:::     :::

"บีบ?"

วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม 2565 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
4,468
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
มหากาพย์แฟรงกี้ ดำเนินมาถึงช่วงไคลแม็กซ์ที่เกิดการกดไม้ตายจากฝั่งบาร์ซ่า ด้วยข่าวการ "บีบ" นักเตะให้ย้ายออกแล้ว แต่ใครกันแน่ที่เป็นฝ่าย "บีบ" ?

ความคืบหน้าดีลเดอยองกลางดึกคืนวันพฤหัส อย่างที่หลายๆคนคงได้เห็นข่าวกันไปบ้างแล้วเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ว่ามีรายงานเพิ่มเติมที่เป็น "ปฏิบัติการขั้นสุดยอด" ของบาร์ซ่าในการพยายามบีบนักเตะให้ออกจากสโมสรแบบโคตรป่าเถื่อนเกิดขึ้น '

โดยรายงานจากวิทยุท้องถิ่น CatalunyaRadio กล่าวว่า บาร์เซโลน่านั้นต้องการที่จะขายแฟรงกี้ให้เรียบร้อยภายในไม่กี่วันข้างหน้า หรือภายในอาทิตย์นี้ด้วยซ้ำ สโมสรแจ้งแฟรงกี้แล้วว่าได้ข้อตกลงกับแมนยูไนเต็ดเป็นที่เรียบร้อย และพวกเขาตั้งใจจะขายนักเตะออกจากสโมสร

ความเคลื่อนไหวสำคัญในครั้งนี้ยังมีรายงานออกมาจากสื่อที่เชื่อถือได้อย่าง The Athletic เพิ่มเติมว่า บาร์ซ่านั้นมองว่าข้อเสนอจากแมนยูไนเต็ดนั้นเป็นเงินก้อนมหาศาลมากแล้ว และพวกเขาคงจะต้องรีบๆยอมขายให้เรียบร้อย เพราะไม่งั้นอาจจะไม่ได้ราคานี้ก็เป็นได้

เพราะฉะนั้นจึงพยายามโน้มน้าวนักเตะให้ออกจากทีมเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดในอาชีพของเขา เพราะเชื่อว่าแฟรงกี้เป็นผู้เล่นที่มีพรสวรรค์มาก แต่ทุกฝ่ายก็รู้กันอยู่แล้วว่าการตัดสินใจของสโมสรครั้งนี้มันเป็นเรื่องทางการเงินมากกว่าจะเป็นเหตุผลเชิงฟุตบอล

สโมสรเจ้าบุญทุ่มแห่งสเปนจึงแจ้งนักเตะว่า อยากจะให้แฟรงกี้ออกจากสโมสรและย้ายไปอยู่กับแมนยูไนเต็ด จากการแจ้งโดยระดับสูงภายในของทีมที่บอกกับแฟรงกี้ด้วยตัวเองว่า พวกเขาต้องการจะขายเพื่อบาลานซ์งบดุลของค่าเหนื่อยในทีมให้เข้าที่เข้าทาง เพราะต้องจ่ายค่าจ้างที่สูงมากเกินไปให้กับผู้เล่นรายนี้

[@polballus, @TheAthleticUK]

การตัดสินใจตรงนี้ของบาร์ซ่า ยืนยันอย่างหนักแน่นต่อแฟรงกี้ เดอ ยอง ถึงขนาดว่า เขาจะต้องรับข้อเสนอย้ายไปอยู่แมนยูไนเต็ดเท่านั้น ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะถึงขนาดถูกตัดออกทีมที่จะทัวร์ปรีซีซั่นเลยก็ได้ ถ้ายังจะไม่ยอมย้ายออกไปอีก ประเด็นนี้รายงานโดย Ferran Correas สื่อ tier 3 สายบาร์ซ่า

ข่าวค่อนข้างแรงและชัดเจนนะครับ ผมคิดว่าแฟนๆที่อ่านรายละเอียดนี้ น่าจะเริ่มมองเห็นอะไรชัดกว่าเดิมว่า มหากาพย์น่าเบื่อที่ยืดเยื้อไม่จบซะทีรอบนี้ ดำเนินมาถึง องก์ที่5 ซึ่งเป็นองก์สุดท้ายในละครคาบูกิของยอดทีมแห่งคาตาลัน

เมื่ออ่านตามรายงานข่าวนี้แล้ว ท่านผู้อ่านรู้สึกยังไงบ้างครับ?

ถ้าเป็นผม อ่านแค่ที่เขารายงานมาแล้วก็รู้สึกว่า "แฟรงกี้มันไม่อยากย้าย"

แน่นอนครับ ส่วนตัวผมถ้าเลือกได้ ผมก็อยากได้นักเตะที่มีใจมากกว่าอยู่แล้ว ถึงได้ปลื้มมาลาเซีย และต้องการให้ปิดดีลมาร์ติเนซไวๆ

แต่จากข่าวนี้ ทำให้เราเห็นว่า แฟรงกี้ไม่ยอม ถึงขนาดบาร์ซ่าต้อง "บีบ" ให้ย้าย นี่ก็เป็นข่าวที่ออกมาจากฟากของวิทยุท้องถิ่นฝั่งบาร์ซ่าเอง ซึ่งหลายๆฝ่ายก็มองว่ามันเป็นที่สื่อท้องถิ่นก็ "รับบรีฟ" มาให้ข่าวออกในทำนองนั้น

แน่นอน แฟรงกี้ เดอ ยอง จะกลายเป็นผู้ร้ายทันทีในสายตาของคนอ่านข่าว

แต่ในความเป็นจริง ก็ประเด็นเดิมๆนั่นแหละครับว่า ข่าวจะมายังไงก็ตาม อย่าลืม ว่าอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ดีลมันไม่สามารถปิดได้ ก็คือ Personal terms ที่ยังเคลียร์กันไม่ได้ จากรายงานของสื่อระดับtier1 ที่พูดถึงตัวเลขที่ค้างชำระค่าเหนื่อยแฟรงกี้ เดอ ยอง จากการที่ยอมหั่นมาสองซีซั่นในช่วงโควิด รวมแล้ว 13.7 ล้านปอนด์ และเมื่อรวมกับส่วนของโบนัสที่ยังไม่จ่ายเขาอยู่อีกถึง 3.4 ล้านปอนด์ ตกแล้วบาร์ซ่ายังติดหนี้นักเตะอยู่ 17.1 ล้านปอนด์ ในกรณีนี้ จากรายงานของ James Ducker tier1 ของเดอะเทเลกราฟ ที่ออกข่าวมาให้แฟนบอลทั้งโลกได้รับรู้ก่อนหน้านี้

หลายๆฝ่ายอาจจะอ่านข่าวจากฝั่งบาร์ซ่ามาที่ออกมาบอกว่า กรณีนี้ติดแค่นักเตะเล่นแง่ไม่ยอมย้ายทีมอย่างเดียว และการติดหนี้ตรงนี้ไม่เป็นความจริง แต่อย่าลืมความเป็นจริงที่เห็นกันชัดเจนมาก และคิดได้โดยคอมม่อนเซนส์ง่ายๆว่า บาร์ซ่ามีปัญหาจริงๆ นั่นก็คือเรื่องที่บาร์ซ่าเองก็ยังจัดการกับหนี้ก้อนอื่นๆไม่ได้เลย

เช่นในเคสที่นักเตะอย่างปิเก้ที่ต้องยอมลดค่าเหนื่อยตัวเอง และการให้สัมภาษณ์ที่พูดเนียนๆทุกครั้งว่า ไม่อยากขายนักเตะ แต่ก็จำเป็นเพราะสถานการณ์เรื่อง"การเงิน"

ทุกๆหลักฐานมันบ่งบอกชัดเจนอยู่แล้วว่า สโมสรบาร์เซโลน่ามีปัญหาเรื่องนี้อยู่จริงๆ แต่ไม่เคยนำเสนอเรื่องนี้ออกมาผ่านสื่อว่ามีปัญหาอะไรบ้าง จนทำให้การบรรลุข้อตกลงในดีล แฟรงกี้ เดอ ยอง กับแมนยูไนเต็ด ไม่จบสักที

เพราะสโมสรยังไม่ได้ชำระหนี้ตรงนี้ให้นักเตะเลย

จากเดิมที่พวกเขายังพอจะยื้อได้ เพราะนักเตะขยายสัญญาไปถึงปี 2026 ทำให้บาร์ซ่าค่อยๆผ่อนชำระหนี้ในระยะยาวได้

แต่เมื่อสโมสรยังมีปัญหาด้านการเงิน และนักเตะจะต้องลดค่าเหนื่อยมหาศาลนี้ลงอีกเพื่อลดภาระสโมสร นักเตะจึงรู้สึกว่าเขาไม่ยอมเสียเปรียบอีกต่อไป ก็เป็นไปตามที่ข่าวหลายสายรายงานว่า FDJ ก็ไม่เลือกตัวเลือกที่จะยอมลดค่าเหนื่อยตัวเองอีกแล้ว

สถานการณ์ส่วนหนึ่ง จึงกลายเป็นเกมการเมืองย่อมๆระหว่าง นักเตะ กับ สโมสร ในตอนนี้ ที่ฝ่ายนึงพยายามรีบๆขายและจะผลักภาระหนี้สินตรงนี้ให้หมดๆไป

ขณะที่นักเตะก็รู้สึกว่าถูกทรีทอย่างไม่เป็นธรรมเหมือนกัน เพราะถ้าเป็นเราจะย้ายที่ทำงาน แต่บริษัทเก่ายังไม่ยอมจ่ายเงินเดือนที่ค้างเราไว้เป็นปีๆเลย เราจะยอมย้ายง่ายๆหรือไม่?

ลองคิดถึงใจเขาใจเรา ถ้าเป็นเรา เจอแบบนี้ก็ไม่ยอมย้ายเหมือนกันครับ จนกว่าเค้าจะจ่ายเงินให้เรียบร้อย ไม่งั้นก็ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันแล้วล่ะ ซึ่งเราเป็นฝ่ายได้เปรียบแน่นอนถ้ามีหลักฐานที่ชัดเจน

แบบนี้น่าสงสารแฟรงกี้นะครับ ที่เจอสโมสรที่ตัวเองรัก และอยากอยู่ค้าแข้งไปนานๆ ปฏิบัติแบบนี้เพราะเรื่องการเงินที่ตัวเองบริหารผิดพลาด ทั้งๆที่ยอมลดค่าเหนื่อยช่วยอย่างเต็มที่แล้ว

น่าเห็นใจนักเตะพอควรเลย

เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว สถานการณ์ในตอนนี้มันจึงไม่ควรรีบฟันธงหรือตีความไปในทางเดียวว่า มันเกิดจาก priority ของนักเตะที่ "อยากอยู่บาร์ซ่าต่อ" แค่อย่างเดียว

คิดง่ายๆว่าถ้านักเตะคุยกับเทน ฮาก ว่าไม่อยากย้ายมาจริงๆหัวเด็ดตีนขาด สโมสรเราจะเสียเวลาไปดีลจนถึงตอนนี้ทำไม ถ้านักเตะจะงอแงขนาดนั้นจริงๆ? ป่านนี้ไปดีลเนเวส ดีลทีเลมันส์ หรือปั้นอิคบาลแทนแล้ว

ใช่ เรารู้ว่าแฟรงกี้อยากย้าย แต่อย่าลืมว่าบาร์ซ่าเองก็บริหารจัดการเรื่องตรงนี้แบบไม่โปร่งใสเหมือนกัน แถมยังพยายามจะบีบนักเตะด้วยวิธีการต่างๆอย่างที่ทำออกมาตอนนี้ อย่างที่เห็นแล้วค่อนข้าง "น่าเห็นใจ" แฟรงกี้ เดอ ยอง ซะมากกว่าจะรู้สึกว่าเขาเล่นแง่ไม่ยอมย้ายทีม เพราะเหตุผลที่แท้จริงมันมีมากกว่าแค่ประเด็นนั้น ซึ่งก็คือเรื่องเงินที่เคลียร์กันไม่ได้นั่นแหละครับ

ลองคิดดูง่ายๆ ถ้าปัญหามันมีแค่ "นักเตะไม่ยอมย้ายจริงๆ" ดีลไม่มีทางยืดเยื้อขนาดนี้แน่นอน

คนที่ซวยคือ ทีมงานซื้อขายและฝ่ายบริหารของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่นอกจากจะต้องต่อรองและเคลียร์เงื่อนไขโครงสร้างการชำระเงินกับนักเตะและสโมสรเก่าให้ได้แล้วนั้น ยังโดนแฟนบอลทีมตัวเองด่าอีกว่าดีลช้า

และบทสรุปของกรณีนี้จะเป็นยังไงบ้างเราไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ปลายทางของมันคือการเดินออกมาจากคัมป์นูของแฟรงกี้ เดอ ยอง แน่นอน เพราะถึงขนาดต้นสังกัดบรีฟข่าวสื่อท้องถิ่นกันมาขนาดนี้ เล่นงานกันแบบเห็นๆ ทำให้นักเตะแทบจะกลายเป็นผู้ร้ายไปเลย

งานนี้ยังไงก็จบไม่สวยแน่ๆ แต่เดี๋ยวหลังจากนี้จะได้รู้เลยว่า "ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายบีบ"

บาร์ซ่าออกข่าวมาแบบนี้ อย่าลืมว่า ก็แล้วถ้า แฟรงกี้ ยอมที่จะถูกตัดชื่อออกจากทีมทัวร์ปรีซีซั่น

แล้วอยู่โยงกับสโมสรต่อไปเรื่อยๆ สโมสรก็ไม่ได้เงินก้อนใหญ่จากแมนยูมาจ่ายหนี้ แถมต้องจ่ายค่าเหนื่อยมหาศาลต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงปี 2026 (อ้วกแน่) แถมเขาก็ได้อยู่บาร์ซ่าต่อ

แน่ใจเหรอบาร์ซ่า ว่าพวกนายบีบแฟรงกี้อยู่

ระวังดีๆ จะเจอบีบกลับ และนั่นแหละ พวกเขาก็คงจะรู้บ้างแล้วว่าแต้มต่อพวกตัวเองไม่ได้เยอะเลย ถึงได้มีข่าวว่าพวกเขาพยายามจะรีบผลักไสดีลนี้ให้จบๆโดยเร็วที่สุดนั่นแหละ เพราะไม่งั้นพวกเขาตายแน่ๆ

ถ้าเจอแมนยูกดอัลติ เปิดรอยัลสเตรทฟลัชด้วยการถอนตัวออกไปดื้อๆ นั่นแหละ ถ้าเจอเล่นงานจากสองฟาก ทั้งแมนยู ทั้งนักเตะ บีบกันเข้ามาเหมือนกรรไกรที่จะตัดใส่พวกเขา

รับรองว่า เดี๋ยวมีคนร้องกรี๊ดแน่ๆถ้ายังไม่รีบจัดการปัญหาของฝั่งตัวเองให้เรียบร้อย..

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด