อาจจะเป็นข่าวที่ไม่ค่อยดีสักหน่อยในเช้าวันนี้ แต่ก่อนที่จะอ่านต่อไป สิ่งนึงที่ผมจะขอร้องท่านผู้อ่านก็คือ อย่าให้ข่าวนี้มันทำให้ท่านPanic รู้สึกตื่นตระหนกหรือกังวลจนเกินกว่าความเป็นจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อ่านไปเรื่อยๆตอนท้ายจะเข้าใจเองว่าทำไม
เมื่อสมัชชาบาร์เซโลน่าที่มีวาระการประชุมเมื่อคืนที่ผ่านมา ในเรื่องใหญ่ของกลไกการคืนสภาพคล่องทางการเงินให้สโมสรบาร์เซโลน่า ผลสรุปออกมาจากสมาชิกสมัชชา ได้ให้ความไว้วางใจในคณะกรรมการผู้บริหาร และอนุมัติการเลิกถือหุ้นส่วนน้อยใน BLM (ที่ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจบริหาร) และลิขสิทธิ์ทีวีเป็นที่เรียบร้อย เพื่อคืนโครงสร้างทางการเงินกลับมาอีกครั้ง
วันนี้เกิดเหตุสำคัญกับบาร์ซ่าเยอะจริงๆ
ทั้งการอัพข้อเสนอ bid เลวานดอฟสกี้ให้ดีขึ้น
โยกสองคันโยกแห่งการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดผลตอบแทน (economic lever)
เริ่งการเจรจาดีล ชูลส์ คุนเด้
และการต่อสัญญาลูกหม้อพรสวรรค์อย่างกาบี้
ด้วยเสียงสนับสนุนส่วนใหญ่ของสมาชิกตัวแทน เกี่ยวกับข้อเสนอของคณะกรรมการบริหารสโมสรบาร์เซโลน่า เพื่อให้สโมสรกลับมามีสถานะทางการเงินที่มั่นคง
การประชุมสมัชชาวิสามัญได้รับการอนุมัติโดยเสียงข้างมากที่ชัดเจนเพื่อ activate กลไกทางการเงินสองวิธี เพื่อให้ FC Barcelona ได้รับรายได้เข้ามา โดยประมาณการจะอยู่ที่ 600ล้านยูโร จากการดำเนินงานสองทาง
การปรับปรุงโครงสร้างการเงินของสโมสรใหม่ของบาร์ซ่าจะทำให้เกิดความมั่นใจทางการเงินด้วยผลตอบแทนที่เป็นบวก และจะทำให้พวกเขาปิดบัญชีของฤดูกาล 2021/22 ได้ และส่งผลทำให้เกิด "ความเป็นไปได้ในด้านการลงทุน" ที่จำเป็น เพื่อให้บาร์ซ่าสามารถแข่งขันกับสโมสรอื่นได้
พูดภาษาชาวบ้านคือเพื่อที่จะสามารถมีเงินมาซื้อนักเตะ จ่ายค่าเหนื่อยตัวที่จะดึงเข้ามาได้โดยไม่ผิดกฎการเงินนั่นเอง (หนี้ปิเก้คงจะมีการผ่อนจ่ายด้วยแน่ๆ)
ในสมัชชาแห่งนี้ จากสมาชิกตัวแทนของแฟนบอล ให้สัตยาบันเสียงข้างมากที่ชัดเจนเพื่อ activate สัมปทานหุ้นส่วนน้อย (49.95%) ใน BLM หรือ Barca Licensing & Merchandising บริษัทที่บาร์ซ่าเป็นเจ้าของเอง ซึ่งเกี่ยวกับมูลค่าและทรัพย์สินของสโมสรโดยตรง รับผิดชอบในเรื่องการเจรจาไลเซนส์ และการขายสินค้าของสโมสรเจ้าบุญทุ่ม
โดยคนโหวตทั้งหมด 646 จาก 671 คนของสมาชิกที่ได้รับการรับรอง คิดเป็น 88% ที่โหวตเห็นด้วย(568โหวต) ไม่เห็นด้วย 10% (65 โหวต) และไม่ออกเสียง 2% (13 โหวต)
นอกจากนี้ในอีกคันโยก(lever)หนึ่ง ซึ่งมันคือเครื่องมือในการเพิ่มความสามารถในการลงทุนให้สูงขึ้น นอกจากactivate คันโยกด้วยการขาย BLM แล้ว อีกอย่างหนึ่งที่บาร์ซ่าทำก็คือเรื่องของ ลิขสิทธิ์TV
โดยเสียงส่วนใหญ่สนับสนุนให้อนุมัติรายได้สูงสุด25%ของสิทธิ์ใน Liga TV ให้กับนักลงทุนตั้งแต่หนึ่งรายหรือมากกว่านั้นขึ้นไป และ/หรือ รับเงินทุนตามสิทธิ์ทางทีวีดังกล่าว
โดยสมาชิก 494 คนจาก 586 คน โหวตเห็นด้วย คิดเป็น 87% ไม่เห็นด้วย 11% (62) และไม่ออกเสียง 13 คน (2%)
ลาปอร์ต้าเผยว่า มูลค่าของ BLM ทั้งหมดน่าจะอยู่ที่ 700 ล้านยูโร และการโอนหุ้น49%นี้จะได้เงินอยู่ราวๆ 200-300ล้านยูโร และจะให้คงไว้ซึ่งoptionในการrepurchase สัมปทานหุ้นส่วนน้อย 49% นี้คืนมาภายหลังได้ด้วย
พวกเขาต้องการให้นักลงทุนเคารพเอกลักษณ์และความยูนิคของสโมสร ไม่ต้องการให้ควบคุมอำนาจธุรกิจเบ็ดเสร็จ และให้ยึดเสียงข้างมากของสโมสรเอาไว้เพื่อการเจรจาต่อรองได้
เกี่ยวกับการโอนสิทธิ์ทางโทรทัศน์ รองประธานอธิบายว่าบาร์ซ่ามีรายได้ 165ล้านยูโรต่อปีจากสินทรัพย์นี้ และการขายนี้ สูงสุดคือ 5% ของรายได้สโมสร เป็นเปอร์เซ็นต์ที่พอเหมาะ ไม่มีอิทธิพลมากนัก และสามารถซื้อคืนในภายหลังได้เช่นกัน โดยสโมสรคาดว่าจะระดมทุนได้ประมาณ "200 ล้านยูโร" ต่อทุกๆ 10% ของสิทธิ์ทีวี และพวกเขาไม่มีแพลนใดๆทั้งสิ้น ที่จะให้มีการดำเนินการที่กินเวลาเกิน 25 ปี
รถแข่งF1ที่พังอยู่ จะกลับมาคว้าแชมป์อีกครั้ง ลาปอร์ต้ากล่าวเอาไว้หลังจากที่activateทั้งสองคันโยก ทำให้พวกเขาคัมแบ็คกลับมาได้ก่อนระยะเวลาที่คาดการณ์ปัญหาเอาไว้
รถคันที่ว่ากำลังออกจากพิท และจะไปล่าถ้วยแชมป์อีกครั้งแล้ว
คำถามคือ เกี่ยวอะไรกับแมนยู?
แน่นอนว่าการที่บาร์ซ่าตัดสินใจประชุมสภาพและโหวตอนุมัติเพื่อเรียกการเงินให้สโมสรคัมแบ็คมาแบบนี้ แปลว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาก็โหวตยอม และทำให้สามารถปรับสภาพการเงินที่มีปัญหาอยู่ได้สำเร็จ
แมนยูไนเต็ดที่ตอนนี้กำลังดีลราคาของแฟรงกี้ เดอ ยองอยู่ ยังไงก็โดนผลกระทบจากเรื่องนี้แน่นอน
แต่ไม่ถึงกับว่าดีลนี้จะจบเลยทันที
มันก็ไม่ถึงกับว่า การที่บาร์เซโลน่าตัดสินใจใช้สองคันโยกแห่งวิธีแก้ปัญหาด้านการเงินในเบื้องต้นของพวกเขา ไม่ได้แปลว่า ต่อจากนี้ บาร์ซ่าจะไม่ขายแฟรงกี้ เดอ ยอง ไปเลย
มันคือการที่แต้มต่อรองของแมนยูไนเต็ดที่จะกดราคาบาร์ซ่า อาจจะทำได้ไม่ถนัดถนี่มากนัก เนื่องจากการตัดสินใจและการถูกบีบให้ต้องขายเพื่อนำเงินมาแบ่งเบาภาระสโมสร ก็จะน้อยลง
ทำให้พวกเขาอาจจะไม่ได้อยู่ในสถานะที่จำเป็นต้องรีบขายแฟรงกี้ขนาดนั้น
แต่ก็ใช่ว่าบาร์ซ่าจะไม่ต้องการเงินแล้ว
มันเป็นในกรณีแค่ว่า การผ่านเสียงในวาระประชุมครั้งนี้ของสโมสร อาจทำให้เจ้าบุญทุ่มมีสภาพคล่องมากขึ้น ส่งผลให้ยูไนเต็ดอาจจะจำเป็นต้อง "จ่ายหนัก" ตามที่พวกเขาต้องการ เพื่อคว้าตัว FDJ มาใช้งาน
ตามข่าว 85ล้านปอนด์สำหรับนักเตะรายนี้ น่าจะเป็นตัวเลขที่ทางนั้นเซ็ตราคาขายเอาไว้ อยู่ที่ว่าจะยอมให้มีการแบ่งชำระเป็นก้อนใหญ่ + add-ons ได้มากน้อยขนาดไหน
ถ้าเป็น 70m + 15m add-ons แมนยูไนเต็ดจะยอมที่ราคานี้หรือไม่ บาร์ซ่าจะยอมให้แยกเงินต้นเป็นแบบนี้หรือเปล่า หรือจะเอาก้อนใหญ่ที่หนักกว่านี้? ไม่มีใครตอบได้
ข่าวช่วงหัวค่ำ เดวิด อ่อนเสถียร (David Ornstein) บอกว่า ถ้ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงกะทันหัน แมนยูไนเต็ดสุดท้ายแล้วก็น่าจะคว้าตัวแฟรงกี้ เดอ ยองได้ ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายเล่นโป๊กเกอร์เกมกันอยู่เท่านั้น
ในตอนนี้ บาร์ซ่ามีพลังเงินที่เรียกคืนมาได้ บวกกับนักเตะที่อยากจะอยู่โยงมากกว่าอยู่แล้ว ในเกมโป๊กเกอร์ระหว่างสองสโมสร ตอนนี้พวกเขาเหมือนจะเรียก Straight Flush มาอยู่ในมือเรียบร้อย
แมนยูไนเต็ดมีทางเดียวที่จะกดดีลนี้มาให้สำเร็จด้วยการตัดสินใจขั้นเด็ดขาด กดอัลติทุ่มเงินเต็มแม็กซ์ บูชายัญนักเตะบางคนเพื่อเพิ่มbudget และเรียก Royal Flush มาตบบาร์ซ่าให้ได้เท่านั้นในดีลนี้
บาร์ซ่าจะชนะไปด้วยสเตรทฟลัชหรือไม่ หรือแมนยูไนเต็ดจะเรียกรอยัลสเตรทฟลัชได้สำเร็จ
อีกไม่นานนี้ เกมPokerแห่งความตายแมตช์นี้ น่าจะรู้แพ้รู้ชนะกันสักที
-ศาลาผี-
Reference
The Assembly approves the mechanisms to refloat the Club's finances by a clear majority
