ดูโอ "แอสซิสต์" คู่ใหม่แห่ง "ฉลามชล"
“เจ้ายิม” โชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงตั้งแต่นัดแรก รวมลงสนามในเลกแรก 15 นัด 1,191 นาที, คว้าแมน ออฟ เดอะ แมตช์ 4 ครั้ง, ยิงได้ 8 ประตู เป็นการทำ 1 แฮตทริก และแอสซิสต์ 1 ครั้ง ทำให้ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ตัดสินใจในการยื่นขอซื้อตัวราว 30 กว่าล้านบาท
เนื่องจากปัญหาด้านการเงินของสโมสรที่ติดลบตัวแดงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสตัวร้าย โควิด-19 ทำให้แฟนบอลไม่สามารถเข้าชมการแข่งขันภายในสนามได้ทำการแข่งขันแบบปิด และจำกัดจำนวนผู้เข้าชมเข้าสนามในเวลาต่อมา
อีกทั้งรายได้หลักจากผู้สนับสนุนสโมสรลดลงเป็นอย่างมาก รวมไปถึงหนี้คงค้างที่มีมากเกินจะแบกรับเอาไว้ได้ ทำให้ต้องขาย "ยิม" เพื่อนำเงินเข้ามาพยุงสโมสร
จากนั้นในเลกสองแฟนบอล “ฉลามชล” ไม่ได้เห็นการจ่ายบอลแบบทะลุทะลวงอีกเหมือนเช่นเคย ซึ่งการเข้าทำสกอร์ส่วนใหญ่ มาจากทางริมเส้นที่เปิดเข้าไปลุ้นในเขตโทษ หรือบางทีก็ได้ลูกยิงไกลจากแถวสองเป็นอีกหนึ่งอาวุธหลัก
โจทย์ที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขาตัดสินใจดึงตัว ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว เพลย์เมกเกอร์ดาวรุ่งกลับมาจาก อูนิโอน อดาร์เบ้ สโมสรในศึกลีกา 4 ของสเปน เพื่อรอลุยในซีซั่นใหม่
อย่างไรก็ตาม “ฉลามชล” ก็ยังให้โอกาสกับ “เจ้าหนึ่ง” ในการพิจารณาโอกาสไปเล่นใน เจ ทู ของญี่ปุ่น ทว่าสุดท้ายดาวรุ่งที่ผ่านการติดทีมเยาวชนทีมชาติไทยมาแล้วทุกชุด ก็เลือกที่จะขอเล่นให้กับ ชลบุรี เอฟซี ในฤดูกาลใหม่ที่กำลังมาถึงก่อน
โดยมุมมองที่โตขึ้นของแข้งรายนี้ เขาตั้งใจเอาไว้ว่าอยากจะมีเกมได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอกับต้นสังกัด เพราะในช่วงขวบปีที่ผ่านมา เขาเริ่มต้นได้ดีกับ อูนิโอน อาดาร์เบ้ สามารถทำประตูและแอสซิสต์ให้กับทีม ได้ตั้งแต่ช่วงแรกๆ
ถึงขนาดที่ Balon Tierra สื่อกีฬาท้องถิ่นของ ประเทศ สเปน ได้จัดอันดับนักเตะที่โชว์ดีที่สุด 11 คน จากแมตช์ที่ 8 ในดิวิชั่น4 ปรากฏว่า “เจ้าหนึ่ง” ซึ่งโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นกลายเป็น 1 ใน 4 นักเตะจากสโมสร ที่ติดทีมยอดเยี่ยมประจำสัปดาห์
ทว่าในช่วงกลางไปถึงท้ายฤดูกาล นอกจากการระบาดหนักของโควิด-19 และทีมมีการเปลี่ยนแปลงเฮดโค้ชรวมถึงได้ปรับเปลี่ยนแท็คติกมาเน้นเกมไดเร็คเพลย์มากขึ้น ทำให้เขาไม่ได้ลงสนามต่อเนื่อง จนเป็นสาเหตุให้ดาวรุ่งเท้าซ้ายรายนี้ ตัดสินใจขออยู่เรียกจังหวะในเกมกับ “ฉลามชล” ดีกว่าไปเสี่ยงกับการผจญภัยครั้งใหม่ที่แดนซากุระ
ไม่เพียงแค่นั้น ก่อนศึก “ล่องใต้คัพ 2022” ไม่กี่วัน พวกเขาจัดการคว้าได้เจ้าของรางวัล ผู้เล่นทรงคุณค่าแห่งปีไทยลีก หรือ "MVP" ปี 2018 และ 2020 ของ เอฟเอ ไทยแลนด์ อวอร์ด 2020 ซึ่งเป็นผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่คว้ารางวัลนี้ไปได้ถึง 2 ครั้ง อย่าง สุมัญญา ปุริสาย มาร่วมทัพ
โดยกองกลางวัย 35 ปี เป็นส่วนสำคัญในการพา บีจี ปทุม ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ไทยลีก ฤดูกาล 2020-21, แชมป์ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์คัพ 2021 และเป็นหนึ่งในผู้เล่นชุด เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2021 และ 2022 ที่สามารถเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ แต่จากอาการบาดเจ็บที่คอยเล่นในงานในซีซั่นที่ผ่านมา ทำให้ไม่ได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องเหมือนเคย
เป็นสาเหตุหลักที่ "เดอะ แรบบิท” ไม่ต่อสัญญามิดฟิลด์ระดับมันสมองรายนี้ ซึ่งเขาได้ลงสนามไปทั้งสิ้น 60 นัด รวมทุกรายการ เป็นการออกสตาร์ทตัวจริง 43 นัด และสำรองอีก 17 นัด ยิง 8 ประตู และ 9 แอสซิสต์
จากผลงานดังกล่าวบวกกับความตั้งใจที่อยากย้ายมาอยู่กับ “ฉลามชล” ทำให้เขามาขอทดสอบฝีเท้า เพื่อให้ทีมดูว่าเขาไร้ซึ่งปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน จนได้รับความไว้วางใจด้วยการยื่นสัญญา 1 ปี พร้อมกับได้เดินทางไปลุยพรีซีซั่นในศึก “ล่องใต้คัพ 2022”
เกมนัดแรกที่เจอกับ โปลิศ เทโร เอฟซี “โค้ชเตี้ย” จับ ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว และ สุมัญญา ปุริสาย ทำเกมร่วมกันในแดนกลาง โดยมี กฤษดา กาแมน เป็นคนคอยตัดเกม และรายแรกก็สามารถทำ 1 ประตู บวกกับ 1 แอสซิสต์ ในการกลับมาร่วมทัพ “ฉลามชล” ได้อีกด้วย
ส่วนในนัดที่สอง “ตั๊ก” ทำแอสซิสต์กับทีมได้เช่นกัน ซึ่งเป็นช็อตที่กลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็วในการแก้เพรสซิ่ง การท่าเรือ เอฟซี ด้วยการใช้การต่อบอลถึง 9 จังหวะ นำไปสู่การที่เขาจ่ายไปให้ ดานิโล อัลเวส ปั่นบอลโค้งๆ เข้าประตูไปอย่างสวยงาม
จาก 2 เกมดังกล่าว เชื่อเหลือเกินว่า ชลบุรี เอฟซี มาถูกทางแล้ว กับการค้นพบกองกลางที่มีสไตล์การจ่ายบอลแบบทะลุทะลวง ซึ่งพวกเขาใช้เวลามานานหลายเดือนในการค้นหา หลังการจากไปของ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ
แฟนบอล “ฉลามชล” คงจะตั้งตารอไปพร้อมๆกัน กับความน่าสนุกที่คู่หูต่างวัยทั้ง ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว กับ สุมัญญา ปุริสาย จะช่วยกันจ่ายบอลแอสซิสต์ ได้มากน้อยเพียงใดกับฤดูกาล 2022/2023 ที่กำลังจะมาถึง