ใช่แล้วมันคงจะเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมแชมป์เก่าและ ลิเวอร์พูล ทีมรองแชมป์อีกครั้ง
นั่นเป็นความจริงที่เกิดขึ้นกับการเซ็นสัญญา เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ของ "เรือใบ" ส่วนทางฝั่งของ "หงส์แดง" ก็จัด ดาร์วิน นูนเญซ เข้ารังด้วยสถิติค่าตัวแพงที่สุดของสโมสร
51.4 ล้านปอนด์ที่ทางซิตี้จ่ายเพื่อดึงหนึ่งในกองหน้าที่ถูกยกย่องว่าดีที่สุดในโลกปัจจุบัน ถือเป็นการเสริมทีมที่ทำให้คู่แข่งต้องคิดหนักเมื่อมองจากเกมรุกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ซีซั่นที่แล้วยิงประตูมากถึง 150 ประตูทุกรายการ
เช่นเดียวกับทาง ลิเวอร์พูล ที่ลงมืออย่างรวดเร็วแบบไม่น่าเชื่อ เป็นการตอบสนองกับการที่ทีมอาจจะเสีย ซาดิโอ มาเน่ ด้วยการดึง ดาร์วิน นูนเญซ เข้ารัง เรียกได้ว่าไวแบบประทับใจแฟนบอลจริงๆ
ไม่ว่าสุดท้ายแล้ว มาเน่ จะย้ายทีมรึเปล่า ต้องบอกว่าทีมจะมีแนวรุกสุดอันตรายอย่าง นูนเญซ, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, หลุยส์ ดิอาซ, ดีโอโก้ โชต้า และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พยายามอย่างเต็มที่กับการดึง นูนเญซ ร่วมทีม แต่สุดท้ายก็พลาดไป ส่วนในเคสของ เฟรงกี้ เดอ ย็อง ก็ดูเหมือนว่าคงจะไม่ได้ตัวมาง่ายๆ
และด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของทีมกับการชวดไปลุยในเวทียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เหล่านักเตะที่ต้องการลงเล่นในเวทีระดับสูงอาจจะเลือกไม่มาร่วมทีมด้วย เพราะดูแล้วปีหน้าก็ยังไม่ได้การันตีว่าจะได้ไปอีกด้วย
ด้าน เชลซี ตอนนี้ดูจะปวดหัวไปกับการหาทางออกในเรื่องของ โรเมลู ลูกากู ที่จะปล่อยก็เสียดายเงินที่่จ่ายไป จะเก็บไว้ก็ดูจะไม่เข้ากับสไตล์ของ โธมัส ทูเคิ่ล ที่อยากได้แนวรุกที่มีความปราดเปรียวมากกว่า
อีกอย่างยังไม่รู้แนวทางของเจ้าของทีมคนใหม่อย่าง ท็อดด์ โบห์ลี่ ว่าจะยังไง แม้จะมีข่าวว่าเตรียมงบ 200 ล้านปอนด์ให้เสริมทีม แต่เงินทุนก็รวมถึงนักเตะที่ต้องปล่อยออกจากทีมไปด้วยเช่นกัน
ในขณะที่ อาร์เซน่อล ที่มีข่าวไปทั่วในช่วงที่ผ่านมากลับได้เพียงแข้งโนเนมอย่าง มาร์กินโญส ตัวรุกดาวรุ่งจาก เซา เปาโล หรือจะ ฟาบิโอ วิเอร่า มิดฟิลด์ ปอร์โต้ ที่มีข่าวว่ากำลังจะย้ายเข้ารังเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
หรืออีกทีมอย่าง สเปอร์ส ที่จะได้ อีวาน เปริซิช กับ เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ เข้ามา หรือจะดีลของ อีฟส์ บิสซูม่า ก็ยังไม่ดีพอถึงขั้นที่จะยกระดับขึ้นมาแข็งแกร่งมากมายถึงขั้นสู้แย่งแชมป์ได้
ส่วนเศรษฐีใหม่อย่าง นิวคาสเซิ่ล ที่กำลังทางการเงินแข็งแกร่ง แต่ชื่อชั้นยังไม่ชวนดึงดูด คงต้องใช้เวลาสั่งสมบารมีอีกหลายปี หรือต้องประสบความสำเร็จในบอลถ้วยให้ได้ก่อน
การมาร่วมทีมของ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ รวมถึง ฮูเลียน อัลวาเรซ เช่นเดียวกับ ดาร์วิน นูนเญซ ที่ย้ายมาอย่างรวดเร็วนั่นหมายความว่าพวกเขาจะได้ร่วมทีมในช่วงปรี-ซีซั่นในการทำความคุ้นเคยกับเพื่อน และได้ลองประสานงานกันในเกมการแข่งขัน
นั่นถือเป็นส่วนสำคัญสำหรับฟุตบอลทุกวันนี้เลย ยิ่งโค้ชได้มีโอกาสลองผิดลองถูกมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งเข้าขารู้ใจกันมากขึ้นเท่านั้น
ดูจากสิ่งเกิดขึ้นเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาสองทีมนำทิ้งห่างผู้ตามไกลถึง 18 คะแนนเป็นอย่างน้อย เป็นตัวบ่งบอกได้เป็นอย่างดี
เรื่องนี้ทำให้เกิดความกังวลขึ้นมาว่าพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะกลายเป็นแบบ ลา ลีกา สเปน ที่มี บาร์เซโลน่า กับ เรอัล มาดริด ที่แย่งแชมป์กันโดยทาง แอตเลติโก มาดริด สอดขึ้นมาบ้าง หรือจะเป็นอย่างในเยอรมันที่เหลือแค่ บาเยิร์น มิวนิค กับ ดอร์ทมุนด์ ที่แย่งกัน
ส่วนทีมชั้นนำอื่นก็ทำได้แค่แย่งพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกกันไปเท่านั้น
แม้ว่าจะยังเหลือเวลาในการเสริมทีมอีกนายอยู่ แต่ดูแล้วสำหรับฤดูกาลหน้าทีมอื่นดูจะยังไม่อาจขึ้นมาเทียบได้กับ แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ทีมความหวังอย่าง เชลซี ยังดูวุ่นวายกับเรื่องภายในกันอยู่เลย ส่วนทีมอื่นยังไม่ต้องพูดถึง
ซีซั่นหน้าคงเป็นความสนุกสนานของแฟนบอลทั้งสองทีมอีกครั้ง ส่วนที่เหลือก็ลุ้นพื้นที่ฟุตบอลยุรปไปก่อนละกัน
