:::     :::

ทางออกที่ดีที่สุด

วันเสาร์ที่ 09 กรกฎาคม 2565 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
1,192
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
การย้ายทีมของ ลูก้า โยวิช ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจ แต่ข้อตกลงในการปล่อยตัวของ เรอัล มาดริด ไปให้ ฟิออเรนตินา อาจเป็นการตัดสินใจที่แปลกอยู่ไม่น้อย

โยวิช คือหนึ่งในความล้มเหลวที่สุดในการเสริมทัพของ เรอัล มาดริด เลยก็ว่าได้ เมื่อเทียบกับจำนวนเงินมหาศาล 60 ล้านยูโรที่ต้องจ่ายให้ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ไปเหนาะๆ เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2019

ในช่วงเวลานั้น แฟร้งค์เฟิร์ต รับรู้ได้ทันทีว่าจะมีแต่ได้กับได้ และสามารถทำกำไรได้หลายเท่าในตัว โยวิช เมื่อรับทราบความสนใจที่จริงจังของ เรอัล มาดริด จึงตัดสินใจใช้เงื่อนไขซื้อขาดจาก เบนฟิก้า
โยวิช ย้ายจาก เบนฟิก้า มาอยู่กับ แฟร้งค์เฟิร์ต ด้วยสัญญายืมตัวสองฤดูกาล ซีซั่นแรกยังคงเงียบเชียบ มีเพียง 9 ประตูจาก 27 เกม แต่พอมาซีซั่นสองระเบิดฟอร์มเก่ง 27 ประตูจาก 48 เกม
ทำให้ เรอัล มาดริด ตัดสินใจทุ่มเงินซื้อ โยวิช จากฟอร์มการเล่นเพียงฤดูกาลเดียว
แฟร้งค์เฟิร์ต พอรู้ถึงความสนใจของ เรอัล มาดริด จึงตัดสินใจใช้เงื่อนไขซื้อขาดจาก เบนฟิก้า ในราคาเพียง 6 ล้านยูโร แต่ที่ทีมดังโปรตุเกสระบุเอาไว้ในสัญญาคือขอส่วนแบ่ง 30 เปอร์เซนต์ของการย้ายทีมครั้งต่อไป
ดังนั้น ค่าตัว 60 ล้านยูโรที่ เรอัล มาดริด ซื้อ โยวิช จึงเป็นของ แฟร้งค์เฟิร์ต 42 ล้านยูโร และของ เบนฟิก้า 18 ล้านยูโร ยังไม่รวมที่ต้องบวกลบกับค่าตัวที่ อินทรีแดงดำ จ่ายให้ เหยี่ยวลิสบอน อีก 6 ล้านยูโร
เท่ากับว่า แฟร้งค์เฟิร์ต รับทรัพย์จาก โยวิช 36 ล้านยูโร และ เบนฟิก้า เข้ากระเป๋าไป 24 ล้านยูโร โดยมีคนจ่ายทีมเดียวคือ เรอัล มาดริด
นี่คือการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมาก เพราะจำนวนเงินระดับนี้ปกติแล้วสามารถดึงดูดซูเปอร์สตาร์มาร่วมทัพได้เลย แต่ด้วยอายุของ โยวิช ที่ตอนนั้นเพิ่ง 22 ปี จึงอาจคิดได้ว่า เป็นการลงทุนเพื่ออนาคต
ผ่านไปฤดูกาลแรก มีเพียง 2 ประตูใน 27 เกมจาก โยวิช นั่นทำให้ เรอัล มาดริด เริ่มคิดเรื่องการปล่อยยืมเพียงแค่ปีเดียว และแม้มีความสนใจจากหลายสโมสร แต่ไม่มีข้อเสนอที่จริงจัง
ฤดูกาลถัดมา ซีเนอดีน ซีดาน ให้โอกาส โยวิช ลงเล่นเพียง 5 เกมในช่วงครึ่งซีซั่นแรก ก่อนตัดสินใจปล่อยให้ แฟร้งค์เฟิร์ต ยืมใช้งานในช่วง 6 เดือนหลัง ได้ค่ายืมกลับมา 1 ล้านยูโร
ฤดูกาลที่สาม ซึ่งเป็นซีซั่นที่ผ่านมา โยวิช กลับมาอยู่ในทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ ในบทบาทตัวเลือกสำรองลำดับไกลๆ ได้ลงเล่นไป 19 เกม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสำรอง ยิงไปเพียงประตูเดียว
เป็นอันปิดฉากกับ เรอัล มาดริด
ถึงตอนนี้ เรอัล มาดริด ตัดสินใจปล่อยตัว โยวิช ออกจากทีมแน่ๆ เพียงแต่จะเป็นการย้ายทีมในรูปแบบไหน
ความสนใจที่จริงจังมาจาก ฟิออเรนตินา แต่เป็นเพียงข้อเสนอยืมตัวเท่านั้น เพราะศักยภาพทีมของ วิโอล่า คงไม่อาจใช้จ่ายซื้อนักเตะที่แพงมหาศาลได้ แม้ได้ค่าตัวของ ดูซาน วลาโฮวิช มาเยอะก็ตาม
เดิมที มีข้อตกลงในรูปแบบยืมตัวสองฤดูกาล ฟิออเรนตินา จ่ายค่าเหนื่อยไหวแค่ 50 เปอร์เซนต์ จึงหมายความว่า เรอัล มาดริด ยังคงต้องแบกจ่ายอีกครึ่งหนึ่งจำนวน 3 ล้านยูโรต่อปี ก็เท่ากับอีก 6 ล้านยูโรในสัญญานี้
คิดไปคิดมา เรอัล มาดริด จึงทำข้อตกลงกับ ฟิออเรนตินา เสียใหม่ เป็นการย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัวไปเลย
อ่านไม่ผิด... เป็นการย้ายไป ฟิออเรนตินา แบบฟรีๆ แล้ว เรอัล มาดริด จะได้อะไรที่ดีกว่าข้อตกลงเดิม?
รายละเอียดของข้อตกลงนี้ เรอัล มาดริด ไม่เพียงแค่ปล่อยตัวฟรี แต่ยังต้องจ่ายเงินกินเปล่าให้ โยวิช เอาไปเริ่มต้นชีวิตใหม่อีก 5 ล้านยูโร
ส่วนสัญญาของ ฟิออเรนตินา กับ โยวิช เบื้องต้นเป็นสัญญาระยะเวลาสองปี วิโอล่า จะจ่ายค่าเหนื่อย 2.5 ล้านยูโรต่อปี รวมเป็น 5 ล้านยูโรในสัญญาสองปี
จึงหมายความว่าในสัญญาสองปีที่ อาร์เตมิโอ ฟรังคี่ ฟิออเรนตินา กับ เรอัล มาดริด ช่วยกันจ่ายค่าจ้างคนละครึ่ง แต่เป็นการเปลี่ยนสัญญาที่ทำให้ตัวเลขค่าเหนื่อยของนักเตะลดลงเหลือ 5 ล้านยูโรต่อปี หากเป็นสัญญายืมตัว จะยังคงยึดตัวเลขเดิมที่ 6 ล้านยูโรต่อปี
หลังจากหมดสัญญานี้ในปี 2024 ฟิออเรนตินา มีเงื่อนไขต่ออายุสัญญาของ โยวิช ได้อีกสองปี แต่ในสองฤดูกาล 2024-25 และ 2025-26 ม่วงมหากาฬ จะต้องแบกจ่ายค่าเหนื่อยทีมเดียวที่ 5 ล้านยูโร
ที่สำคัญในสัญญาระบุเอาไว้ว่า หากมีการย้ายทีมครั้งต่อไป เรอัล มาดริด จะได้ส่วนแบ่งค่าตัวของ โยวิช จำนวน 50 เปอร์เซนต์ หาก ฟิออเรนตินา ขายได้สัก 20 ล้านยูโร ก็จะแบ่งกันทีมละ 10 ล้านยูโร
ข้อตกลงนี้ดูเหมือนจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับ เรอัล มาดริด เพราะรู้ดีว่าคงไม่สามารถขูดเลือดขูดเนื้ออะไรทีมอย่าง ฟิออเรนตินา ได้อยู่แล้ว
การเลือกรอส่วนแบ่งการย้ายทีมครั้งต่อไป จึงดูเป็นวิธีที่ดีกว่าการปล่อยยืมในสัญญาสองฤดูกาล
เพราะสัญญาของ โยวิช ในถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาเบว มีอายุถึงปี 2025 หากกลับมาในปี 2024 ก็เป็นการบีบให้ต้องขาย และอาจไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือ หากนักเตะดึงดันอยู่ต่อในสัญญาปีสุดท้ายเหมือนกรณี แกเร็ธ เบล
ทุกการตัดสินใจ จึงย่อมมีเหตุผลที่ดีกว่าเสมอ...

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด