่ามีเลขสองหลักแน่ๆ อย่าหาว่าเราดูถูกทีมเลย เพราะตลอดทุกนัดที่เรานั่งดูเกม แม้ว่าจะทำได้แค่เสมอ หรือ แพ้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เดเคอาเซฟเป็นพัลวัน และลูกยากๆโหดๆทั้งนั้น ในขณะที่ลูกที่โดนยิง นั่นคือเกินกำลังแทบทั้งสิ้น

ฟอร์มของเดเคอาดีกว่ามาตรฐานของเขาขึ้นมามากๆในปีนี้ เพราะสกิลที่เคยขาดอย่างการเซฟจุดโทษ เดเคอาก็พิสูจน์แล้วว่าเขาทำได้ และไม่ใช่นายทวารที่จะเซฟจุดโทษไม่เป็นอีกต่อไป

ลูกเซฟโนเบิ้ลนี่จะเป็นที่จดจำไปอีกนาน สะใจโคตรรรรร

จากสถิติ post-shot xG หรือว่าค่าความน่าจะเป็นประตูหลังจากที่เกิดจังหวะยิงนั้น คิดโดยค่าเฉลี่ยของตัวผู้เล่น จริงๆเดเคอาควรจะต้องเสียประตูมากถึง 50.6 ประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ด้วยซ้ำ โดย based on กับการ "โดนยิง" ที่เขาต้องเผชิญในแต่ละเกม

แต่.. เดเคอาเสียประตูแค่ "41" ประตูเท่านั้นจาก post-shot xG (สถิตินี้ไม่รวมประตู OG ที่เกินกำลังผู้รักษาประตูจะเซฟได้)

นั่นแปลว่า ฟอร์มการเซฟประตูของเดเคอาปีนี้สามารถหยุดประตูแบบจั๋งๆให้ทีมอีกเป็นสิบประตู ไม่งั้นยูไนเต็ดคงจะสภาพเละเทะมากกว่านี้อีกโข

ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นถึง overperformed จากเดเคอาที่ทำได้ดีกว่าความน่าจะเป็นตามสถิติวิเคราะห์ถึง 9.6 ประตูเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของผู้รักษาประตูทั่วไป และก็ดีกว่า Jose Sa ของวูล์ฟด้วย โดยความสามารถในการเซฟลูกยิงของเดเคอาคือจุดแข็งของเขามาตลอดอาชีพที่ลงสนาม

แต่ในมิติอื่นๆที่เป็นจุดอ่อนของเดเคอา ก็ยังเห็นได้เช่นกัน อย่างที่แฟนผีรู้อยู่ โดยสถิติต่อไปที่คิดจากผู้รักษาประตูที่ลงสนามเกินกว่า 1000 นาทีในพรีเมียร์ลีกนั้น เดเคอาออกมาสกัดบอลนอกกรอบเขตโทษต่อเกมน้อยที่สุด อยู่ในอันดับที่ 21 จาก 23 คนของพรีเมียร์ลีก

ก็อย่างที่ทราบกัน น้าเดไม่ใช่สวีปเปอร์คีปเปอร์ และค่าเฉลี่ยของระยะทางจากปากประตูที่เดเคอาป้องกันนั้น เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ราว 13.7 หลา หากเปรียบเทียบกับนักเตะทีมคู่อริอย่าง Alisson Becker คุณหมีแกค่าเฉลี่ยระยะห่างจากประตูที่เซฟนั้นตกอยู่ที่ 17.6 หลา ไกลสุดๆ และก็พอๆกับเอแดร์ซอน ที่เฉลี่ย 16.6 หลา


เท่านั้นยังไม่พอ เรื่องของการหยุดลูกครอส ประเด็นนี้เคยเขียนไปแล้วว่า เรื่องการออกมาตัดบอลครอส สถิติเดก็ค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะหยุดบอลครอสได้เพียงแค่ 3.3% ของการครอสบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษ ซึ่งเดเคอาก็ติดอยู่อันดับ 22 จาก 23 คน (เวรกรรม) ดีกว่าแค่คนเดียวคือ Daniel Bachmann โกลสำรองของวัตฟอร์ด -*-

