:::     :::

เส้นทางสู่ยอดดาวยิง "แฮร์รี่ เคน" (ตอนที่ 1)

วันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
3,663
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หากจะบอกว่า "แฮร์รี่ เคน" คือดาวยิงเบอร์หนึ่งของพรีเมียร์ลีก ชั่วโมงนี้ ก็คงไม่เกินเลยไปนัก

กองหน้าทีมชาติอังกฤษ กำลังอยู่ในช่วงท็อปฟอร์มแบบสุดขีด นอกจากคว้าตำแหน่งดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก 2 ฤดูกาลหลังสุด ตอนนี้เขายังนำเป็นดาวซัลโวในซีซั่นปัจจุบันอยู่ด้วย พร้อมกันนี้ เขายังเพิ่งสร้างสถิติส่วนตัว ด้วยการยิงครบหลัก 100 ประตู ในศึกพรีเมียร์ลีก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือเป็น 1 ใน 27 คนเท่านั้น ที่สามารถยิงในลีกสูงสุดของอังกฤษ แตะหลัก 100 ลูก

ที่สำคัญ เขายังอายุเพียง 24 ปี เรียกได้ว่า ยังมีเวลาอีกมาก ในการไล่ล่าทำลายสถิติของ "อลัน เชียร์เรอร์" ที่ยิงในพรีเมียร์ลีก 260 ประตู ช่วงนี้เราไปดูบทสัมภาษณ์ของเขาที่ให้ไว้กับ "The Players Tribune" กันหน่อย ถึงเรื่องราวการต่อสู้ชีวิตกว่าจะมาเป็นยอดดาวยิงของสเปอร์ส และทีมชาติอังกฤษ ซึ่งตอนแรกนี้ จะประกอบไปด้วยเหตุการณ์การถูกสโมสรอาร์เซน่อล ปฏิเสธ, การถูกยืมตัวไปเล่นในลีกระดับล่าง และแรงบันดาลใจจากอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล


แฮร์รี่ เคน สมัยเป็นเด็กเยาวชนของอาร์เซน่อล (แถวล่าง — ขวาสุด)

"ย้อนกลับไปตอนเป็นเด็ก ความล้มเหลวถือเป็นเรื่องตลก ผมยังจดจำวันนั้นได้อย่างชัดเจน มีสวนแห่งหนึ่งอยู่หลังบ้านของเราที่ย่านชิงฟอร์ด มันเป็นสถานที่ที่ผม, พ่อ และพี่ชายออกไปเล่นฟุตบอลด้วยกัน ที่แห่งนั้นไม่มีเสาประตู หรือสภาพสนามที่ยอดเยี่ยมนัก มีเพียงหญ้าบางส่วน และต้นไม้ 2 ต้นด้วยกัน อย่างไรก็ตาม เราต่างมีความสุขมากๆ โดยตอนนั้นผมเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนของอาร์เซน่อล"

"วันหนึ่ง, ตอนที่ผมอายุ 8 ขวบ ผมเดินไปในสวนกับพ่อ ก่อนที่ท่านจะพูดกับผมว่า -พ่อมีอะไรบางอย่างที่อยากจะบอกลูกน่ะ- ผมถามกลับว่า -อะไรครับพ่อ ?- ผมจำได้เสมอว่า ท่านเอามือมาโอบไหล่ผมไว้ และพูดว่า -แฮร์รี่ ... อาร์เซน่อล ปล่อยตัวลูกออกจากทีมแล้วนะ-"

"ผมไม่สามารถอธิบายความรู้สึกในช่วงเวลานั้น ด้วยความสัตย์จริง ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันหมายความว่ายังไง เนื่องจากผมยังเด็กเกินไป แต่ที่ผมจำได้คือ ปฏิกริยาของพ่อ ท่านไม่กล่าวโทษผม และไม่กล่าวโทษอาร์เซน่อล ไม่เลยแม้แต่น้อย ท่านบอกว่า -ไม่ต้องกังวลนะแฮร์รี่ เราจะทำงานหนักขึ้น และเราจะไปสโมสรอื่นกัน โอเคมั้ยลูก ?-"

"พ่อจำนวนมาก อยากให้ลูกของตัวเองเป็นนักฟุตบอลอาชีพ พวกเขาเหล่านั้นมีปฏิกริยาที่แตกต่างกันออกไป แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พ่อไม่เคยกดดันผมเลย ท่านเป็นคนมองโลกในแง่บวกเสมอ ไม่ว่าสถานการณ์ใด ท่านสามารถรับมือมันได้ นั่นเป็นสิ่งที่เราเลือกทำ"

แฮร์รี่ เคน สมัยย้ายไปเล่นกับมิลล์วอลล์ ในรูปแบบยืมตัวปี 2011-12

"หลังจากโดนอาร์เซน่อล ลอยแพออกจากทีม ผมตัดสินใจย้ายไปเล่นกับทีมท้องถิ่น กระทั่งฝีเท้าของผมไปเตะตาแมวมองของวัตฟอร์ด พวกเขายื่นขอเสนอให้ผมไปทดสอบฝีเท้า และมันออกมาดี หลังจากที่ผมเล่นให้วัตฟอร์ด ในเกมที่พบกับทางสเปอร์ส ผมก็ถูกดึงไปร่วมอะคาเดมี่ของสเปอร์ส ผมชอบชุดแข่งสีขาวมากเลย ทุกครั้งที่ผมหวนมาเจอกับอาร์เซน่อล ผมคิดในใจว่า -ดีแล้ว เรามาดูกันว่าใครเป็นฝ่ายคิดผิด- มองย้อนกลับไป มันเป็นเรื่องดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับชีวิตผม มันเป็นแรงผลักดันชั้นยอด"

"ผมมีความสุขมากที่สามารถยิงครบ 100 ประตูในพรีเมียร์ลีก ตอนที่ผมถูกสเปอร์ส ปล่อยตัวให้ทีมอื่นยืมไปใช้งาน ผมถามกับตัวเองว่า ผมจะมีโอกาสยิงสัก 1 ลูกในพรีเมียร์ลีกหรือไม่นะทว่าผมก็ได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการยืมตัว ผมจำได้เลยว่า ย้ายไปเล่นแบบยืมตัวกับมิลล์วอลล์ ในช่วงปี 2012 เรากำลังดิ้นรนอย่างหนัก ในการหนีการตกชั้น แฟนบอลขึ้นชื่อเรื่องของอารมณ์ร่วมในเกมด้วย"

"เกมแรกของผมที่สนามเดอะ เดน กรรมการตัดสินได้แย่มาก จนแฟนบอลเริ่มปาสิ่งของลงมาในสนาม ฝ่ายควบคุมการแข่งขันต้องหยุดเกมเป็นเวลา 5 นาที เพื่อให้แฟนบอลใจเย็นลง ตอนนั้นผมอายุเพียง 18 เท่านั้น ผมมองไปรอบสนาม มันเป็นอะไรที่บ้ามากๆ ฤดูกาลยังดำเนินต่อไป เรายังวนเวียนอยู่ในโซนตกชั้น นักเตะในทีมเริ่มพูดอะไรในเชิงลบ มันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเลยล่ะ พวกเขาพูดประมาณว่า -หากเราตกชั้น ค่าเหนื่อยของข้าต้องถูกหั่นลงครึ่งหนึ่ง หรือหากเราตกชั้น ข้าจะต้องออกจากสัญญา-"

"นักเตะเหล่านี้มีลูกน้อยที่ต้องเลี้ยงดู ตอนนั้นผมเริ่มตระหนักแล้วว่า ฟุตบอลไม่ใช่แค่เกมกีฬา แต่มันยังเป็นเครื่องมือในการดูแลครอบครัวด้วย คุณเริ่มรู้แล้วว่า ความละเอียดอ่อนหมายความว่ายังไง ประสบการณ์ที่มิลล์วอลล์ คอยสั่งสอนว่า ผมไม่อาจทำตัวเป็นเด็กได้อีกต่อไป มันเป็นการเรียนรู้ที่สำคัญต่อผมจริงๆ ผมทำได้ดีมากขึ้น และไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ เรากลับมาลุกขึ้นสู้ และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มแฟนบอลมิลล์วอลล์ ผมรักพวกเขานะ แม้ว่าบางครั้ง พวกเขาจะทำตัวบ้าๆก็ตาม"

แฮร์รี่ เคน สมัยย้ายไปเล่นกับเลสเตอร์ ซิตี้ในรูปแบบยืมตัวปี 2012-13

"ฤดูกาลต่อมา ผมหวังว่าจะทำผลงานได้ดีกับสเปอร์ส แต่แล้ว พวกเขาก็ปล่อยผมให้ทีมอื่นยืมตัวอีกครั้ง นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงเวลาที่ยากลำบาก ช่วงที่แย่ที่สุดคือการย้ายไปเล่นกับเลสเตอร์ ซิตี้ ผมเหมือนจะไม่เข้ากับระบบของทีม ซึ่งตอนนั้น เลสเตอร์ ซิตี้ ยังเล่นอยู่ในระดับเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ผมเริ่มมีความคิดที่ว่า หากผมไม่สามารถเล่นกับเลสเตอร์ ซิตี้ ในลีกรองได้ ผมจะไปเล่นกับสเปอร์ส ในพรีเมียร์ลีก ได้อย่างไรกัน ?"

"มันเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก ครอบครัวเดินทางมาหาผมในคืนนั้น เราพูดคุยกันอย่างอบอุ่น ผมบอกกับพ่อว่า ผมอยากย้ายทีมแล้ว มันเป็นความผิดหวังร้ายแรง แต่ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ พ่อตอบกลับว่า -ฟังนะลูก ทำงานต่อไป ลงมือทำต่อไป และทุกอย่างจะออกมาดีเอง-"

"ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ผมอยู่ในแฟลตของตัวเอง หากผมไม่มีซ้อม ผมก็ชอบชมการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล ผมชอบเล่นเกมคนชนคนที่มีชื่อเรียกว่าแมดเดน รวมถึงการแข่งของนิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ ผ่านทางเว็บไซต์ยูทูป จนมาวันหนึ่ง ผมได้ดูสารคดีของทอม เบรดี้ ทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องที่เขาถูกเลือกเข้าสู่ทีมในรอบที่ 6 และเป็นลำดับที่ 199 ในบรรดาผู้เล่นจากมหาวิทยาลัยในปีนั้น"

"มันทำให้ผมรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาเลยล่ะ ทุกคนสงสัยในตัวของเบรดี้ ตลอดชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้ แม้แต่ตอนที่เข้ามหาวิทยาลัย โค้ชก็เลือกควอเตอร์แบ็คคนอื่นก่อนหน้าเขา สารดีเผยให้เห็นถึงตอนที่เบรดี้ ถูกทางแมวมองสั่งให้ถอดเสื้อ และชั่งน้ำหนัก ก่อนที่การดราฟท์ตัวจะเกิดขึ้น มันดูตลกนะ เพราะเขาเหมือนชายธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น โค้ชคนหนึ่งพูดว่า -เบรดี้ เป็นคนสูง และดูงุ่มง่าม เขาดูเหมือนคนที่ไม่เคยเข้ายิมออกกำลังกายเลย-"

"เรื่องของเบรดี้ คอยย้ำเตือนผม เพราะผู้คนมักจะตัดสินผมเหมือนกันว่า ผมไม่เหมือนกับคนที่เหมาะกับการเล่นฟุตบอลในตำแหน่งกองหน้า"


(โปรดติดตามตอนต่อไป)

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})