66 คะแนนจาก 34 เกมตอนนี้ นำหน้า อาร์เซน่อล อันดับ 4 เพียง 3 คะแนน และนำ สเปอร์ส ที่อยู่ในอันดับ 5 อยู่ 5 คะแนน ซึ่งต้องจะว่าเยอะก็เยอะ จะว่าน้อยก็น้อยในอีก 4 เกมที่เหลือ

         ในภาพรวมของปีนี้จะบอกว่าเป็นฤดูกาลที่น่าผิดหวังก็สามารถพูดได้แบบนั้นแม้จะเข้าชิงชนะเลิศบอลถ้วยในประเทศทั้งสองรายการ (แพ้ชิงคาราบาว คัพไปแล้ว) ส่วนในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกก็ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายไป เพราะเป้าหมายหลักในพรีเมียร์ลีกกลับหลุดวงโคจรไปตั้งแต่เหลืออีกเป็นสิบเกม

         ถือเป็นปีแรกที่ โธมัส ทูเคิ่ล ได้ทำงานเต็มตัว ซึ่งทีมก็ไม่ได้เสริมทัพตัวใหญ่อะไรมากมาย มีแค่ โรเมลู ลูกากู คนเดียวเท่านั้น ซึ่งนักเตะหลายคนก็ทำผลงานได้ดี ในทางกลับกันก็มีนักเตะที่ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังเช่นเดียวกัน

         ลองไปดูกันว่าใครบ้างที่ทำผลงานไม่เข้าเป้า และไม่แน่ว่าจบฤดูกาลนี้อาจจะต้องหาสโมสรใหม่ด้วย

คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย

         จากที่เคยเกือบจะย้ายทีมอยู่รำไรโดยมี บาเยิร์น มิวนิค ที่อยากจะได้ตัวไปร่วมทีม สุดท้านเลือกจะอยู่ค้าแข้งในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ต่อ

         ด้วยระบบการเล่น 3 เซนเตอร์ของ โธมัส ทูเคิ่ล ทำให้ตำแหน่งในแนวรุกมีที่เหลือไม่มากนัก ทำให้ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย แทบไม่ได้โอกาสลงเล่นในแดนหน้าเลยด้วยทีมที่มีแข้งแนวรุกเพียบอยู่แล้วด้วยเลยยิ่งเป็นปัญหา

         หลายครั้งเราได้เห็นแข้งชาวอังกฤษถูกถอยลงไปเล่นในตำแหน่งวิง-แบ็ก แต่ก็ไม่ใช่ตำแหน่งที่ถนัด แม้เกมรุกจะมีส่วนร่วมกับทีม แต่ยามที่ต้องลงไปเล่นเกมรับกลสยเป็นภาระของเพื่อนซะมากกว่า

         โดยเฉพาะกับการเล่นทางขวาที่ทีมมี รีซ เจมส์ จองตำแหน่งอยู่แล้วยิ่งยาก ไหนจะแนวรุกที่แต่ละคนล้วนดูดีกว่าทั้ง ฮาคิม ซิเย็ค, ไค ฮาแวร์ตซ์, ทิโม แวร์เนอร์, เมสัน เมาท์ และ คริสเตียน พูลิซิช

         ปีนี้ลงสนามรวม 28 เกมทำได้เพียง 3 ประตูกับ 6 แอสซิสต์ ก่อนที่จะรับบาดเจ็บและพักรักษาตัวมาตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ จบฤดูกาลนี้หากได้เจ้าของใหม่เรียบร้อยและสโมสรสามารดำเนินเรื่องซื้อ-ขายนักเตะได้อาจจะต้องทบทวนอนาคตของตัวเองอีกครั้ง

คริสเตียน พูลิซิช

        แม้ว่าจะมีช่วงเวลาที่ดีหลายต่อหลายครั้งภายใต้ยุคของ โธมัส ทูเคิ่ล แต่ความต่อเนื่องคือปัญหา นั่นทำให้สตาร์ทีมชาติสหรัฐฯได้ออกสตาร์มตัวจริงในพรีเมียร์ลีกเพียง 10 เกมเท่านั้นในฤดูกาลนี้

        ด้วยอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าและการเผชิญกับไวรัสโควิด-19 ในช่วงต้นซีซั่นทำให้เจ้าตัวหายหน้าไปร่วม 2 เดือน พอกลับมาก็ไม่ได้รับโอกาสมากนัก หนสุดท้ายที่อยู่ในสนามเต็ม 90 นาทีในเกมลีกต้องย้อนไปไกลร่วม 2 เดือนในนัดที่ทีมบุกชนะ เบิร์นลี่ย์ 4-0 ที่เจ้าตัวทำ 1 ประตูกับ 1 แอสซิสต์

        จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ทำให้ มาร์ค พูลิซิช ถึงกับออกมาตัดพ้อผ่านทางทวิตเตอร์ส่วนตัวด้วยความหมายเป็นนัยว่าลูกชายอาจจะหาสโมสรใหม่หากยังเป็นแบบนี้ก่อนที่จะลบทิ้งไป แต่นั่นก็ไม่รอดบรรเหยี่ยวข่าวแดนผู้ดีที่แคปเอาไว้ได้และนำออกมาเผยแพร่กัน

         7 ประตูกับ 4 แอสซิสต์จากการลงสนาม 34 เกมทุกรายการในซีซั่นนี้ อาจจะไม่ถึงขั้นเลวร้าย แต่ก็ต้องบอกว่าผิดหวังอยู่ดีนั่นแหละ

รอสส์ บาร์คลี่ย์

         มาถึงจุดนี้คงต้องบอกแล้วว่า รอสส์ บาร์คลี่ย์ ไม่ดีพอที่จะเป็นนักเตะของ เชลซี อย่าว่าแต่ลงสนามเป็นตัวจริงให้กับทีม แค่ตัวสำรองบางครั้งต้องบอกว่ายังยาก

         เป็นเวลาเกือบ 5 เดือนแล้งที่เจ้าตัวไม่ได้ลงสนามในพรีเมียร์ลีกให้กับสโมสร ครั้งสุดท้ายต้องย้อนไปเมื่อกลางเดือนธันวาคม ในเกมที่ เชลซี เปิดบ้านเสมอกับ เอฟเวอร์ตัน 1-1 

         ซีซั่นนี้ รอสส์ บาร์คลี่ย์ ลงเล่นเพียง 12 เกม โดยมี 4 เกมที่ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง และไม่มีประตูหรือแอสซิสต์ให้กับทีมเลยแม้แต่ลูกเดียว และไม่เคยอยู่ในสนามเต็ม 90 นาทีอีกด้วย

         กับสัญญาที่เหลือจนถึงปี 2023 แต่ทาง "สิงห์บลูส์" คงไม่เก็บเอาไว้จนถึงตอนนั้น จบซีซั่นนี้คงโดนปล่อยออกไปไม่ว่าจะเป็นการขายขาดหรือยืมตัวก็ตามแต่

ซาอูล ญีเกซ

         จากกองกลางระดับแถวหน้าของลา ลีกา สเปน มิดฟิลด์วัย 27 ปีที่ช่วงหลังโดน ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ดร็อปออกจากทีมบ่อยครั้งออกมาหาความท้าทายใหม่กับ เชลซี ด้วยสัญญายืมตัว

        เมื่อครั้งที่มีการเซ็นสัญญาตอนช่วงซัมเมอร์เหล่าสาวกสิงโตน้ำเงินต่างแสดงความยินดีที่ทีมจะได้กองกลางระดับยุโรปมาร่วมทีม แต่กลับกลายเป็นครละเรื่องเลย

         การได้ลงประเดิมสนามตั้งแต่นัดแรกของพรีเมียร์ลีกดูจะเป็นนิมิตรหมายอันดี แต่เจ้าตัวกลับอยู่ในสนามแค่ครึ่งแรกเท่านั้นก่อนจะโดนเปลี่ยนตัวออก และผลงานในเกมนั้นแฟนบอลถึงกับต้องส่ายหัว

         เก็บบอลไม่ได้ แย่งบอลก็ไม่ได้ เข้าปะทะก็เป็น ทุกอย่างดูผิดเพี้ยนไปหมด ตอนแรกเข้าใจว่าคงต้องใช้เวลาปรับตัวสักหน่อย แต่ว่าแต่ละเกมที่ผ่านมาทุกอย่างก็ยังไม่ดีขึ้นอย่างที่หวัง

         ประตูเดียวที่ทำให้กับทีมได้ในซีซั่นนี้มาจากเกมบอลถ้วยอย่างเอฟเอ คัพที่เจอกับทีมรองบ่อนอย่าง ลูตัน ซึ่งมาจากการมีส่วนร่วมกับเกมรวม 21 นัด

         ถ้าถึงขนาดโอกาสยังเป็นรอง รูเบน ลอฟตัส-ชีต จบซีซั่นนี้คงกลับไปอยู่กับ แอตเลติโก มาดริด ตามเดิมดีกว่า

โรเมลู ลูกากู

         อันดับหนึ่งของรายชื่อนักเตะที่ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังของฤดูกาลนี้คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก โรเมลู ลูกากู นั่นเอง

         97.5 ล้านปอนด์คือเม็ดเงินที่ เชลซี ทุ่มลงไปเพื่อดึงหัวหอกทีมชาติเบลเยี่ยมกลับมาอีกครั้งเพื่อหวังว่าจะให้เข้ามาช่วยผลิตสกอร์ในฐานะกองหน้าตัวเป้าที่ทีมมีปัญหามาตลอดเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แม้ว่าจะไปถึงตำแหน่งแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกก็ตาม

         หลังจากออกสตาร์ทอย่างร้อนแรงทำ 3 ประตูจาก 3 เกมในพรีเมียร์ลีก กองหน้าร่างใหญ่ก็ค่อยๆหลุดฟอร์มไปดื้อๆ บวกกับเจออาการบาดเจ็บเล่นงาน เท่านั้นไม่พอยังไปให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาของตัวเองแถมบอกคิดผิดที่ย้ายออกจาก อินเตอร์ มิลาน กลายเป็นชนวนความไม่พอใจอย่างมากของทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสโมสร

         ร้อนถึง โธมัส ทูเคิ่ล ต้องเรียกเข้าไปเคลียร์เป็นการส่วนตัว แม้จะมีรายการว่าเข้าใจกันเป็นที่เรียบร้อยแต่ฟอร์มการเล่นของ ลูกากู ก็ยังไม่ดีขึ้น

         แม้จะทำประตูได้ทั้งในรอบตัดเชือกและรอบชิงชนะเลิศช่วยทีมคว้าแชมป์สโมสรโลกมาครอง แต่เมื่อกลับมาเล่นในลีกก็เหมือนเดิม แถมช่วงหลังหลุดเป็นตัวสำรองไปเลยด้วย

         12 ประตูกับ 2 แอสซิสต์จาก 40 เกมทุกรายการต้องบอกว่าน่าผิดหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเจาะลึกลงไปในผลงานแต่ละเกมที่แทบไม่มีส่วนร่วมกับเกมเลย

         ถึงกระนั้นก็ยังเชื่อว่าชื่อของ ลูกากู จะยังขายได้อยู่หาก เชลซี จะขายออกจากทีมก็คงมีหลายสโมสรที่อยากจะได้ตัว แต่ราคาก็คงจะไม่ถูกอย่างแน่นอน