เรื่องของการเล่นที่ช่วยเรื่องเกมบุกของทีม เดเคอาเองก็ไม่ได้เด่นด้านนี้อยู่แล้ว วาระเรื่องสกิลการจ่ายบอลก็คืออีกการเล่นหนึ่งของเดเคอาที่จำเป็นต้องพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน หลายๆท่านอาจจะมองว่า เพราะทีมไม่มีตัวเก็บบอลแดนกลางที่ดีพอ นั่นก็ถือว่าถูกต้องในส่วนหนึ่ง

แต่ที่เห็นกันบ่อยๆก็ตามระเบียบอยู่แล้วว่า เดเคอามีปัญหาในการเล่นbuild-upบอลจากแนวหลังค่อนข้างบ่อย บางทีโดนกดดันก็มีโอกาสเตะพลาดออกมาให้เห็นค่อนข้างเยอะเวลาที่โดนกดดันจากคู่ต่อสู้

และยิ่งเจอกองหลังที่ชอบคืนหลังแบบ "อิหยังTFวะ?" แบบแฮรี่ แมกไกวร์ ซึ่งเราตำหนิในด้านการเล่นของเขาได้(เพราะมันคืนหลังแย่จริงๆ) ยิ่งกลายเป็นปัจจัยซ้ำเติมเดเคอาไปอีกดอกส์หนึ่งด้วย

พูดง่ายๆว่ารับมือกับการโดนกดดันใส่ผู้รักษาประตูไม่ค่อยดีนั่นเอง

หากว่า เอริค เทน ฮาก เข้ามาติดตั้งระบบการเล่นที่เน้นเรื่องการ build-up จากนักเตะแนวรับ แน่นอนว่าไอ้น้องเดฟของเราเจอกับปัญหาในด้านการเล่นแน่ๆ กับอาแจ็กซ์ยุคETHนั้นก็ขึ้นชื่อในเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "Andre Onana" ก็โด่งดังมากๆในเรื่องของความสามารถ Ball-playing ของเขาที่เป็นมือหนึ่งเน้นๆในยุคของเทนฮากอยู่แล้ว

โอนาน่าจึงเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่ถูกพูดคุยว่าอาจจะเข้ามายังโอลด์แทรฟฟอร์ดก็เป็นได้

แต่ก็นั่นแหละครับ แอเรียอื่นๆที่ราล์ฟ รังนิคบอกว่าเราจำเป็นต้องอัพเกรดขึ้นมานั้น ยังมีอีกเพียบที่เป็นปัญหาจริงๆ และฟอร์มของเดเคอานั้นแย่แค่ในภาคของมิติการเล่นที่เป็น Sweeper Keeper เท่านั้น (การป้องกันนอกกรอบ การตัดบอลโด่ง)

บางทีเทน ฮาก อาจจะต้องใช้เดเคอาไปก่อน หรือ ลองใช้โกล SK แท้ๆอย่าง "ดีน เฮนเดอร์สัน" ไปเลย แล้วประนีประนอมกับDDGด้วยการส่งเขาลงในบอลถ้วย เหมือนที่แซร์คิโอ น้าเอ๊ะ โรเมโร่ เคยเป็นตัวลงบอลถ้วยให้กับทีมเรามาแล้ว

จากนั้นเมื่อเดหมดสัญญา ก็ดันดีน เฮนเดอร์สันขึ้นมารับหน้าที่แทนต่อ แล้วจากนั้นถ้าเฮียฮ๊ากอยากได้ใคร ก็ค่อยซื้อมาเสริมในตลาดที่ 3 หรือ 4 ก็ได้ หลังจากที่ ซ่อม ปะ ผุ ตำแหน่งอื่นๆที่จำเป็นหมดแล้ว ไม่ว่าจะ DM, ST, CB, RW,LB หรือ RB ก็ตาม

ว่าด้วยเรื่องของสถิติวิเคราะห์ เพื่อจะนำไปผนวกกับเกมการเล่นที่ระบบและสไตล์แตกต่างจากทีมในปัจจุบันมาก จากเอริค เทน ฮาก ที่กำลังจะเข้ามาทำทีมนั้น ตัวเลขเชิงประจักษ์ของเดเคอาก็ทำให้เราพอจะคาดเดา(ได้ไม่ยาก) ว่าเขาจะเข้ากับสไตล์ใหม่หรือไม่ และจะต้องทำอะไรอีกมากน้อยแค่ไหนในการปรับปรุงและพัฒนาการเล่นของตัวเอง เพื่อให้สอดรับกับสิ่งที่นายใหญ่คนใหม่ต้องการ

50% ของลูกเตะที่เป็นการเตะจากประตูของเดเคอาในซีซั่นนี้ เป็นการเตะยาวแบบจุดพลุ (launch) ซึ่งการเตะจุดพลุถูกจำกัดความกับลูกเตะที่ "ไกลเกินกว่า 40 หลา"

ครึ่งหนึ่งของ Goal-kicks จากเดเคอา เป็นลูกจุดพลุที่เตะยาวขึ้นหน้า และเมื่อเทียบกับการจ่ายบอลทั้งหมด เดเคอาเตะเล่นบอลด้วยการหวดจุดพลุยาวๆมากเกินกว่า 1 ใน 3 (37%)

ถ้าเทียบกับอลิซง เบ็คเกอร์ และ เอแดร์ซอนแล้ว สองคนนั้นใช้การเตะยาวเพียงแค่ 21.6% และ 23.2% เท่านั้น จากสถิติการจ่ายบอลทั้งหมด

แปลว่าอะไร? แปลว่า นักเตะทั้งสองของซิตี้และลิเวอร์พูล จะไม่เตะยาวโดยไม่จำเป็นนั่นเอง

โกลสายSKอย่างทั้งคู่จะเล่นสั้นร่วมกับแนวหลังเป็นหลัก ทำให้เกมการครองบอลมีความแน่นอนมากขึ้น ซึ่งตรงนี้ส่งผลต่อการเซ็ตบอลจากแดนหลัง รวมถึงเรื่องของวิธีการแกะเพรสเวลาโดนคู่แข่งบีบเข้ามาด้วย

เดเคอาที่เตะจุดพลุบ่อยครั้งกว่า มันก็สะท้อนวิธีการเล่นได้ชัดเจนเหมือนกัน

เดเคอาเป็นผู้รักษาประตูที่ช่วยชีวิตเรามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนจนกระทั่งฤดูกาลที่เลวร้ายแบบนี้ ก็เป็นอีกครั้งที่ตำแหน่งผู้รักษาประตูได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนหลายครั้งมากๆ ซึ่งมันไม่ควรเป็นแบบนั้น (โกลได้รางวัล ก็แปลว่าแนวรับเราห่วยแตกมากไง)

แต่ยังไงก็ตาม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ "Erik ten Hag" ล้วนๆ หากเขาอยากจะเปลี่ยนโฉมการเล่นของทีมให้เป็นระบบที่เข้าเป็นเนื้อเดียวกันจริงๆ ก็คงจะต้องใช้โกลสาย Sweeper Keeper อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เชื่อว่าแฟนผีรู้ดีว่าทัศนคติ และความใจสู้ของเดเคอานั้นมีอยู่เต็มเปี่ยม ในยามที่เพื่อนร่วมทีมฝ่อกันหมดทั้งทีม มีเพียงเดเคอานี่แหละที่ยังสู้และปกป้องประตูให้เราอย่างเต็มที่ และเขา "รู้ดี" ว่าทีมขาดอะไรในการเล่น

