:::     :::

ปัญหา "ช้างศึกU19" สะท้อนฟุตบอลไทยระยะยาว

วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม 2565 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
963
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แม้ฟอร์มการเล่นจะติดขัดบ้าง แต่ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ยังสามารถผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ศึกชิงแชมป์อาเซียน ที่ประเทศอินโดนีเซีย สำเร็จ

โดยเก็บได้ 11 แต้ม เท่ากับ เวียดนาม และ อินโดนีเซีย จากการลงสนาม 5 นัด แบ่งเป็นชนะ 3 นัด เสมอ 2 นัด ไม่แพ้ใคร ยิงได้ 7 ประตู เสียไปเพียงลูกเดียว คว้าตำแหน่งรองแชมป์กลุ่ม เอ ตามกฎมินิลีก

ไทย และ เวียดนาม มี 2 คะแนน จากการยิงได้ 1 เสีย 1  ขณะที่อินโดนีเซียมี 2 คะแนน แต่ยิงได้ 0 เสีย 0 (อินโดนีเซีย เสมอ เวียดนาม 0-0 และเสมอไทย 0-0)   


ส่วนหนึ่งที่ทำให้ฟอร์มการเล่นของทีม “ช้างศึก-U19” ไม่ดุดัน ไม่สวยงาม เพราะก่อนเข้าสู่ทัวร์นาเมนต์มีนักเตะบางรายได้รับบาดเจ็บ 

แถมโปรแกรมการแข่งขันยังเตะแบบวันเว้นวันทำให้ “ซัลบาดอร์ บาเลโร่ การ์เซีย” เฮดโค้ช พร้อมทีมงานต้องปรับแท็คติคการเล่นใหม่ 

โดย “ซัลบา” ดูจะเน้นมากๆ ในแต่ละเกม ไม่ได้ให้ลูกทีมเล่นเกมรุกเอามัน เอาใจแฟนบอลอย่างเดียว แต่เขาใช้แท็คติคแต่ละนัดอย่างแยบยลและเล่นด้วยความอดทน 


การเปลี่ยนจากรับเป็นรุกต้องรวดเร็ว นอกจากนี้ยังพยายามโรเตชั่นนักเตะเพื่อให้ทุกคนมีความสดที่สุดในแต่ละนัด 

ผลลัพธ์คือการเข้ารอบรองชนะเลิศตามเป้าหมาย  ส่วนในรอบตัดเชือก เจอ สปป. ลาว วันที่ 13 กรกฎาคมนี้ จะผ่านได้หรือไม่ต้องติดตามเชียร์กันไป 

แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ “ความฟิต” ของนักเตะ 

เห็นได้ชัดว่านักเตะมีอาการยุบให้เห็นในช่วงท้ายเกมเสมอ ฟุตบอลยุคปัจจุบัน เรื่องความฟิตเป็นสิ่งสำคัญ เพราะต้องบีบพื้นที่ เพรสซิ่งกันตลอด 90 นาที 


แน่นอนว่าการฝึกซ้อมต้องหนักแน่นและเข้มข้นกว่านี้

แต่สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ การเน้นเรื่อง “โภชนาการ” การกินอาหารของนักเตะต้องเพียงพอกับการทำงานหนักในสนามด้วย สิ่งนี้ควรจะเริ่มตั้งแต่อคาเดมี่ และระดับสโมสร 

หากนักเตะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน เพียงพอ ความฟิตและร่างกายจะดีขึ้นตั้งแต่เยาวชน จนถึงทีมชาติไทยชุดใหญ่อย่างแน่นอน 

เรื่องต่อมาที่สำคัญไม่แพ้กันคือการขาดแคลน “กองหน้า” ตัวเป้า 


นับตั้งแต่ “แบงค์” ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ก้าวไปเล่นให้กับทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ต้องยอมรับว่าตอนนี้ยังไม่มี “หัวหอก” ในวัยทีนคนไหน ฝีเท้าฉกาจเหมือนหัวหอกจากทัพ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์  ยูไนเต็ด 

นักเตะส่วนใหญ่ที่โดดเด่นกลายเป็นนักเตะริมเส้นและกองกลางตัวรุกมากกว่า แม้ว่า “วินัย เอี่ยมโอด” กับ “ณัฐกิตติ์ บุตรสิงห์” จะทำประตูได้ แต่โดยรวมแล้วยังต้องยกระดับขึ้นมาอีกเยอะ 

ตรงนี้ไม่ใช่ปัญหาของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นสิ่งที่คนในวงการฟุตบอลต้องมาขบคิดและลงมือพัฒนาเยาวชนกันอย่างจริงจัง 


เพราะหากปล่อยผ่านเรื่องเล็กๆ เหล่านี้ อาจทำให้พัฒนาการทางด้านร่างกายและการขาดแคลนกองหน้าตัวเป้าหนักขึ้นกว่าเดิม

อย่าลืมว่านี่คือกลุ่มนักเตะที่กำลังจะก้าวไปเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า 

หากไม่รีบกำจัดจุดอ่อน คงยากที่จะยกระดับทีมชาติไทย ให้สูงขึ้นไปสู่ระดับเอเชียตามที่ฝันไว้


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})