ว่าที่นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี
ไม่ว่าจะเป็นการลุ้นแชมป์ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล, การลุ้นท็อปโฟร์ที่มี อาร์เซน่อล กับ สเปอร์ส แย่งกันอยู่, พื้นที่ฟุตบอลยูโรปา ลีกที่ก็ยังต่อสู้กันหลายทีม หรือแม้แต่โซนตกชั้นทีจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครที่การันตีว่าร่วงสู่แชมเปี้ยนชิพ
เรียกได้ว่าซีซั่นนี้เป็นปีที่แฟนบอลได้ดูฟุตบอลที่สนุกกันทีเดียว ถึงแม้จะเป็นแฟนของโซนท้ายตารางก็ถือว่ายังมีความหวังในการสู้เพื่อความอยู่รอดกันอยู่
แน่นอนว่าการต่อสู้ของทีมก็ดำเนินต่อไป แต่ผลงานของนักเตะที่แสดงออกมาก็มีผลต่อการลุ้นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีด้วยเช่นกัน
ฤดูกาลที่แล้วด้วยเกมรับอันยอดเยี่ยมของทัพ "เรือใบ" ที่เสียเพียง 32 ประตูน้อยที่สุดในลีกพร้อมเข้าป้ายความแชมป์ทำให้เจ้าของรางวัลนี้เป็นของ รูเบน ดิอาส ที่ลงสนามไปทั้งสิ้น 32 เกม
ส่วนปีนี้จะเป็นของใครไปดูกันว่ามีใครกันบ้างที่เป็นตัวเต็ง
โมฮาเหม็ด ซาลาห์
คนที่จะอยู่ในลิสต์รายชื่อนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีจะขาด โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไปไม่ได้เลย เมื่อนี่คืออีกปีที่เจ้าตัวทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมนำเป็นดาวซัลโวอยู่ในขณะนี้และดูท่าว่าจะไม่น่าจะพลาดซะด้วย
เมื่อมองจากสถิติที่ผ่านมาก็ถือว่าดาวยิงทีมชาติอียิปต์รักษามาตรฐานของตัวเองไว้ได้อย่างดีเยี่ยมกับปีนี้ที่ทำไปแล้ว 22 ประตูกับ 13 แอสซิสต์จาการลงสนาม 31 เกม ถือเป็นผู้นำทั้งสองอย่างเลย
เจาะเข้าไปในผลงานส่วนตัวที่เจอบรรดาทีมใหญ่ทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อาร์เซน่อล รวม 8 เกมทำไปถึง 9 ประตูกับ 4 แอสซิสต์ต้องบอกว่ายอดเยี่ยมเลย โดยมีแค่เกมเดียวที่เจ้าตัวไม่มีส่วนร่วมกับประตูคือนัดที่ทีมบุกชนะ อาร์เซน่อล 2-0 ส่วนที่เหลือไม่ยิงก็แอสซิสต์หรือไม่ก็จัดไปทั้งสองอย่าง
ล่าสุดคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมจากสมาคมผู้สื่อข่าวฟุตบอลอังกฤษไปแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะได้รางวัลนี้จากสถาบันอื่น
อย่างเดียวที่รออยู่คือตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกเท่านั้นซึ่งหากสุดท้ายทีมปาดหน้าเข้าป้ายไปครอง นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีสมัยที่ 2 คงไม่หนีไปไหน
เควิน เดอ บรอยน์
ถือเป็นปีที่ออกสตาร์ทอย่างช้าๆสำหรับ เควิน เดอ บรอยน์ แถมยังเจออาการบาดเจ็บเล่นงาน โดย 10 เกมแรกที่ลงสนามในซีซั่นนี้เจ้าตัวทำได้แค่ 2 ประตูเท่านั้น
แต่ว่าหลังจากนั้นแข้งทีมชาติเบลเยี่ยมเข้าฟอร์มเต็มที่ยิงประตูและแอสซิสต์อย่างต่อเนื่องจนทำให้ปีนี้ถือเป็นปีที่เจ้าตัวทำผลงานได้ดีที่สุดหากเทียบเฉลี่ยต่อเกมด้วยการทำไปแล้ว 11 ประตูกับ 6 แอสซิสต์จาก 26 เกม โดยปีที่ดีที่สุดของเจ้าตัวคือปี 2019/20 ที่ทำ 13 ประตูกับ 20 แอสซิสต์จาก 35 เกม
ในเกมใหญ่โดยเฉพาะกับการเจอคู่แข่งแย่งแชมป์อย่าง ลิเวอร์พูล เจ้าตัวก็ทำประตูได้ทั้งเหย้า-เยือนเลยด้วย ส่วนการเจอกับ เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็สอยตาข่ายได้เช่นกัน
ภาพรวมฟอร์มการเล่นยังถือว่าเป็นรอง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แต่กับช่วงโค้งสุดท้ายยังมีโอกาสอยู่ซึ่งหากทีมได้แชมป์ ก็ช่วยเพิ่มโอกาสได้เป็นอย่างดีเช่นกัน
ซน ฮึง-มิน
เรียกได้ว่าเป็นคนที่แบก สเปอร์ส มาจนถึงจุดนี้เลยก็ว่าได้สำหรับ ซน ฮึง-มิน เมื่อดาวยิงตัวความหวังอย่าง แฮร์รี่ เคน โดนความผิดหวังที่ไม่ได้ย้ายทีมจู่โจมจนฟอร์มตกไปในช่วงครึ่งซีซั่นแรก
34 เกมในซีซั่นนี้สตาร์ทีมชาติเกาหลีใต้พลาดการลงสนามไป 4 เกม กับสถิติทำ 17 ประตูเท่ากับที่ทำได้ตลอดฤดูกาลที่แล้วพร้อมมีอีก 7 แอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีก พาให้ทีมมีลุ้นพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอยู่ในขณะนี้
ช่วงหลัง แฮร์รี่ เคน เพิ่งฟื่นตัวกลับมาทำได้ดีกับการประสานงานร่วมกัน ไม่อย่างนั้นสถิติส่วนตัวของ ซน ฮึง-มิน ต้องดีกว่านี้อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะคู่นี้มักเกื้อหนุนกันอยู่เสมอ
อีก 5 เกมที่เหลือของทีมถือว่าหนักใช่ย่อยไล่ตั้งแต่เจอ เลสเตอร์ ซิตี้ (เหย้า), ลิเวอร์พูล (เยือน), อาร์เซน่อล (เหย้า), เบิร์นลี่ย์ (เหย้า) และ นอริช ซิตี้ (เยือน) จะบอกว่าท็อปโฟร์อยู่ในมือของพวกเขาเอง
เช่นเดียวกับตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีที่ได้วัดกัน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ตรงๆ รวมถึงโอกาสโค่น "ปืนใหญ่" แซงคว้าท็อปโฟร์ น่าจะเพิ่มคะแนนให้ ซน ฮึง-มิน ได้ไม่น้อยเลย
เฟอร์จิล ฟาน ไดค์
ความแข็งแกร่งในแนวรับของ ลิเวอร์พูล คงต้องยกความดีความชอบให้กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ไปเต็มๆ โดยซีซั่นนี้ "หงส์แดง" เสียไปเพียงแค่ 22 ลูกเท่านั้น มีแค่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (21 ลูก) ทีมนำที่น้อยกว่า
หากนับเฉพาะการลงเล่นของเซนเตอร์ทีมชาติฮอลแลนด์ 31 เกมที่ลงสนามปล่อยให้คู่แข่งไปส่งบอลสู่ก้นตาข่ายได้เพียงแค่ 19 ลูกเท่านั้นเอง แถมยังทำประตูให้ทีมได้ 3 ลูกบวกกับ 1 แอสซิสต์ด้วย
ที่ต้องยกให้เป็นความชอบของ ฟาน ไดค์ เพราะการบัญชาเกมรับอันยอดเยี่ยมทำให้แบ็กทั้งสองข้างทั้ง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ แอนดี้ โรเยิร์ตสัน เติมเกมรุกอย่างสนุกโยไม่ต้องห่วงพะวงด้านหลังกันเลย
ไม่ใช่เรื่องแปลกหากชื่อของ ฟาน ไดค์ จะอยู่ในลิสต์คนท้ายๆที่จะได้รางวัลนี้ แม้สุดท้ายจะไปไม่ถึงฝั่งฝัน แต่ยังไงก็ต้องมีชื่อติดแน่นอน
แบร์นาร์โด้ ซิลวา
ท่ามกลางกองกลางของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีล้นทีมและ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทำการโรเตชั่นอยู่เสมอ แบร์นาร์โด้ ซิลวา คือนักเตะที่ได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องที่สุดในทีม
หากไม่นับ เอแดร์ซอน ที่เป็นผู้รักษาประตูแล้วสตาร์ทีมชาติโปรตุเกสคือนักเตะที่ลงสนามมากที่สุดในศึกพรีเมียร์ลีก 31 เกมเท่ากับ ชูเอา กานเซโล่ โดยไม่ได้เล่นเกมแรกของฤดูกาลที่ทีมแพ้ สเปอร์ส 0-1 และเกมล่าสุดที่ชนะ วัตฟอร์ด เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเท่านั้น
นอกจากจะเล่นด้วยความขยันแบบไม่รู้จักเหนื่อยแล้ว แบร์นาร์โด้ ยังมีทีเด็ดทั้งในเรื่องของการจ่ายบอลและการทำประตู ไม่แปลกที่เจ้าตัวจะเป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จของทีมอย่างต่อเนื่อง
ผลงาน 8 ประตูกับ 3 แอสซิสต์อาจจะดูไม่มากมายเมื่อเทียบกันคู่แข่งรายอื่น แต่เขาคือคนที่คอยปิดทองหลังพระให้เพื่อได้เล่นกันง่ายอย่างแท้จริง