นอกจากผลการแข่งขันที่ชนะรวดแล้ว อาร์เซน่อล ยังเก็บเกี่ยวข้อดีอีกมากมายจากปรีซีซั่นที่แดนมะกันในครั้งนี้
1. ชนะรวดทุกนัด
ผลการแข่งขันในช่วงปรีซีซั่นอาจไม่สลักสำคัญมากนัก แต่การเก็บชัยชนะได้ย่อมดีกว่าความพ่ายแพ้เพราะมีผลต่อความมั่นใจก่อนเริ่มฤดูกาลใหม่
มิเกล อาร์เตต้า พาทีมชนะได้ตลอด 3 นัดของการทัวร์อเมริกา เริ่มจากทุบ เอฟเวอร์ตัน 2-0 จากผลงานของ กาเบรียล เชซุส และ บูคาโย่ ซาก้า
จากนั้นชนะ ออร์แลนโด้ ซิตี้ 3-1 กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ และ รีสส์ เนลสัน ยิงคนละประตู และปิดท้ายไล่ขย่ม เชลซี 4-0 จากประตูของ กาเบรียล เชซุส, มาร์ติน โอเดการ์ด, บูคาโย่ ซาก้า และ แซมบี้ โลคองก้า
เมื่อรวมกับอีก 2 นัดก่อนออกทัวร์ที่ชนะ อิปสวิช 5-1 และชนะ เนิร์นแบร์ก 5-3 ก็เท่ากับว่า "ปืนใหญ่" ชนะรวด 5 นัดในช่วงปรีซีซั่น
โปรแกรมอุ่นเครื่องคือกลับไปเล่น เอมิเรตส์ คัพ ที่จะเป็นเจ้าภาพต้อนรับ เซบีย่า ในวันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม
2. แข้งใหม่จูนเข้าทีมรวดเร็ว
อาร์เซน่อล เสริมทัพนักเตะใหม่หลายรายในซัมเมอร์นี้ก่อนให้โอกาสลงสนามในการทัวร์สหรัฐฯ
กาเบรียล เชซุส ทำผลงานได้โดดเด่นสุดยิงประตูแรกในเกมพบ เอฟเวอร์ตัน และ เชลซี พร้อมกับทำแอสซิสต์นัดกับ ออร์แลนโด้
ไม่ใช่เพียงการทำประตูเท่านั้น แต่การเล่นของ เชซุส ยังมีประโยชน์ต่อทีมอย่างมากไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมเกม การช่วยไล่บอล และมีส่วนร่วมในทุกจังหวะการเล่น
ขณะที่ แมตต์ เทอร์เนอร์ นายทวารชาวอเมริกัน และ มาร์กินญอส ปีกดาวรุ่งบราซิเลียนก็ได้ลงสนามพอสมควร แม้ฟอร์มอาจไม่ยอดเยี่ยมเท่า เชซุส แต่ก็ทำได้น่าพอใจและแสดงให้เห็นว่าสามารถเป็นอะไหล่ให้ทีมได้
ส่วน โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ แข้งป้ายแดงล่าสุดก็ได้ประเดิมสนามในทันทีในนัดสุดท้ายกับ เชลซี และทำผลงานได้ดีมากแม้เพิ่งย้ายมาร่วมทีมได้ไม่กี่วัน
ฟาบิโอ วิเอร่า เป็นรายเดียวที่ไม่ได้ลงสนามเนื่องจากมีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน และเพิ่งกลับมาซ้อมเบาๆ ได้ น่าจะอีกราว 1-2 สัปดาห์ที่แฟนบอลจะได้เห็นฝีเท้าแข้งอิมพอร์ตจาก ปอร์โต้ รายนี้
3. ซาลีบา โคตรดี!
อีกหนึ่งนักเตะที่แฟนบอลเฝ้ารอชมผลงานในฤดูกาลใหม่นี้คือ วิลเลี่ยม ซาลีบา ปราการหลังทีมชาติฝรั่งเศสที่เซ็นสัญญากับ อาร์เซน่อล ตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว แต่ยังไม่ได้ลงสนามในเกมทางการแม้แต่นัดเดียว
ซาลีบา ถูกปล่อยยืมตัวตลอดสามฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งในฤดูกาลล่าสุดที่อยู่กับ โอลิมปิก มาร์กเซย ก็ทำให้หลายคนเชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่จะได้โอกาสกับ อาร์เซน่อล เพราะเล่นได้ดีจนก้าวไปติดทีมชาติชุดใหญ่ พร้อมซิวรางวัลแข้งดาวรุ่งยอดเยี่ยมและติดทีมยอดเยี่ยมของ ลีก เอิง ประจำฤดูกาล
อาร์เตต้า ได้ทดสอบ ซาลีบา เต็มๆ ในการทัวร์ครั้งนี้ทั้งการเล่นระบบแบ็กโฟร์ที่กองหลังวัย 21 ปีจับคู่กับ กาเบรียล มากัลเญส หรือการเล่นระบบสามเซนเตอร์ที่มี เบน ไวท์ ขนาบข้างอีกราย
ซาลีบา ได้รับคำชมอย่างมากโดยเฉพาะเกมกับ เชลซี ที่ปิดเกมรุกคู่แข่งอยู่หมัด เล่นได้เนียนตา แข็งแกร่ง และทำให้เกมรับ อาร์เซน่อล เหนียวแน่นขึ้นอย่างมาก
4. ได้ทดลองแท็กติกและผู้เล่นเต็มที่
มิเกล อาร์เตต้า ได้ทดลองระบบการเล่น และแท็กติกอย่างเต็มที่ตลอด 3 นัดในการทัวร์ครั้งนี้ เช่นเดียวกับให้โอกาสหลายต่อหลายคนที่แม้อยู่ในข่ายอาจถูกปล่อยตัวออกจากทีมก่อนตลาดวาย
ระบบการเล่นหลักยังเป็น 4-2-3-1 แต่ก็มีสลับเล่นระบบ 3 เซนเตอร์ เช่นเดียวกับการเล่นกองหน้าคู่กันระหว่าง กาเบรียล เชซุส และ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์
ในช่วงที่ ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ แบ็กขวาตัวจริงยังไม่ฟิตเต็มร้อย อาร์เตต้า ทดลองให้ เบน ไวท์ ขยับไปเล่นแบ็กขวาสลับกับ เซดริก โซอาเรส ทำให้ทีมมีตัวเลือกสองคนในตำแหน่งนี้เมื่อฤดูกาลเปิดฉาก ส่วน เอคตอร์ เบเยริน น่าจะถูกปล่อยออกจากทีม
เช่นเดียวกับฝั่งซ้ายที่ คีแรน เทียร์นีย์ ยังไม่สมบูรณ์ นูโน่ ตาวาเรส ได้โอกาสต่อเนื่อง ก่อนที่นัดสุดท้ายจะได้ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ เข้ามาเป็นอีกตัวเลือกที่เข้าตัวเข้ากับทีมได้รวดเร็ว
หลายคนที่อนาคตไม่ชัวร์ว่าจะได้ "อยู่ต่อ" หรือ "ย้ายออก" ก็ยังได้โอกาสจาก อาร์เตต้า ให้ลงเล่นไม่ว่าจะเป็น เอคตอร์ เบเยริน, นูโน่ ตาวาเรส, เอนส์ลีย์ เมทแลนด์-ไนลส์, นิโกล่าส์ เปเป้, รีสส์ เนลสัน, ปาโบล มารี ฯลฯ รวมไปถึงดาวรุ่งอย่าง รูเอล วอลเตอร์ส กองหลังวัย 17 ปีที่ร่วมไปทัวร์ด้วย
5. ตัวจริง 11 คนแรกเริ่มปรากฏ
หลังการทัวร์อเมริกาเสร็นสิ้นลง มิเกล อาร์เตต้า เริ่มมองเห็น 11 ตัวจริงที่จะใช้งานในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่
ชุดตัวจริงในช่วงที่ คีแรน เทียร์นีย์ กับ ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ ยังไม่สมบูรณ์ น่าจะเป็น 11 คนแรกที่ออกสตาร์ทในเกมชนะ เชลซี 4-0
ผู้รักษาประตูแน่นอนอยู่แล้วว่าเป็น อารอน แรมส์เดล กองหลังแบ็กโฟร์ประกอบด้วย เบน ไวท์, วิลเลี่ยม ซาลีบา, กาเบรียล มากัลเญส และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้
ในการเล่นจริงในสนาม การยืนของ ไวท์ จะเป็นทั้งแบ็กขวาและหนึ่งในสามเซนเตอร์ร่วมกับ ซาลีบา และ กาเบรียล โดยที่ บูคาโย่ ซาก้า คอยช่วยเกมรับฝั่งขวา ส่วนฝั่งซ้าย ซินเชนโก้ ก็ขึ้น-ลงได้โดยธรรมชาติอยู่แล้ว
ตรงกลางเป็นการจับคู่กันระหว่าง โธมัส ปาร์เตย์ กับ กรานิต ชาก้า ขณะที่ มาร์ติน โอเดการ์ด ยืนเป็นเพลย์เมกเกอร์ตรงกลาง แต่ก็พร้อมลงมาช่วยไล่บอลตลอดเวลา
ริมเส้นสองฝั่งใช้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ขึ้นทางซ้าย ส่วนทางซ้ายเป็นพื้นที่ของ ซาก้า และมี กาเบรียล เชซุส หัวหอกตัวใหม่ที่ยิงไป 4 ประตูในช่วงอุ่นเครื่องทำหน้าที่หน้าเป้า
11 ตัวจริงในนัดเปิดสนามที่จะไปยือน คริสตัล พาเลซ วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม ไม่น่าพลิกโผไปจากนี้
เว้นเสียแต่ว่าจะมี "บิ๊กเนม" เซอร์ไพรส์แฟนบอลส่งท้าย
