คินดะอิริค กับ "คดีติดหนี้" ปริศนา
สิ่งที่กำลังจะเขียนต่อไปนี้ น่าจะทำให้ทุกอย่าง "ชัดขึ้น" สักทีสำหรับคำตอบที่ว่า ทำไมดีลของแฟรงกี้ เดอ ยอง ถึงได้ยังไม่สามารถปิดบัญชีได้ โดยรายงานแบบเต็มๆจาก James Ducker ผู้สื่อข่าวระดับ tier1 เปิดเผยในบทความแบบเต็มๆของเดอะเทเลกราฟเอาไว้ล่าสุดว่า ดีลของแฟรงกี้ เดอ ยอง ที่จะย้ายมาแมนยูไนเต็ดนั้นถูกชะลอค้างเอาไว้เนื่องจากปัญหาหนี้ที่บาร์ซ่าติดค้างค่าเหนื่อยและโบนัสของนักเตะอยู่ "17 ล้านปอนด์"
โดยทีมเจ้าบุญทุ่ม(?)ต่อรองยืดระยะเวลาการชำระเงินดังกล่าวเนื่องมาจากปัญหาการแพร่ระบาดในช่วงหลายปีที่ผ่านมากับมิดฟิลด์ผู้นี้ ทำให้เงินก้อนมหาศาลที่คั่งค้างหนี้กับนักเตะ ทำให้การบรรลุข้อตกลงในการขายแฟรงกี้นั้นยืดเยื้อและยังไม่จบสิ้นจนถึงบัดนี้
ถึงแม้โจน ลาปอร์ต้า ประธานสโมสรจะขอยืนยัน ยืนยัน ว่าจะไม่ขายแฟรงกี้ เดอ ยอง ก็ตาม แต่แมนยูไนเต็ดก็พอจะได้ข้อตกลงคร่าวๆกับยอดทีมแห่งคาตาลันเมื่อสัปดาห์ก่อนด้วยราคา 65 ล้านยูโร + 20 ล้าน add-ons
ซึ่งทางปีศาจแดงเองพยายามและต้องการจะปิดดีลนี้เพื่อให้ทันการฝึกซ้อมและปรีซีซั่นในช่วงทัวร์ซัมเมอร์นี้ แต่ด้วยความซับซ้อนวุ่นวายในเรื่องโครงสร้างการชำระเงินต่างๆของค่าเหนื่อยและโบนัสที่สโมสรติดค้างผู้เล่นอยู่ หลังจากที่นักเตะยอมลดค่าเหนื่อยช่วยคราวเพื่อบรรเทาปัญหาการเงินในช่วงวิกฤตโควิดของสโมสร
ในส่วนของสัญญามูลค่ามหาศาลของ FDJ อย่างที่ทราบกันว่า การเซ็นเขามาจากอาแจ็กซ์ในปี 2019 มาพร้อมเงื่อนไขสัญญามูลค่าfixedต่อปีคือ 12 ล้านปอนด์ในเบื้องต้น
แต่แฟรงกี้ก็ตกลงที่จะหั่นค่าเหนื่อยตัวเองเหลือแค่ 9.4 ล้านปอนด์ต่อปี ในฤดูกาล 2020/21 และ 4.3 ล้านปอนด์ต่อปี ในฤดูกาลที่แล้ว เพื่อให้บาร์ซ่าไม่ต้องชำระเงินเต็มจำนวน และยืดระยะเวลาผ่อนจ่ายให้กับเขาได้
รวมแล้วบาร์เซโลน่าค้างเงินของเดอยองในส่วนเฉพาะค่าเหนื่อยคือ "13.7ล้านปอนด์"
นอกจากนี้เชื่อว่ายังมีหนี้ส่วนที่เป็นโบนัสอีกราว 3.4 ล้านปอนด์ที่กรณีเงื่อนไขที่ลงเล่นอย่างน้อย 60% ของจำนวนแมตช์ทั้งหมดที่บาร์ซ่าลงแข่งขันตลอด2ปีที่ผ่านมา แฟรงกี้ก็จะได้โบนัสดังกล่าวอีก
รวมแล้วเจ้าบุญทุ่มก็ติดเงินเฉพาะเคสแฟรงกี้อยู่ "17.1 ล้านปอนด์"
โดยการที่นักเตะเพิ่งจะขยายสัญญาที่คัมป์นูไปถึงปี 2026 ทำให้บาร์ซ่าสามารถที่จะกระจายหนี้ค้างชำระนักเตะ ยาวออกไปได้อีกถึงสี่ปี
แต่เมื่อจะเกิดกรณีที่แฟรงกี้ เลือกจะย้ายไปเล่นที่โอลด์แทรฟฟอร์ดในตลาดนี้ที่เรากำลังซื้อขายนักเตะกันอยู่ ทำให้บาร์ซ่าจำเป็นจะต้องชำระหนี้ดังกล่าวให้เรียบร้อย ซึ่งนั่นทำให้ดีลนี้ค้างเติ่ง เพราะทางบาร์ซ่าไม่สามารถเคลียร์ได้ จนทำให้ความซวยมาตกอยู่ที่เอริค เทน ฮาก ที่ไม่ได้นักเตะที่เขาต้องการ มาร่วมเซ็ตระบบทีมตั้งแต่สัปดาห์นี้
และแน่นอน คนซวยต่อมาก็คือแฟนผีที่ไม่เข้าใจว่าทำไมมันปิดดีลไม่ได้สักที สุดท้ายแมนยูไนเต็ดโดนด่าไปด้วยอีกต่อ
สโมสร Manchester United มีคิวที่จะขึ้นไฟลท์มาเมืองไทยในช่วงบ่ายๆของวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ซึ่งก็จะราวๆหัวค่ำตามเวลาในบ้านเราเพื่อเริ่มต้นเกมปรีซีซั่นที่กรุงเทพฯ
โดยมีนักเตะใหม่รายเดียวที่น่าจะหนีบมาได้ด้วยในทันที นั่นคือ ไทเรลล์ มาลาเซีย ดาวเตะวิงแบ็คซ้ายฮอลแลนด์เจ้าของค่าตัวรวม 12.9 ล้านปอนด์
ทางด้านคริสเตียน อีริคเซ่นก็ตอบตกลงแล้วเช่นกัน เหลือการตรวจร่างกายตามระเบียบ และเซ็นสัญญากันอย่างเป็นทางการเท่านั้น จากการคาดการณ์ก็น่าจะบินตามมาสมทบที่หลังในปรีซีซั่นเกมที่สองกับเมลเบิร์น วิคตอรี่ จากนั้นปีศาจแดงก็จะบินไปต่อที่เพิร์ธ ต่อไป
อีกฟากหนึ่งแมนยูก็คาดหวังว่าจะต่อรองราคากันได้สำเร็จกับทางอาแจ็กซ์ให้เจอกันครึ่งทางได้ หลังจากเจอตีกลับดีล 35ล้านปอนด์ที่ยื่นไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งต้องยื่นแข่งกับอาร์เซนอล และนักเตะรายนี้มีค่าหัวที่ถูกตั้งไว้ราว 45ล้านปอนด์โดยประมาณ
ส่วนเพื่อนร่วมทีมอีกรายหนึ่งอย่างแอนโทนี่ ปีกบราซิลเลียนรายนี้ก็ถูกตั้งราคากันท่าการย้ายมาโอลด์แทรฟฟอร์ดจากต้นสังกัดเช่นกัน แต่นักเตะต้องการจะมาร่วมงานเคียงข้างกับเจ้านายเก่าของเขาที่โรงละครแห่งความฝัน และถูกแปะป้ายขายเอาไว้ในราคา 70ล้านปอนด์ (หรือราวๆ 81.9ล้านยูโร) ซึ่งสูงกว่าที่แมนยูไนเต็ดต้องการจะจ่าย
ที่แคริงตันวันนี้เป็นวันพักที่ผู้จัดการทีมอย่างเทน ฮาก อนุญาตให้นักเตะได้พักผ่อน เรียกความสดของกล้ามเนื้อ และจะกลับมาซ้อมกันต่อในภายหลัง ซึ่งเป็นช่วงต่อเนื่องจากคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลาซ้อมไปสองวัน ควบกับวันหยุดพักวันนี้เป็นวันที่สาม
ท่ามกลางข่าวลือที่ยังคงเล่นกันอย่างสนุกสนาน แม้กระทั่งเรื่องเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวของเจ็ทโด้ที่ออกจากลิสบอนไปยังกรุงมาดริด ก็ยังถูกเอาไปเขียนข่าวลวงสรุปว่าโรนัลโด้ไปมาดริด ทั้งๆที่ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าตัวนักเตะอยู่บนเครื่องด้วยหรือเปล่าด้วยซ้ำ
จึงเป็นเรื่องวุ่นๆของวัยรุ่นโอลด์แทรฟฟอร์ดที่ยังคงอึมครึมและไม่ได้รับคำตอบที่แท้จริงว่า CR7 จะเคลียร์ตารางการทำงานของเขากับสโมสรยังไง จะมาสมทบเดอะแมตช์ที่ราชมังคลาฯหรือไม่ ยังไม่มีสำนักข่าวที่ไหนได้รับความชัดเจนตรงนี้
ทั้งหมดนี้คือรายงานเต็มๆของ
James Ducker ที่เขียนในรายงานดังกล่าว ใครสนใจก็ไปตามอ่านตัวเต็มกันได้ใน
reference ข้างท้ายบทความนี้
โดยตัดเนื้อหาสุดท้ายที่ไม่ได้เกี่ยวข้องทิ้งออกไป (ดัคเกอร์เขียนถึงเจสซี่
กับ ป็อกบา แฟนบอลเราไม่ได้อยากรู้แล้ว)
ในคดีของแฟรงกี้ เดอ ยอง คิดว่าน่าจะชัดเจนสุดๆ และทำให้หลายๆคนเข้าใจสักทีว่า ปัญหามันอยู่ที่ตรงไหน ที่ต้องแจกแจงให้ได้เห็นก่อนเลยก็คือ
1. เรื่องคำพูดของลาปอร์ต้า ผมนำมาเขียนให้ดูหลายทีแล้วว่าไม่ได้มีอะไรที่มีสาระสำคัญหรือจะต้องกลัวเลยว่าเขาไม่ขาย เพราะเห็นพูดทีไรก็ติดกระดาษแปะไว้ที่ปลายนวมทุกทีว่า
"ก..ก็ ก็ไม่ได้อยากขายหรอกนะ" .. แต่ ..เป็นเพราะเรามีปัญหาการเงินจ้าาาาา
ทุกครั้งที่พูดว่า not for sale คำพูดมันไม่ได้มีน้ำหนักเลย เพราะเราทุกคนก็รู้ตรงกันอยู่แล้วว่าความเป็นจริงคืออะไร
2. ปัญหาไม่ได้มาจากนักเตะที่เป็นคนเตะถ่วงดีลอย่างที่ใครเข้าใจว่ามันไม่อยากมา คือนักเตะชัดเจนว่าเขาอยากอยู่บาร์ซ่า แต่ก็เช่นกันว่า แฟรงกี้ เดอ ยอง มีแนวโน้มว่าจะไม่เลือกการอยู่บาร์ซ่าต่อ แบบที่ต้องยอมหั่นค่าเหนื่อยของตัวเองอีกแล้วเพื่อแก้ปัญหาในสิ่งที่เขาเองไม่ได้ก่อ และไม่ควรต้องได้รับมันเลย
เทน ฮาก เจรจากล่อมนักเตะได้นานแล้ว คิดแบบเด็กๆได้เลยว่า ถ้านักเตะมันยืนยันหัวเด็ดตีนขาดจริงๆ สโมสรจะไปคุยกับบาร์เซโลน่าเพื่อจะซื้อตัวมาให้ได้ทำไม?
3. พอมันมีเรื่องของหนี้นักเตะที่ถูกชะลอเอาไว้ พูดภาษาบ้านๆคือติดหนี้ และพยายามจะผ่อนเขาแบบโคตรยืดเยื้อ ยังไม่รวมดีลหนี้กับนักเตะคนอื่นๆอีก
ทีนี้เมื่อจะขายให้แมนยู บาร์ซ่าก็ต้องจัดการตรงนี้ ซึ่งแน่นอนว่า เงิน 17 ล้านปอนด์ที่ติดอยู่ สถานะในตอนนี้ที่แม้จะมีการปลดคันโยกทางการเงินสองอย่าง จากลิขสิทธิ์ทีวี และหุ้นBLM (Barça Licensing & Merchandising) ก็ตาม
แต่ดูเหมือนว่าการปลดหนี้ตรงนี้จะไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน รวมถึงโครงสร้างการจ่าย add-ons ที่ทางบาร์ซ่าเรียกร้องจากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอีก แถมยังทำท่าจะ "ผลักภาระหนี้" ที่ว่าให้ทางฝั่งปีศาจแดง
จะให้แมนยูรีบปิดดีลสนองความต้องการของแฟนบอล โดยที่ต้องจ่ายค่าโง่แบบนี้กันใช่หรือไม่ เชื่อมั่นว่าแฟนๆปีศาจแดงเองน่าจะเข้าใจและเห็นด้วยกับแนวทางการเจรจาของทีมงานเราในกรณีนี้
"ดีล" จึงไม่สามารถที่จะ "ปิด" ให้มันเกิดการ "Agreed" ตรงกันทั้งสองฝ่ายได้ จากปัญหาเรื่องเงินๆทองๆล้วนๆ ซึ่งการเปิดเผยครั้งนี้คิดว่าน่าจะทำให้แฟนบอล โดยเฉพาะสาวกแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ได้เข้าใจกันสักทีว่า ปัญหาจริงๆมันอยู่ตรงไหน
เรื่องนี้หลายๆคนรู้อยู่แล้ว โดยเฉพาะแฟนบอลที่ตามข่าวสายบาร์ซ่าอยู่ตลอดและรู้ว่าปัญหาภายในมันคืออะไร แต่สิ่งที่เราต้องการจะให้มันเคลียร์ก็คือ ดีลที่ดูเหมือนจะไม่ใช่เพราะมันช้าซะแล้ว
แต่เพราะอีกฝ่าย "ไม่ยอมจบ" แบบง่ายๆ ทั้งๆที่มันควรจะปิดได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่เราpredictionเอาไว้แล้วว่าน่าจะเรียบร้อยในช่วง 27 June - 4 July ราวๆนี้ กลับไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆเพิ่มเติมขึ้นมาจากตัวเลข "65" ที่บางคนเอาไปเล่นหวยแล้วโดนแดกไปแล้ว (เพราะปิดดีลไม่ได้นี่เอง แง่งงงง)
ทุกอย่างจึงเหมือนดีลนี้ถูกแช่น้ำแข็งเอาไว้ และคนที่พยายามจะเร่งให้มันจบให้ได้ คือฝ่ายแมนยูไนเต็ดที่ยพยายามถือสิ่วไปเซาะน้ำแข็งให้มันจบๆไปสักที โดยที่อีกฝ่ายนึงก็ยังคาราคาซัง เคลียร์ปัญหาฝั่งตัวเองอีกด้านหนึ่งของน้ำแข็งไม่ได้สักที
โจน ลาปอร์ต้า กับปัญหาที่ตัวเองไม่ได้ก่อ แต่ไม่ว่าต้นสายปลายเหตุจะมายังไงก็ตาม บาร์เซโลน่ายังไงก็ต้องขายนักเตะรายนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะกรณีใดๆ ทั้งในเรื่องของหนี้ และภาระต่อเนื่องในอนาคตจากค่าเหนื่อยมหาศาลของนักเตะที่รันต่อไปเรื่อยๆตลอดเวลา
ดีลนี้สุดท้ายแล้วมันก็เหลือแค่ว่าน้ำแข็งจะละลายเมื่อไหร่เท่านั้น ซึ่งมันอาจละลายช้ามากๆ และทำให้แฟนผีหงุดหงิดใจกันสุดๆจริงๆ
แต่รู้กันแล้วนะ ว่าใครเป็นคนร้าย แฟนบอลแมนยูไนเต็ดจะได้เข้าใจบริบทของสถานการณ์กันสักทีว่า สโมสรเราควรถูกblameฝ่ายเดียวเลยหรือไม่ว่าทำไมยังปิดดีล แฟรงกี้ เดอ ยอง ไม่ได้สักที จนหลายๆคนด่ากันกระจุย พาลจะพากันไปเกลียดนักเตะ และอยากล้มดีลนี้กันแล้ว ทั้งที่ปัญหาไม่ได้อยู่แต่ที่แฟรงกี้
สุดท้ายแล้ว ข้อสรุปในการไขคดีหมู่บ้านหกมุมแห่งแคว้นคาตาลันรายนี้ อาจจะมีศพเกลื่อนกลาดไปบ้างระหว่างทางก่อนที่จะหาร่องรอยของคนร้ายได้
แต่ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ "เวลา" คือคำตอบของทุกอย่าง
"เวลา" คือคนไขคดีนี้ ที่ความจริงมันค่อยๆปรากฏออกมาเรื่อยๆ
และสุดท้ายแล้ว "เวลา" ก็จะแก้ไขปัญหานี้ด้วยเช่นกัน
แฟนผีก็อดทนและเข้าใจมันแล้วกันครับ บางครั้งการซื้อขายนักเตะในฐานะที่เป็น "แมนยูไนเต็ด" กับดีลพิเศษบางดีล ในสถานการณ์เฉพาะหน้าแบบนี้ บางครั้งมันก็ไม่ได้จบง่ายๆเหมือนดีลไทเรลล์ไปซะทุกดีลหรอก
คำถามที่หลายๆคนสงสัยและถามผู้เขียนมาโดยตลอดว่า แล้วสรุปว่า "ดีลแฟรงกี้ จะล่มไหม?" เมื่อมันดูเชื่องช้าขนาดนี้จนเหมือนกับว่าทุกอย่างกำลังจะถูกบาร์ซ่าดึงเช็งกลับมาที่จะไม่ขายนักเตะ
ตอบได้เลยว่า สุดท้ายดีลแฟรงกี้ก็น่าจะลุล่วงได้แน่นอน แค่ว่ามันอาจจะช้าหน่อยเท่านั้นเอง เพราะต้องเคลียร์เรื่องคดีหนี้และการเคลียร์โครงสร้างการจ่ายเงิน เพื่อยุติปัญหาที่เริ่มต้นมาจากทางเรื่องการเงินของฝั่งบาร์ซ่าเท่านั้น
ปริศนาทั้งหมดไขกระจ่างแล้ว งานนี้ไม่ต้องเอาชื่อปู่ใครเป็นเดิมพัน
-ศาลาผี-
Reference