แต่เขาไม่ใช่นักเตะ outfield และเดเคอาเจ็บใจอยู่แล้วที่ไม่สามารถช่วยทีมได้มากกว่านี้ ถ้าใครสังเกตคำให้สัมภาษณ์หลังเกมของเดบ่อยๆจะรู้เลยว่า เขานี่แหละคือนักเตะที่ใจสู้มากคนหนึ่งของทีมเรา

เรื่องการเข้ามาของเทน ฮาก เดเคอาพูดถึงในเชิงpositiveมากๆ สะท้อนให้เห็นว่าเขาก็ตื่นเต้น และมีความหวังที่จะสู้กับยุคใหม่ของทีมต่อจากนี้

น้องเดให้สัมภาษณ์เอาไว้ดังนี้

"เรารู้ดีว่าเขาทำอะไรให้กับอาแจ็กซ์บ้าง เขาเกือบจะพาทีมเข้ารอบชิงแชมเปี้ยนส์ลีกได้ เขาพาทีมคว้าแชมป์ลีก และก็ปั้นนักเตะมาแล้วนักต่อนัก ผมตื่นเต้นมากๆนะ ผมคิดว่าเขาทำทีมให้มีการเล่นที่ดีมากๆ ตอนนี้เราจำเป็นต้องโฟกัสกับเกมที่เหลือ แต่เราก็รู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องนี้มากๆ ตอนนี้เราต้องโฟกัสกับอาร์เซนอลและสู้เพื่อท็อปโฟร์ต่อไป (บทสัมภาษณ์นี้พูดก่อนเกมเจอปืนใหญ่)"

"มันรู้สึกดีที่ได้รู้ว่าเขาเริ่มได้ดูการเล่นของเราแล้ว และเตรียมการเรื่องที่เขาสามารถจะเปลี่ยนแปลงทีมเราได้ ผมรอคอยที่จะได้ร่วมงานกับเขามากๆ และแน่นอนว่าเราโฟกัสกับนัดที่เหลืออยู่ สำหรับเราสามแต้มมันจำเป็น ไม่ว่าท็อปโฟร์จะจบหรือไม่ก็ตาม เราต้องโฟกัสกับเกมที่เหลือและชนะให้ได้"

เนี่ยครับ ทัศนคติของเดเคอาเป็นแบบนี้ ค่อนข้างมั่นใจและแน่ใจว่า หมอนี่จะสู้ต่อในยุคของเทน ฮากแน่ๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ถ้าอยากอยู่รอด เดเคอาอาจจะต้องอัพเดทFirmwareของตัวเอง เข้าสู่แพทช์ใหม่ที่ต้องใช้การเล่นนอกกรอบมากขึ้น เล่นบอลด้วยเท้ามากขึ้น ส่วนเรื่องการออกมาตัดลูกโด่งหรือบอลครอส อันนี้ยังถือว่ายกประโยชน์ให้ได้ (เพราะมันเป็นพาร์ทของเกมป้องกัน ไม่เกี่ยวกับเรื่องbuild-up play)

จะยอมตายไปกับการเป็น Shot Stopper หรือจะยอมอัพเกรดเป็น "Shot Stopper Plus" ที่ออกมาเล่นบอลกับทีมมากกว่าเดิม เดเคอาจะเป็นคนที่ให้คำตอบกับเทน ฮากเอง และผมเชื่อว่าแกสู้แน่นอน

อีกนัยหนึ่ง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น การตัดสินใจของเทน ฮากถือเป็นที่สิ้นสุด ไม่ว่าเราจะรักนายทวารอย่าง David de Gea อย่างไรก็ตาม..

การตัดสินใจของเทน ฮาก ถือเป็นไฟนอลในการคุมทีม ที่แฟนผีต้องยอมรับและสนับสนุนเขาให้เต็มที่นับจากสิ้นฤดูกาลนี้

-ศาลาผี-

References

https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-10740529/David-Gea-excited-Manchester-United-announced-Erik-ten-Hag-new-manager.html

https://www.manchestereveningnews.co.uk/sport/football/football-news/manchester-united-de-gea-rangnick-23724212

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด