:::     :::

ตีแผ่มุมชีวิตของอาเดรียโน่

วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม 2565 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
1,138
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หากเอ่ยถึงชื่อของอาเดรียโน่

นี่คืออดีตกองหน้าทีมชาติบราซิล ที่เป็นนักเตะในความทรงจำของใครหลายคน นอกจากความแข็งแกร่ง และลูกยิงที่ทรงพลังแล้ว นี่ถือว่าเป็นนักเตะที่เปี่ยมด้วยพรสวรร์มากสุดคนหนึ่งของวงการฟุตบอลแซมบ้า กระนั้น อย่างที่เราทราบกัน ปัญหาด้านจิตใจ ทำให้ก้าวไปไม่สุดอย่างที่ควรจะเป็น 


ช่วงนี้ เราลองไปฟังมุมมองชีวิต จากปากของเขากันหน่อย บางเรื่อง อาจทำให้เราเข้าใจในตัวเขามากว่าเดิม นอกจากนี้ บางเรื่อง อาจทำให้เราตระหนักว่า ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราเข้าใจในตัวเขาผิดอยู่ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราไปติดตามชีวิตบางเสี้ยวบางตอนของเขากันเลย 

แกมันหนีผู้คนนับล้าน, ติดยา และหายตัวในสลัม


คุณคิดว่า ผมได้เห็นคนพูดถึงผมแบบนั้นกี่ครั้งกัน ?” อาเดรียโน่ กล่าวสรุปชีวิตของตัวเองเป็นประโยคสั้นๆ กับการเป็นนักเตะที่ถูกยกย่องว่า ดีที่สุดคนหนึ่งของวงการฟุตบอลบราซิล เท้าซ้ายอันทรงพลัง และโครงสร้างร่างกายที่แข็งแกร่ง ทำให้ผู้คนยกย่องกันว่าเป็นจักรพรรดิ


ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ฉายาดังกล่าว ต้องแลกมากับการถูกตั้งความหวังไว้สูงลิ่ว ก่อนจะปลิดปลิวไปในพริบตา ท่ามกลางคำถามที่หลายคนสงสัย ที่ซุกซ่อนความไม่เข้าใจไว้มากมาย ผลสุดท้าย มันถูกระบายเป็นความในใจออกมา


สำหรับคำว่า -สลัม- คนภายนอกไม่เคยเข้าใจมัน เมื่อพวกเขาพูดถึงบราซิล พวกเขามักคิดถึงเด็กในสลัม พร้อมกับวาดภาพถึงความหมองหม่น, ความเจ็บปวด และความทุกข์ยาก ผมยอมรับว่า บางครั้งมันก็เป็นแบบนั้น อย่างไรก็ตาม มันมีความซับซ้อนมากกว่าอาเดรียโน่ กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของตัวเอง


ผมคิดว่าเรามีความสนุกมากแค่ไหน สำหรับการเติบโตมาในสลัมเขากล่าวต่อผมคิดถึงการเล่นว่าว และลูกข่าง รวมถึงการเตะฟุตบอลตามตรอกซอกซอย นี่คือวัยเด็กที่แท้จริง ไม่เหมือนกับชีวิตเด็กสมัยนี้ ที่ชอบเลื่อนหน้าจออุปกรณ์สื่อสาร ผมเติบโตมาในชุมชน ที่ถูกรายล้อมด้วยครอบครัว รวมถึงคนใกล้ชิด ผมไม่เคยรู้สึกเจ็บปวด ผมแค่ใช้ชีวิตเท่านั้น

นั่นคือความทรงจำในวัยเด็ก เพียงไม่นานนัก อาเดรียโน่ ก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในอะคาเดมี่ของทีมฟลาเมงโก้ ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณสมาชิกในครอบครัว ที่ช่วยกันเรี่ยไรเงิน ส่งเขาเข้าโรงเรียนลูกหนังเป็นผลสำเร็จ หลังจากนั้น การย้ายไปเล่นในยุโรปเป็นครั้งแรก ก็เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไป


เด็กผู้ชายอย่างผม กลายมาเป็นจักรพรรดิที่อิตาลี ?” เขาบอกถึงการย้ายมาเล่นกับอินเตอร์ มิลาน ในช่วงปี 2001 “ผมยังไม่ได้ทำอะไรมากนัก แต่ทุกคนก็ปฏิบัติกับผมเป็นเหมือนราชา มันเป็นเรื่องที่บ้ามาก


คำว่าจักรพรรดิไม่ใช่เรื่องที่เกินเลย นอกจากผลงานในสนามที่น่าจับตามอง ความเป็นไปนอกสนามก็เป็นแบบนั้นเช่นเดียวกัน สื่อมวลชนไล่ตามเขาไปทุกหนแห่ง พยายามเสาะหาข่าวทุกอย่างเท่าที่จะเป็นไปได้ นักข่าวถึงกับตั้งแคมป์อยู่บริเวณบ้านของเขา และไม่ยอมไปไหนเลย ชีวิตดูเหมือนซูเปอร์สตาร์ขึ้นไปทุกวัน กระทั่งข่าวร้ายอีกซีกโลกนั้น กระชากเขากลับสู่ความเป็นจริง


ช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2004 ผมลงสนามรับใช้ทีมชาติบราซิล และเดินทางกลับมาที่ยุโรป ผมได้รับโทรศัพท์จากที่บ้าน พวกเขาบอกผมว่า พ่อเสียชีวิตแล้ว จากภาวะหัวใจวาย ... ผมไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้เลย แต่ผมจะบอกคุณว่า ตั้งแต่วันนั้น ความรักที่ผมมีต่อฟุตบอลก็ไม่เหมือนเดิม ผมเล่นฟุตบอลเพื่อครอบครัว เมื่อผมยิงประตูได้ ผมจะมอบมันให้กับครอบครัว ดังนั้น เมื่อพ่อจากไป ฟุตบอลของผมก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว


ผมอยู่อีกฟากของมหาสมุทร ในอิตาลี ห่างจากครอบครัวไกลแสนไกล ผมไม่สามารถรับมือกับมันได้ ผมมีแต่ความรู้สึกหดหู่ ผมดื่มเยอะมาก ผมไม่อยากไปซ้อมฟุตบอล มันไม่เกี่ยวกับอินเตอร์ มิลาน ผมแค่อยากกลับบ้าน


พูดตามตรง แม้ว่าผมจะยิงประตูได้อย่างมากมายในศึกกัลโช่ เซเรีย อา ตลอดช่วง 2-3 ปี ถึงแม้แฟนบอลจะรักผมมาก แต่ความสุขของผมมันจากไปแล้ว นั่นคือพ่อที่เสียชีวิต ผมไม่สามารถกลับไปเป็นตัวของตัวเอง

ช่วงปี 2008 อินเตอร์ มิลาน อนุญาตให้เขาเดินทางกลับไปที่บราซิล ช่วงพักเบรคฤดูหนาว โดยเป็นการกลับที่เร็วกว่าปกติ และเขาตัดสินใจไม่กลับมาอีกแล้ว เพราะอยากกลับไปอยู่กับครอบครัว และรักษาบาดแผลทางใจที่เกิดขึ้น ซึ่งสื่อมวลชนต่างประโคมข่าวดังกล่าว ราวกับว่ารู้เหตุการณ์ในชีวิตเขาทุกเรื่อง


สำหรับสื่อมวลชน บางครั้ง พวกเขาก็ไม่เข้าใจว่าเราต่างเป็นมนุษย์ มันเป็นความกดดันมหาศาล ที่ถูกยกให้เป็นจักรพรรดิ ผมมาจากการไม่มีอะไรเลย แค่คนที่อยากเล่นฟุตบอล และอยากดื่มสังสรรค์ พร้อมกับใช้ชีวิตกับลูก ผมยังเป็นเด็กสลัมคนเดิม


สื่อมวลชนเล่นข่าวว่า ผมหายตัวไป พวกเขาบอกว่า ผมหายไปในสลัม และเริ่มเล่นยา เรื่องราวบ้าๆเกิดขึ้น พวกเขาเผยแพร่รูปถ่ายของผม บอกว่าผมรายล้อมไปด้วยเหล่าอันธพาล เรื่องของผมกลายเป็นโศกนาฏกรรม ผมทำได้เพียงหัวเราะออกมา เพราะพวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังพูดอะไรออกไป


อาเดรียโน่ ยอมรับว่า กำลังเผชิญหน้ากับบาดแผลทางจิตใจ ซึ่งมันยากกว่าการฟื้นฟูบาดแผลทางกาย ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องยาก ภาวะซึมเศร้ากัดกินใจอย่างช้าๆ การกลับบ้านไปหาผู้คน, บรรยากาศ รวมถึงสถานที่ที่คุ้นเคย จึงเป็นทางออกที่เขาเลือกทำ


ผมตัดสินใจไปที่สโมสรเซา เปาโล พวกเขามีทีมแพทย์ที่ยอดเยี่ยมสุดในโลก ผมเริ่มเข้ารับการรักษาภาวะซึมเศร้า ผมเริ่มสร้างตัวตนแบบเดิมกลับมาได้ ประธานสโมสรอินเตอร์ มิลาน อย่าง มัสซิโม่ โมรัตติ โทรมาถามผมว่าเป็นยังไงบ้าง ผมตอบกลับเขาไปว่า ผมกลับไปไม่ได้ และต้องการอยู่ที่บราซิล ซึ่งเขาปล่อยผมไปตามทาง ผมเคารพเขามากจากเรื่องนั้น


ผมดื่มอยู่บ้าง แต่ไม่ได้เล่นยา ถ้าคุณตรวจปัสสาวะของผม คุณจะไม่พบสารเสพติดใดๆ ... ใช่แล้ว ผมอาจจะเลือกหันหลังให้กับเงินทองนับล้าน แต่คุณตีราคาจิตวิญญาณของตัวเองเท่าไหร่ล่ะ ? คุณต้องจ่ายเท่าไหร่ เพื่อซื้อความเป็นตัวเองกลับมา ?"


"หัวใจผมแตกสลาย จากการที่พ่อเสียชีวิตไป ผมไม่อยากเป็นจักรพรรดิอีกแล้ว ผมอยากรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง และสนุกกับชีวิตอีกครั้ง


แกมันหนีผู้คนนับล้าน, ติดยา และหายตัวในสลัม” .... สุดท้ายเราจึงได้รู้แล้วว่า อาเดรียโน่ ไม่ได้หนีหายไปไหนเลย เขาแค่กลับไปหาสิ่งที่เรียกว่าความสุขอีกครั้งเท่านั้นเอง 

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด