:::     :::

"Heroes"

วันศุกร์ที่ 06 พฤษภาคม 2565 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
1,960
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ข่าวที่ถูกตัดทอนเพื่อ "เสี้ยม" ให้แฟนบอลแมนยูรู้สึกแย่ เสียงลือถึงอาการบาดเจ็บที่บางคนคิดไปเองว่าเขา "ไม่ได้เจ็บจริง" และไม่ทุ่มเทให้สโมสร คำตอบทุกอย่างที่เกี่ยวกับ เอดินสัน คาวานี่ อยู่ในบทสัมภาษณ์แบบเต็มครั้งนี้ ที่จริงๆเราควรรู้กันอยู่แล้วว่านักเตะผู้นี้เป็นมืออาชีพขนาดไหน และนี่คือคำตอบ..

"พูดกันแบบจริงๆเลยนะ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเซ็นสัญญาคริสเตียโน่มา ในโลกของฟุตบอลที่ผมไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก สิ่งแรกที่ผมทำเลยก็คือยกหูโทรหาพี่ชายผมแล้วคุยกะเขาว่า ถ้าการเซ็นสัญญาเกิดขึ้นเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ผมคงขอให้เขาหาสโมสรอื่นให้"

"แต่ไม่ใช่เพราะว่าผมไม่อยากเล่นร่วมกับเขานะ ผมมีโอกาสได้เจอกับเขา และเขาเป็นมืออาชีพที่ยอดเยี่ยมมาก แต่เท่าที่ผมเรียนรู้อะไรหลายสิ่งจากการลงเล่นฟุตบอลมานานว่าหลายๆสิ่งเป็นยังไง นั่นถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมจึงได้โทรหาพี่ของผม"

"ยังมีอะไรอีกหลายเรื่องที่จะทำให้เข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่เพราะผมไม่ได้ลงเล่นในตำแหน่งของตัวเองกับแมนยูไนเต็ด แต่มันมีอะไรหลายๆสิ่งในเรื่องของฟุตบอลที่แตกต่างออกไปจากในอดีตหลายๆปีก่อนหน้านี้ที่มันเคยเป็นมา จากโค้ชต่างๆมากมาย"

"การที่มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันตั้งตัว ผมก็แค่คิดว่า อยู่เล่นต่อไป ทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วกัน"

"ช่วงเวลาที่ผ่านมา ทั้งเรื่องอาการบาดเจ็บที่ทำให้ผมไม่ค่อยได้ลงสนามในซีซั่นนี้ ผมผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากหลายๆอย่างซึ่งมันแตกต่างจากปีที่แล้วอย่างมาก"

"หลังจากนั้นสองสามเดือน ผมก็โทรคุยกับพี่ผมอีกครั้งและบอกว่า จำตอนที่นายพูดเอาไว้ช่วงเริ่มต้นฤดูกาลได้ไหม ก่อนที่ซีซั่นนี้จะเริ่ม เห็นไหม ฉันพูดออกมาด้วยความสัตย์จริง ไม่มีอะไรปิดบังทั้งนั้น มันไม่มีความลับในโลกฟุตบอล ทุกอย่างเกิดจากสิ่งที่เราสร้างกันมา และผมก็มีมุมมองเรื่องฟุตบอลที่ไม่มีใครเอาไปจากผมได้"

"ผมโทรหาพี่และบอกไปแบบนั้น เพราะเขาเหมือนกับว่า เอาน่าเอดี้ คิดบวกเข้าไว้ นายทำได้ดีแล้ว ผมก็ตอบเค้าไปว่า ใช่ เฟร์นานโด ฉันไม่ได้มีอะไรค้างคาใจว่ามันจะเป็นแบบนี้ แต่เดี๋ยวค่อยมาดูแล้วกันว่าเวลาผ่านไปมันจะเป็นยังไงบ้าง แล้วทุกๆอย่างก็เกิดขึ้นตามลำดับ แล้วมันก็เป็นแบบนั้น เหมือนทุกที่ที่เคยผ่านมาแล้ว"

"แต่ว่าวิธีคิดของฉัน และมุมมองต่อฟุตบอลมันคือเหตุผลที่ทำให้ผมอยู่ นับจากเดือนแรกและจากนั้นเรื่อยมา แล้วปัญหาอาการบาดเจ็บก็เกิดขึ้น แต่มันก็เป็นอีกห้วงเวลาสั้นๆเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเท่านั้นเอง"

นี่คือคำพูดจากเอดินสัน คาวานี่ ที่ให้สัมภาษณ์กับ ESPN Brasil เปิดเผยถึงเรื่องราวในช่วงต้นฤดูกาลที่เราคงยังจำกันได้ว่าตอนนั้นต้องลุ้นกันสองต่อเรื่องที่โด้จะไปซิตี้

แล้วพอมาพลิกมาอยู่กับยูไนเต็ด ก็ต้องลุ้นคาวานี่อีกว่าจะย้ายออกหรือไม่ สุดท้ายแล้วเขาก็เลือกค้าแข้งต่อในปีนี้จนครบตามระยะเวลาสัญญาที่ต่อออกมาอีกหนึ่งปี (สัญญาคาวานี่เป็นลักษณะของการขยายระยะเวลาตามเงื่อนไข)

มีข่าวมาตลอดว่า ทาง Boca Juniors เป็นตัวเต็งที่จะได้ดาวยิงนักธนูรายนี้ไปร่วมทีม โดยเฉพาะช่วงที่ใกล้จะหมดสัญญาในซีซั่นนี้ แต่เอเย่นต์ของคาวานี่ ซึ่งเป็นพี่ชายต่างบิดามารดาของเขาอย่าง Walter Fernando Guglielmone (เอดี้เรียกเขาว่า เฟร์นานโด) อดีตนักเตะทีมชาติอุรุกวัยเช่นกันนั้น ก็ตอบเรื่องข่าวลือดังกล่าวว่า

"ในตอนนี้มันยังไม่จริง ทุกอย่างเป็นพลวัตเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว แต่เป้าหมายหลักๆ เขาต้องการจะเล่นต่อที่ยุโรปในเบื้องต้น"

มีทีมในลาลีกาสนใจเขา แต่อาการบาดเจ็บก็อาจจะเป็นปัญหาต่อการย้ายทีมในซีซั่นหน้าหลังจากที่กำลังจะเป็นฟรีเอเย่นต์หมดสัญญาหลังจบฤดูกาลนี้กับแมนยูไนเต็ด

ประเด็นเรื่องของคาวานี่ มันมีข่าวมากมายที่ลือกันไปต่างๆนานาว่า นักเตะแกล้งเจ็บ ไม่เต็มที่กับสโมสร แฟนบอลมากมายทั้งไทยและเทศเชื่อว่ามันคือ "Fake injury report" เนื่องจากเขาเจ็บบ่อยและพลาดการลงสนามไปเยอะมากตลอดทั้งฤดูกาล

คาวานี่ได้ลงสนามทั้งซีซั่นในทุกรายการ รวมแล้วแค่ 776 นาทีเท่านั้น ถ้าเป็นการคำนวณสถิติต่างๆปกติแล้วจะใช้เป็น Minutes played divided by 90 วัดเฉพาะเกมลีก

ถ้าหารออกมาเปรียบเทียบเป็นการลงเต็มๆเกม 90 นาที เฉลี่ยแล้วคาวานี่ได้เล่นเต็มๆแค่ "7 เกม" เท่านั้น จาก 36 นัดที่ผ่านมา

ถ้าดูแบบผ่านๆ สถิติที่ส่วนใหญ่มักจะนำเสนอกันก็คือตัวเลข 18 นัด รวมทุกรายการ(จนถึงตอนนี้) เหมือนจะเยอะ แต่แทบทุกนัดเป็นการลงในฐานะตัวสำรองช่วงครึ่งหลังแทบทุกเกม ทั้งในยุคโอเล่ และ ราล์ฟ รังนิค)

สถานการณ์ของคาวานี่ย่ำแย่ทั้งโอกาส สถานะที่สโมสรที่ยังไงก็คงต้องลงไปเป็นสำรองสถานเดียว เพราะเราไม่สามารถส่งกองหน้าที่อายุ 34 กับ 37 ลงสนามพร้อมๆกันได้ทั้งคู่ ในยามที่ระบบทีมใช้กองหน้าตัวเป้าแค่คนเดียว และหลายๆครั้งต้องใช้พละกำลังบดกับคู่แข่งที่สดและฟิตในพรีเมียร์ลีก

นอกจากนั้น ปัญหาอาการบาดเจ็บยังมาซ้ำเติมเข้าไปอีกเรื่อง ทั้งจากที่สโมสร และจากเกมทีมชาติอุรุกวัย ซึ่งโชคร้ายมาก เพราะปกติคาวานี่จะอยู่ในสถานะตัวสำรองทีมชาติเช่นกัน แต่เกมที่เขาลงตัวจริง ก็บาดเจ็บและต้องออกจากเกมก่อน

จากการติดตามดูตลอดทั้งซีซั่น อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นคือของจริงแน่นอน มันไม่ใกล้เคียงเลยกับเรื่องที่แฟนบอลต่างๆเห็น "สถานการณ์" ที่เกิดขึ้น ทำให้มโนไปเองว่าคาวานี่ "เจ็บการเมือง"

เข้าใจว่ามันชวนให้คิด เพราะหายไปหลายเกมจริงๆ แต่อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นมันของจริง ไม่ใช่รายงานโกหก

แฟนบอลควรจะแยกแยะก่อน อย่างแรกคือ เรื่องที่เขาเจ็บออดๆแอดๆเนี่ย "จริงแน่นอน" (แหงล่ะ) ข้อนี้รับประกันได้ว่านี่เป็นเรื่องที่ทำให้ตัวเขาเองพลาดโอกาสลงสนาม รวมถึงสโมสรก็ไม่มีตัวสำรองคอยช่วยคริสเตียโน่ โรนัลโด้ด้วยหลายๆครั้ง

เกมที่เราพลาดๆไปจำนวนมากในซีซั่นนี้ ที่สังเกตส่วนใหญ่คือช่วงที่คาวานี่ไม่อยู่ในทีมทั้งสิ้น เมื่อไม่มีตัวช่วยเปลี่ยนโมเมนตัม หรือแก้แทคติกให้ทีม

ตัวแบกในการยิงประตูก็เหลือแค่โรนัลโด้ตัวเดียว

ในขณะที่เด็กคนอื่นของทีมยิงกันแทบจะไม่เป็นเลย ก็มีแค่ โรนัลโด้ บรูโน่ คาวานี่ สามคนนี้แหละที่ฝากฝังการจบสกอร์ได้จริงๆจังๆ

ปีนี้ 1 ใน 3 ตัวยิงของแมนยูไนเต็ดเจ็บยาวๆ

อีก 1 ใน 3 ต้องลงต่ำไปเล่นมิดฟิลด์กลางสนามให้ทีม

ตัวจบสกอร์ของทั้งสโมสร เหลือใครบ้าง? .. คริสเตียโน่ โรนัลโด้คนเดียว

ถ้าจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ดี สโมสรเสียหาย จะblameคาวานี่ในเรื่องที่เจ็บบ่อย เจ็บนาน เรื่องนี้ไม่ผิด เป็นสิทธิ์ของแฟนบอลที่จะรู้สึกแบบนั้นได้

แต่ประการที่สองคือ เรื่อง "Fake injury report" ที่คิดกันไปเองว่า อาการบาดเจ็บของคาวานี่ที่เกิดขึ้นคือการโกหก เจ็บไม่จริง ไปเตะแต่ทีมชาติแต่สโมสรลงไม่ได้

อันนี้คือเลิกมโนได้เลย เพราะหลักฐานก็มีใน injury report

หากผู้ชมหรือผู้เสพข่าวมีวิจารณญาณมากพอก็คงจะไม่เกิดประเด็นที่ว่าขึ้น ยามที่สโมสรมีปัญหา ก็จะเจอกลุ่มแฟนบอลที่ไม่พอใจกับทุกสิ่งทุกอย่าง ด่ากราดทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสโมสรที่เห็นว่าไม่ถูกใจ เจอกันหมดถ้วนหน้าในปีนี้

คนรับเผือกร้อนอย่างราล์ฟ รังนิค โดนด่าเละเทะ คาวานี่มีหรือจะเหลือ เพราะระดับ "คริสเตียโน่ โรนัลโด้" ช่วงหนึ่งก็ยังโดนแฟนผีกลุ่มที่ว่านั้นด่าได้เลย (ทั้งๆที่ปัญหาช่วงนั้นก็เกิดจากระบบทีมด้วยซ้ำ) โด้คงจะแทบไม่มีช่วงปืนฝืดเลยในปีนี้ ถ้าระบบทีมรันไปอย่างถูกต้องและมีคุณภาพ เพราะคลาสการจบสกอร์ของเขามันคงที่อยู่แล้ว

เรื่องนี้คงต้องทำใจ และเราไม่สามารถห้ามความคิดได้ เพราะแฟนบอลเองในทุกๆทีมก็มีคนหลายรูปแบบ หลายระดับความคิด มีหมดทุกที่ ไม่มีแฟนบอลสโมสรไหนที่เป็นกองเชียร์ที่ดีเลิศไร้มลทิน 100%

และเชื่อว่าแฟนบอลเหล่านั้นคงไม่คิดจะอ่านความจริงจากบทสัมภาษณ์จริง และข้อมูลจริงเหล่านี้ว่า คาวานี่บาดเจ็บใหญ่ๆทั้งหมดถึง "สามครั้ง" ซีซั่นนี้ ในจุดสำคัญๆต่างกันสามจุดในร่างกาย ซึ่งส่งผลให้ไม่สามารถฝืนลงสนามได้

เขาบาดเจ็บเส้นเอ็นที่ขาในช่วงครึ่งซีซั่นแรกไป 48 วัน พลาดการลงสนามไป 8 เกม (4 พ.ย.-22 ธ.ค. 2021)

บาดเจ็บที่บริเวณขาหนีบ(ต้นขาด้านใน) อีก 24 วัน พลาดการลงสนามไป 6 เกม (11 ก.พ.-7 มี.ค. 2022)

และล่าสุดเจ็บที่น่องเหมือนแม็คโทมิเนย์ที่ต้องพักยาว หายไปอีก 29 วัน พลาดลงสนาม 6 เกม (1-29 เม.ย. 2022)

อาการบาดเจ็บทุกอย่างมี records แทบทั้งสิ้น และนี่คือรายละเอียดแบบคร่าวๆเท่านั้นด้วยซ้ำ แต่ละครั้งเป็นจุดสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการวิ่ง เป็นจุดที่ใช้สปรินท์เน้นๆ ซึ่งถ้านักบอลลงไปวิ่งเต็มที่ไม่ได้ ไม่มีใครบนโลกนี้ทั้งโค้ชและนักเตะที่จะฝืนทำแบบนั้น เพราะคนที่เล่นบอลน่าจะรู้ดี ถ้าเจ็บต้องพัก ยิ่งฝืนเล่นยิ่งแย่กว่าเดิม นั่นคือความจริงของโลกฟุตบอล

การวิ่งอย่างบ้าคลั่ง ขยับหาตำแหน่งตัวเองตลอดเวลายามไม่มีบอล และพยายามชิงกับดักล้ำหน้าของคู่แข่งตลอดเวลาในฐานะกองหน้าสาย Poacher ที่อยู่ในความเป็น Complete Forward ของเขา

การวิ่งดังกล่าวคือ "สไตล์การเล่น" อันเป็นเอกลักษณ์ของคาวานี่ ในยามที่ลงสนามทุกครั้งเขาจะวิ่งไล่บอล และเคลื่อนที่ค่อนข้างเยอะ โอกาสเจ็บจึงมีมากตามลำดับ ในยามที่เขาอายุเยอะขึ้นกว่าช่วงสามสี่ปีก่อนหน้านี้ที่กำลังพีคๆกับเปเอสเช

ดังนั้นประเด็นเรื่องที่พูดกันไปเองว่ามันเป็น Fake injury อันนี้โคตรไม่แฟร์กับนักเตะ (เพราะเจ็บจริงๆ) และถ้ารู้จักมุมมองและ "ทัศนคติ" ของนักเตะคนนี้ดี เขาไม่มีทางทำอะไรไม่สมศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

เอดินสัน คาวานี่ คือนักฟุตบอลที่มีความเป็น professional สูง รวมถึงการมี attitude ที่ดี และพร้อมก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองให้เต็มที่ นั่นคือธรรมชาติของเขาที่มีตลอดมา ความทุ่มเทในสนามของเขาคือตัวบ่งบอกที่ว่าอยู่แล้ว

เพราะเขาไม่ได้ลงสนามนั่นแหละ แฟนผีจึงไม่ได้เห็นสิ่งนั้นบ่อยๆ

ปีที่แล้วทุกๆเกมที่เขาลง เขาทุ่มเทเต็ม 100% แม้ว่าจะไม่มีแฟนบอลอยู่ในสนามเลยแม้แต่คนเดียว ตลอดเกือบๆทั้งฤดูกาล แม้กระทั่งปีนี้ คนที่หลุดไปเป็นตัวสำรอง ลงสนามไปก็ยังเล่นเต็มที่เท่าที่ตัวเองจะได้รับโอกาส ภาษากายในสนามของคาวานี่ไม่มีตรงไหนเลยที่บ่งบอกว่า เขามาเล่นแบบขอไปที รอวันย้ายออกเท่านั้น

ถึงจะเป็นตัวสำรองของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่ทุกครั้งที่สองคนนี้ลงไปเล่นในสนามด้วยกัน สีหน้าท่าทางของคาวานี่ ภาษากายที่เกิดขึ้น บ่งบอกชัดเจนว่ามันไม่ได้มีปัญหาอะไรกันเป็นการส่วนตัวเลย

โรนัลโด้เองก็ปฏิบัติแบบเดียวกันต่อคาวานี่ด้วย สองคนนี้ไม่ได้มีปัญหาชิงดีชิงเด่นอะไรกันเลย เหมือนกับประเด็นของดีน กับ เดเคอา นั่นแหละ

ผู้เล่นที่ต้องแย่งตำแหน่งเดียวกันโดยตรง ไม่จำเป็นจะต้องมีปัญหากัน ถ้าเขามีความเป็นมืออาชีพพอ ทุกคนก็แค่ซ้อมให้เต็มที่ และทำตัวให้พร้อมสำหรับการลงสนามไปช่วยทีม

เรารู้จักคาวานี่กันดี นั่นแหละคือเหตุผลที่มันโคตรจะไม่เมคเซนส์เลยที่คนทุ่มเทแบบนี้จะหาเรื่องเจ็บการเมือง และไม่เต็มที่กับสโมสร

การที่ต้องแย่งตำแหน่งกันตรงนี้ สิ่งที่ต้องตัดไปก่อนเลยก็คือเรื่องของเบอร์เสื้อ คาวานี่เองไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เพราะตัวเขาใส่ได้หลายเบอร์ที่ตัวเองชอบ ไม่ว่าจะเบอร์ 7 เบอร์ 9 หรือ เบอร์ 21 เรื่องที่จะอิจฉาหรือแย่งเบอร์เสื้ออันนี้คือลืมไปได้เลย ประเด็นขี้หมูราขี้หมาแห้งมากๆ

แต่เรื่อง "สถานการณ์" ที่เอดี้เคยบอกว่า มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว และเป็นเรื่องธรรมดา ก็คือสถานการณ์การแย่งตำแหน่งในทีม บางครั้งหลายๆอย่างมันมีปัจจัยที่นอกเหนือจากฟุตบอลด้วย

เรากำลังพูดถึง "สถานะ" ในทีมที่เขาเคยเจอมาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะกับเปเอสเช คาวานี่เจอกับการที่ต้องลงเล่นในทีมเดียวกับนักเตะที่มีสถานะเป็นระดับ "สตาร์" มาแล้ว ทั้งเนย์มาร์ ซลาตัน และเอ็มบาปเป้

และกับยูไนเต็ด สถานภาพของเขาก็ตกเป็นรองผู้เล่นที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ตัวจริง (แถมรอบนี้อยู่ระดับGOAT) อย่างคริสเตียโน่ โรนัลโด้ด้วย

การเป็นตัวสำรองจึงเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ในยามที่ทีมไม่สามารถส่งกองหน้าอายุเยอะลงพร้อมกันสองคนได้ คาวานี่ต้องยอมรับสถานภาพนี้ไปโดยปริยาย

นี่คือmeaningที่แท้จริงของสิ่งที่คาวานี่โทรหาพี่ชายทันทีที่ได้ข่าวโรนัลโด้นั่นแหละครับว่า ถ้าเกิดขึ้นเร็วกว่านี้หนึ่งอาทิตย์ เชื่อว่าคาวานี่เองก็คงอยากย้ายไปหาโอกาสในการลงสนามเป็น "ตัวจริง" ที่สโมสรใดสักแห่งแน่ๆ เหมือนอย่างที่เราต้องลุ้นกันจนวินาทีสุดท้ายช่วงปิดตลาดซัมเมอร์อย่างสุดเสียวไส้กันจนเช้า

อย่างที่เขียนบอกบ่อยๆ ในความเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ไม่มีใครสนุกกับการบาดเจ็บ ไม่มีใครอยากพลาดลงสนาม ไม่ว่าจะเป็นนักเตะชื่อดัง หรือ โนเนมที่ไหน ทุกคนอยากลงไปเล่นทั้งสิ้น นั่นคือความรู้สึกทั่วไปของคนที่รักการเตะฟุตบอลทุกคน

การที่เขาบาดเจ็บจุดสำคัญๆจนต้องพักนานจนช่วยทีมไม่ได้ แถมมีรอบล่าสุดที่ดันไปเจ็บมาจากทีมชาติจริงๆ (หลังจากที่พักฟื้นจนเริ่มกลับมาดีขึ้น) มันเลยเป็นจุดโยงที่ทำให้แฟนบอลมองเห็นในแง่ไม่ดีไป เพราะพี่แกก็เจ็บมาจริงๆ

แต่ถ้าเลือกได้ เขาอยากกลับมาช่วยลงเล่นในทีมแน่นอน เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ระหว่างบาดเจ็บซีซั่นนี้เหมือนกันว่า มันเป็นสถานการณ์ที่ยากมากๆที่ไม่ได้ลงช่วยทีมเพราะปัญหาอาการบาดเจ็บเหล่านี้

สุดท้ายแล้วในเรื่องนี้ เป็นที่น่าเสียดายว่าเอดี้อายุมากแล้ว แม้ฟอร์มการเล่นยังแจ๋ว แต่เขาทำสัญญาระยะสั้นกับสโมสรเอาไว้แค่สองปีตามแพลนตั้งแต่แรกอยู่แล้วที่เขาเข้ามาค้าแข้งที่โอลด์แทรฟฟอร์ดในฐานะเป้าหมายระยะสั้นให้ทีม

เราเจอกันช้าไปมากๆ เพราะถ้าเขาย้ายมาก่อนหน้านี้นานแล้วตั้งแต่ยังหนุ่มสด คาวานี่คงจะได้เป็นอีกหนึ่งตำนานสโมสรคนสำคัญแน่นอน

แค่เสียดายว่าเราได้อยู่ด้วยกันน้อยเกินไปเท่านั้นเอง แต่ไม่เกี่ยวกับคุณค่าในตัวของเขาที่ไม่มีอะไรสงสัยอีกแล้ว

บางครั้งการ "พิสูจน์ตัวเอง" ของผู้เล่นสักคนหนึ่ง อาจจะไม่ต้องใช้เวลานานถึงขนาด 4-5 ปีก็ได้ ถ้าคนๆนั้นแสดงความจริงใจอย่างถึงที่สุดออกมาในยามที่เขาอยู่ในสนาม และสวมเสื้อที่มี "ตราสโมสร" อันทรงเกียรติของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอยู่บนอก

เคสของเฮนริค ลาร์สสัน หรือแม้แต่ โอดิออน อิกาโล่ก็ตาม คือตัวอย่างที่ชัดเจนในเรื่องนี้ว่า รักมันไม่ต้องการเวลาจริงๆ

ในยุคที่ปีศาจแดงกำลังตกต่ำและเจอปัญหาหนัก มีนักเตะไม่กี่คนจริงๆที่เราสามารถพูดได้ว่า สมศักดิ์ศรีและ "คู่ควร" กับการสวมเสื้อแมนยูไนเต็ดลงสนาม

ผู้ชายคนนี้คือนักเตะที่ว่า คนที่ทำให้เบอร์ 7 กลับมามีมนต์ขลังอีกครั้งหลังจากถูกสาปมาเป็นสิบปีนับตั้งแต่โรนัลโด้ออกไป

พวกเราทั้งหลายคงจะได้ดูฟุตบอลมามากมายตั้งแต่สมัยตัวเองยังเป็นเด็ก หรือวัยรุ่น มันจะมีนักเตะแค่ไม่กี่คนเท่านั้นแหละครับที่เราจะสามารถยกให้เขาเป็น "ฮีโร่" คนสำคัญที่มีทำให้เรามีความสุขยามได้ดูเขาลงเล่น และโชว์ฝีเท้าในสนาม

ความประทับใจ การยกย่อง ความเท่ และการเป็นความหวังในทีมที่จะพาให้เราชนะ สำหรับผู้เขียน เขาคือคนที่เราฝากความหวังเอาไว้ได้ และเขาทำให้ฟีลลิ่งการเชียร์บอลที่มี "ฮีโร่ในทีม" มันรู้สึกแบบนั้นอีกครั้ง เหมือนสมัยที่เราได้รู้สึกกับพี่เบ็ค หรือแม้กระทั่งตำนานเบอร์หนึ่งในใจอย่างก็องโต้ก็ตาม

นอกเหนือจากนั้นก็เป็นพวกนักเตะที่แฟนบอลประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นอลัน สมิธ ฟานเพอร์ซีย์ รูนีย์ โรนัลโด้ พวกนี้คือฮีโร่ล้วนๆ 

ฟีลฮีโร่ ไม่ได้เกิดขึ้นได้บ่อยๆในการดูฟุตบอล แต่เขาทำให้เรารู้สึกได้ถึงความเท่ที่แท้จริงจากการเชียร์บอลแล้วมีฮีโร่อยู่ในสนาม 

ภาพของแฟนบอลสาวน้อยที่เข้าไปกอดกับคาวานี่หลังเกมที่เราเปิดบ้านเอาชนะเบรนท์ฟอร์ดไป 3-0 คือภาพที่ดูแล้วสะเทือนความรู้สึกพอสมควร เราสัมผัสความรักที่บริสุทธิ์จากเด็กผู้หญิงคนนั้นที่คงจะรับรู้ความเป็นจริงอยู่แล้วแหละว่านี่คงจะเป็นเกมสุดท้ายที่โอลด์แทรฟฟอร์ดของเอดี้แล้ว

"Lola" แฟนบอลเดนตายของคาวานี่ รอเจอกับเขาหลังเกมขณะที่กำลังจะกลับ และอุ้มลูกมาด้วย เธอกอดคาวานี่พร้อมกับพูดคำว่า Don't leave ซึ่งเอดี้เองก็คงจะตอบอะไรไม่ได้ตรงนั้น ทำได้แค่ปลอบใจและกอดเธออย่างดีที่สุด ก่อนที่สาวน้อยโลล่าจะรวมความกล้าแล้วยื่นสายคาดหัว 'Miss Kick' ขอให้เอดี้ใส่ และถ่ายรูปด้วยกันตรงนั้น

มันคงจะทำให้ผู้ที่เห็นประทับใจ และบางคนคงเสียน้ำตาจากภาพที่เต็มไปด้วยความรู้สึกเช่นนี้ แต่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ก็เป็นไปตาม "วิถีของฟุตบอล" ที่เป็นเรื่องธรรมดามากๆซึ่งทุกคนจะต้องยอมรับ ทั้งแฟนบอลที่รักเขามากๆอย่าง Lola หรือใครก็ตาม

ไม่ว่าจะรักคาวานี่สักแค่ไหนก็ตาม แต่นักฟุตบอลทุกคนบนโลกนี้ต้องเดินทางไปตามเส้นทางที่ตัวเองจะต้องไป

ตัวคาวานี่เอง รวมถึงแฟนบอลที่รักเขาก็ต้องเข้าใจ และยอมรับว่ามันถึงเวลาแล้วที่ทีมจะต้องผ่าตัด สร้างอนาคตใหม่ขึ้นมาด้วยตัวผู้เล่นที่สด และมีพละกำลังมากพอจะลงสนามต่อเนื่องทุกๆนัดได้

เอดี้ย้ายมาที่นี่ด้วยวัย 33 ปี มันเหมือนเป็นโชคชะตาอะไรบางอย่างที่ส่งเขามาเพื่อช่วยเหลือสโมสรในระยะสั้นเท่านั้น

ภาพเวลาที่ทีมทำประตูได้ เขาจะแสดง passion ออกมาแบบถึงขีดสุดด้วยการดีใจแบบสุดเหวี่ยง และ "Bow and Arrow" ท่ายิงธนูฉลองเวลาทำประตูได้ของเขา ภาพนั้นคงจะถูกจดจำไปอีกนาน

ห่างไกลคำว่า "FAKE" (การหลอกลวง) มันมีแต่คำว่า "FAITH" (ศรัทธา)

ไม่มีสักวินาทีเดียวที่ผมจะคลางแคลงใจในตัวนักเตะคนนี้ตลอดมา ตั้งแต่วันแรกที่เขาเลือกย้ายมาอยู่ทีมเรา จนถึงช่วงสุดท้ายที่เรากำลังจะต้องลาจากกัน

สำหรับผม เขาคือหนึ่งใน ตำนานเบอร์ 7 ของปีศาจแดงที่จะอยู่ในความทรงจำการเชียร์บอลของเราอีกหนึ่งคน ตามหลังคันโตน่า เบ็คแฮม และโรนัลโด้ เขาคือ "หนึ่งในฮีโร่ของผม" และจะไม่มีทางลืมว่าชื่อนี้ทำให้เราเชียร์แมนยูมีความสุขที่สุดฤดูกาลหนึ่ง นับจากวันที่ป๋าไม่อยู่

เสียงเพลง King of Uruguay จากแฟนบอลจะกระหึ่มในใจตลอดไป เพื่ออย่างน้อยครั้งหนึ่งจะระลึกว่าเคยได้เชียร์เขาในสีเสื้อแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

มันเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ดีที่สุดจริงๆ ขอให้โชคดี จนกว่าจะได้พบกันใหม่.

Hasta la próxima .. El Matador

Edinson Cavani

-ศาลาผี-


References

https://sportwitness.co.uk/happened-week-ago-man-united-star-reveals-chat-agent-thought-leaving-club/

https://www.manchestereveningnews.co.uk/sport/football/transfer-news/edinson-cavani-man-united-transfer-23869489

https://www.transfermarkt.com/edinson-cavani/verletzungen/spieler/48280

https://fbref.com/en/players/527f063d/Edinson-Cavani

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด