น้ำตาไหลริน ณ ช่วงเวลาแถลงข่าวตอนนั้นยังคงเกาะกุมกัดกินหัวใจของสาวกอาซูลกราน่ามาจนถึงทุกวันนี้ เพราะไม่มีใครเชื่อว่าดาวเตะเบอร์ 1 ของสโมสรต้องแยกทางจากถิ่น คัมป์ นู

แต่ทุกๆ อย่างต้องดำเนินต่อไป เมสซี่ ยังคงมีงานที่อยากสานต่อนั่นคือการลงเล่นฟุตบอลเกมกีฬาอันเป็นที่รักของตนเอง ซึ่งต่างกันตรงสีเสื้อชุดแข่งที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

จากวินาทีอันโศกเศร้าของแฟนบอลบาร์ซ่า ได้แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มของสาวก ปารีเซียงส์ หลังจากสโมสรตกลงคว้าหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของโลกมาร่วมทีมแบบไม่มีค่าตัว

ความตื่นเต้นที่มาพร้อมความคาดหวัง แต่สำหรับ เมสซี่ มันคือการทำงานภายใต้สภาพแวดล้อมใหม่ๆ ที่ตนเองไม่คุ้นเคยมาก่อน บรรยากาศแตกต่างจากหลายปีที่ผ่านมา กระนั้นเมื่อชีวิตต้องก้าวต่อไป สิ่งที่กองหน้าอาร์เจนไตน์ทำได้คือแสดงผลงานออกมาบนสนามแข่ง

จึงไม่แปลกที่ความคาดหวังพุ่งตรงไปหา เมสซี่ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกสายตาจับจ้องนักเตะทุกฝีเก้า ผลงานแต่ละนัดถูกนำมาวิเคราะห์วิจารณ์อย่างเผ็ดมัน ดีบางร้ายบ้าง ตามแต่ผลลัพธ์หรือฟอร์มการเล่นในเกมนั้นๆ 

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ซีซั่นแรกในถิ่น ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ ของ เมสซี่ จบลงด้วยการคว้าแชมป์ ลีก เอิง มาครอง ซึ่งหากพิจารณาตามเนื้อผ้าถือว่าไม่ได้ขี้เหร่ แต่สิ่งที่น่าผิดหวัง (ตามสายตาแฟนบอลสโมสรและนักวิจารณ์) คือผลงานในเวทียุโรป

แม้จะมี เมสซี่ ในทีมรวมไปถึงการเพิ่มอาวุธหนักเข้ามาเพื่อหวังสานฝันในรายการ แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ทาง เปแอสเช ต้องจอดรอบที่คุ้นเคยอีกครั้ง (16 ทีมสุดท้าย)

อย่างไรก็ตาม บนความผิดหวังในเวทียุโรป ยังคงมีเรื่องดีๆ ที่มาจากผลงาน เมสซี่ เกิดขึ้น โดยเฉพาะในลีก เอิง ที่ถือว่าช่วย เปแอสเช ได้มากอยู่ (แม้สถิติต่างๆ จะดูลดลงหากเทียบกับตอนเล่นให้ บาร์ซ่า)

จำนวน 14 แอสซิสต์คือผลงานในซีซั่นแรกบนลีกสูงสุดแดนน้ำหอม เรื่องดังกล่าวถือว่าทดแทนการทำประตูอันน้อยนิด 6 ลูกลงไปได้ ที่สำคัญสถิติดังกล่าวมาจากการลงสนามเพียง 26 เกมเท่านั้น

14 แอสซิสต์ในซีซั่นที่แล้วเป็นรองแค่ คีลียัน เอ็มบั๊ปเป้ (17) กองหน้าเพื่อนร่วมทีม ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง แถมยังมีสถิติที่น่าสนใจคือระหว่าง เอ็มบั๊ปเป้ กับ เมสซี่ ทำแอสซิสต์ให้กันและกันรวมถึง 11 ครั้ง 

จะว่าไปแล้ว เมื่อลองนำจำนวนประตู 6 ลูกที่ทำได้บนเวที ลีก เอิง เมื่อซีซั่นที่ผ่านมาไปเปรียบเทียบกับจำนวนยิงชนเสาชนคานของ เมสซี่ ก็อาจจะมองว่าเป็นคราว 'ซวย' ของแข้งวัย 34 ปี เพราะทาง เมสซี่ ครองสถิติแม่นกรอบประตูถึง 11 ครั้ง (มากสุดในลีก)

นอกจากนั้น ลีก เอิง ยังจดสถิติอีกอย่างที่น่าสนใจซึ่งทาง เมสซี่ ครองอันดับ 1 นั่นคือการเป็นนักเตะที่มีส่วนร่วมกับการยิงเกิดขึ้น (45 ครั้ง) ยังรวมไปถึงเป็นนักเตะที่ผ่านมาบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายจากจังหวะ 'โอเพ่น เพลย์' มากสุดจำนวน 2.34 ครั้งต่อ 90 นาที

นั่นคือผลงานส่วนหนึ่งในสนามแข่งหลังย้ายมาร่วมทีม เปแอสเช แม้ยังไม่เป็นตามที่หลายคนคาดหวัง แต่ต้องยอมรับว่า เมสซี่ เป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ทำให้ทีมกลับมาทวงบัลลังก์แชมป์ลีกอีกครั้ง

ไม่เพียงแค่ฟอร์มบนสนามหญ้าที่ เมสซี่ ทำให้ เปแอสเช แต่ยังรวมไปถึงนอกสนามที่แนวรุกวัย 34 ปีเข้ามาเพิ่มมูลค่าสโมสรอย่างมหาศาล

เมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาสองสื่อใหญ่อย่าง บีอิน สปอร์ต และ เลกิ๊ป รายงานข่าวที่น่าสนใจว่า เมสซี่ ได้เข้ามาเพิ่มรายได้ให้สโมสรดังของกรุงปารีสกว่า 60 เปอร์เซ็นต์

แน่นอนว่าการมาของ เมสซี่ ได้ไปกระตุ้นในส่วนของการขายชุดแข่งที่รายงานระบุว่าเกิน 1 ล้านตัวไปเป็นที่เรียบร้อย รวมไปถึงการขายของที่ระลึกสโมสร ซึ่งมีรายได้เพิ่มขึ้นมากว่า 60 ล้านยูโร

ยังไม่นับรวมไปผู้สนับสนุนรายอื่นๆ ที่ตาม เมสซี่ กันมามากมายหลายเจ้า บางรายยอมทุ่มเงินให้ เปแอสเช เพื่อต้องการ เมสซี่ ไปอยู่ในแบรนด์หรือสินค้าของตนเอง ซึ่งในส่วนนี้ทำให้สโมสรมีเงินเข้ามาอย่างน้อยๆ 310 ล้านยูโร

ว่ากันว่ารายได้เบ็ดเสร็จที่นับจนถึงตอนกลางเดือนที่ผ่านมาของ เปแอสเช ตกที่อยู่ประมาณ 700 ล้านยูโร และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นหากมีการปล่อยตัวเลขไตรมาสที่สอง

การมาของ เมสซี่ ไม่เพียงส่งผลแค่ในสนามแข่ง แต่มันนำมาซึ่งเม็ดเงินมากมายมหาศาลที่เข้ามารายล้อมสโมสรอย่างมิขาดสาย 

หลายคนอาจจะผิดหวังผลงานในซีซั่นแรกของ เมสซี่ (โดยเฉพาะแฟนบอลของสโมสรซึ่งเคยโห่ใส่กองหน้ารายนี้) ที่ทำได้ต่ำกว่าฟอร์มในอดีตที่ผ่านมา แต่สำหรับ เปแอสเช พวกขาคงยิ้มออกอย่างสบายใจ และกำลังตั้งตารอฤดูกาลหน้าไม่ต่างจากตัวนักเตะที่หวังสร้างฟอร์มการเล่นที่ดีขึ้นกว่าเดิม