:::     :::

วันสุดท้ายของ "เจ้าชายกระต่ายแก้ว"

วันพฤหัสบดีที่ 05 พฤษภาคม 2565 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
932
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
รูดม่านปิดฤดูกาลอย่างสมบูรณ์แบบ สำหรับศึกลูกหนังรีโว่ไทยลีก ประจำฤดูกาล 2021-22 ซึ่งเต็มไปด้วยรสชาติอันหลากหลาย

โดยแชมป์ตกเป็นของ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่โชว์ฟอร์มคงเส้นคงวาที่สุด ซึ่งกลายเป็นแชมป์สมัยที่ 7 ของสโมสร ทำให้ “มาซาทาดะ อิชิอิ” กลายเป็นกุนซือเลือดซามูไรคนแรกที่คว้าแชมป์ไทยลีกสำเร็จ 

ส่วน จักรพันธ์ แก้วพรม ยังครองตำแหน่ง “มิสเตอร์ไทยลีก” หลังคว้าแชมป์รวมกัน 8 สมัย แบ่งเป็นสมัยค้าแข้งอยู่ เมืองทอง ยูไนเต็ด 1 สมัย และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 7 สมัย 


ขณะที่ ปิยพล ผานิชกุล ยังสร้างสถิติไปอยู่ไหนก็ได้แชมป์ เพราะเคยพาทั้ง เมืองทอง ยูไนเต็ด, ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด และ “ปราสาทสายฟ้า” เฮ 

ส่วนรองแชมป์ตกเป็นของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่เครื่องร้อนช้าไปหน่อย ตามมาด้วยอันดับ 3 ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด พร้อมโควต้าไปเล่น ACL รอบเพลย์ออฟ 

ด้าน เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่คว้าอันดับ 4 ต้องเชียร์ให้คู่ปรับ “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” คว้าแชมป์ช้าง เอฟเอ คัพ จึงจะได้โควต้าไปเล่นศึก ACL รอบเพลย์ออฟ 

ขณะที่ 3 ทีมตกชั้นกลายเป็น เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ที่นำหน้าไปก่อนเพื่อน ตามด้วย สุพรรณบุรี เอฟซี และปิดท้ายด้วย สุมทรปราการ ซิตี้ ที่ยื้อชีวิตบนลีกสูงสุดไม่สำเร็จ 

ฝั่งดาวซัลโว แฮมิลตัน ซัวอาเรส ของหนองบัว พิชญ คว้าไปครองหลังที่ยิงไป 19 ประตู จอมแอสซิสต์เป็นของ ปกรณ์ เปรมภักดิ์ ที่ทำไป 11 ครั้ง

หลังจากกลิ่นแชมเปญบนความปรีดา และคราบน้ำตาแห่งความเศร้าจางหาย แฟนบอล “เดอะ แรบบิท” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ต้องออกอาการซึม เพราะ “เบนซ์” พีรพงศ์​ พิชิตโชติรัตน์ ตำนานนักเตะของพวกเขาเตรียมอำลาสนาม


ดาวเตะฉายา “เจ้าชายกระต่ายแก้ว” อยู่ค้าแข้งกับทีม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ตั้งแต่สมัยเป็นสโมสร ธนาคารกรุงไทย เดิม 

พอทัพ “วายุภักษ์” ถูกกลุ่ม “บางกอกกล๊าส” เข้ามาเทคโอเวอร์เขาก็ย้ายมาอยู่กับสโมสร พร้อมก้าวมาเป็นตัวหลักให้กับทีมมาอย่างต่อเนื่อง

แต่ปี 2014 ทีมมีการเปลี่ยนแปลงทั้งกุนซือและเปลี่ยนถ่ายนักเตะ ทำให้เขาต้องย้ายไปค้าแข้งกับ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ในเลกแรก

และเลก 2 เขาก็กลับมาสู่ทีมอีกครั้ง ก่อนพาทัพ บางกอกกล๊าส เอฟซี ชื่อเดิมในขณะนั้น คว้าแชมป์ ช้าง เอฟเอคัพ มาครองได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นโทรฟี่อย่างเป็นทางการใบแรกของสโมสรอีกด้วย 


ชีวิตลูกหนังของ “พีรพงศ์” กับ “บีจี ปทุม ยูไนเต็ด” ถึงจุดแตกหักอีกครั้ง ในปี 2019 เมื่อเขาไม่อยู่ในแผนการทำทีมและสัญญาหมดลงพอดี ทำให้ต้องย้ายไปอยู่ ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด อีกหน 

ซึ่งการไปค้าแข้งกับทัพ “กว่างโซ้งมหาภัย” เขาพาทีมสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ไทยลีก มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ถือเป็นแชมป์ลีกครั้งแรกของสโมสรด้วย 

ก่อนที่โชคชะตาจะนำ “พีรพงศ์” คัมแบ็คสู่รั้วบีจี สเตเดียม อีกคำรบ ในปีต่อมา ซึ่งเขาก็พาทีมคว้าแชมป์ไทยลีก มาครองสำเร็จในปี 2020-21 ซึ่งถือเป็นแชมป์ลีกครั้งแรกของสโมสร


แม้ในฤดูกาลนี้เขาจะตกเป็นตัวสำรองทั้งฤดูกาล เพราะต้องเปิดทางให้รุ่นน้องอย่าง สารัช อยู่เย็น, ฉัตรมงคล ทองคีรี, เชาว์วัตน์ วีระชาติ และวรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ลงสนาม

แต่นอกสนามเขายังเป็น “พี่ชาย” ที่แสนดี คอยดูแลน้องๆ ทำตัวเป็นมืออาชีพ ไม่งอแง สร้างสปิริตในทีม จนเพื่อนร่วมทีมต่างเคารพรัก 

การที่เพื่อนร่วมทีมแห่เข้ามาดีใจจังหวะทำประตูในเกมชนะ ชลบุรี เอฟซี ไป 4-1 เป็นการการันตีได้ว่า “เขาเป็นที่รัก” ของทุกคนจริงๆ 

ส่วนฉากจบสุดท้ายบนฟลอหญ้าเต็มไปด้วยความสมบูรณ์เหลือเกิน เพราะได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมลงสนามในฐานะตัวจริง ได้ลงเล่นในสนามที่คุ้นเคยครั้งสุดท้าย และยิงประตูได้ต่อหน้าแฟนบอลของตัวเองได้อีก


ตลอด 10 กว่าปีบนถนนลูกหนังไทย แม้ “พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์” จะไม่ได้เป็นนักเตะที่แฟนบอลไทยรู้จักมากนัก 

แต่สำหรับสาวก “เดอะ แรบบิท” แล้ว เขาคือหนึ่งในตำนานของทีมอย่างแท้จริง และเต็มไปด้วยความเป็นมืออาชีพ 

ถึงบรรทัดนี้คงต้องบอกว่าขอให้โชคดีกับเส้นทางใหม่ครับ…เจ้าชายกระต่ายแก้ว


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด