ลีโอเนล เมสซี่ มีโอกาสหวนคืน 'คัมป์ นู' ในช่วงซัมเมอร์ปี 2023 เพื่อยุติอาชีพค้าแข้งฐานะนักเตะ บาร์เซโลน่า ในอนาคต 

เมสซี่ มีความผูกพันกับ บาร์เซโลน่า มาเกือบตลอดอาชีพค้าแข้งและควรจะเป็นอีกหนึ่ง 'วัน แมน คลับ' ด้วยซ้ำหากสโมสรเผชิญวิกฤตทางการเงินครั้งใหญ่จนไม่สามารถเก็บรักษานักเตะดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร ก่อน เมสซี่ จะย้ายไปเซ็นสัญญา 2 ปีกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในช่วงซัมเมอร์ปี 2021

บาร์เซโลน่า ดึง เมสซี่ จาก อาร์เจนตินา มาสู่ 'คัมป์ นู' เมื่อปี 2000 ตอนอายุ 13 โดยใช้เวลาฟูมฟักประมาณ 3 ปี จนกระทั่งก้าวขึ้นทีมชุดใหญ่และกลายเป็นแข้งประวัติศาสตร์ของสโมสร 

ตลอดอาชีพค้าแข้ง 17 ปีฐานะนักเตะ บาร์เซโลน่า, เมสซี่ ลงเล่น 778 เกมและทำรวมกัน 672 ประตู ร่วมคว้าแชมป์ 34 รายการทั้ง ลา ลีกา 10 สมัย, แชมเปี้ยนส์ลีก 4 สมัย, โกปา เดล เรย์ 7 สมัย, ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ 3 ครั้ง, ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 3 ครั้ง และ สแปนิช ซูเปอร์ คัพ 7 ครั้ง 

จากปัญหาทางการเงินทำให้ บาร์เซโลน่า ไม่สามารถเก็บนักเตะดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรก่อนปล่อยกองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ย้ายไปค้าแข้งกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในช่วงซัมเมอร์ปี 2021 โดยเซ็นสัญญา 2 ปีบวกอ็อปชั่นเพิ่มเติมอีก 12 เดือน พร้อมการกล่าวอำลาทีมอาซูลกราน่าทั้งน้ำตาจากความผูกพันกับสโมสรและเมืองบาร์เซโลน่า 

อย่างไรก็ตาม เมสซี่ ยังคงเป็นที่รักของแฟนๆบาร์ซ่าและยังเป็นนักเตะที่มีคุณค่าต่อสโมสรบาร์เซโลน่า ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ โจน ลาปอร์ต้า ประธานทีมอาซูลกราน่าจะเปิดประตูต้อนรับการหวนคืน 'คัมป์ นู' ต่อกองหน้าชาวอาร์เจนไตน์เสมอ 

'สำหรับ บาร์ซ่า เขาเป็นนักเตะยิ่งใหญ่ที่สุด มีประสิทธิภาพมากที่สุด สำหรับผม เขาเทียบได้กับ โยฮัน ครัฟฟ์ เท่านั้น แต่มันจะต้องเกิดขึ้นสักวันหนึ่ง' ลาปอร์ต้า กล่าวถึง เมสซี่ 

'เราต้องตัดสินใจจากสิ่งที่เราได้รับมา สถาบันอยู่ในฐานะที่ต้องรับผิดชอบนักเตะและเทรนเนอร์'

'ผมหวังว่าบทของ เมสซี่ ยังไม่จบ ผมคิดว่ามันเป็นความรับผิดชอบของเราที่จะพยายามเพื่อสิ่งนั้น หาช่วงเวลาที่จะแก้ไขบทนั้น ซึ่งยังคงเปิดอยู่และยังไม่ปิด ดังนั้นมันจะเป็นอย่างที่ควรจะเป็น และปิดฉากอย่างสวยงามมากกว่า'

'ในฐานะประธานของ บาร์ซ่า ผมทำในสิ่งที่ผมต้องทำ แต่ในฐานะประธานของ บาร์ซ่า และในระดับส่วนตัว ผมคิดว่าผมเป็นหนี้เขา' ลาปอร์ต้า กล่าว

ขณะที่ ชาบี เอร์นานเดซ ในฐานะเทรนเนอร์คนปัจจุบันของ บาร์เซโลน่า และเพื่อนร่วมทีมเก่าของ เมสซี่ คาดหวังถึงการดึงกองหน้าชาวอาร์เจนไตน์คืนถิ่น 'คัมป์ นู' ในช่วงซัมเมอร์หน้าเช่นกัน 

การหวนคืน 'คัมป์ นู' ในช่วงซัมเมอร์ปี 2023 มีความเป็นไปได้สำหรับ เมสซี่ เนื่องจากเขากำลังจะสิ้นสุดสัญญากับ เปแอสเช หลังจบซีซั่น 2022-2023 และในช่วงเวลานั้นสถานการณ์ทางการเงินของทีมอาซูลกราน่าจะดีขึ้นกว่าในปัจจุบัน

จากการประเมินของสื่อแคว้นกาตาลุนย่าระบุว่า บาร์เซโลน่า มีเหตุผลหลายประการที่ทำให้ทีมอาซูลกราน่าพร้อมดึง เมสซี่ คืนถิ่น 'คัมป์ นู' ในช่วงซัมเมอร์ปีหน้า 

เมสซี่ เป็นหนึ่งในนักเตะยิ่งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรบาร์เซโลน่า เขายังคงได้รับความเชื่อมั่นในระดับสูงกับทีมอาซูลกราน่า ซึ่งมาจากความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ตลอดช่วง 17 ปีในสโมสรนี้ โดยมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจเป็นแรงจูงใจที่แข็งแกร่งสำหรับการหวนคืนมาบรรจบกันอีกครั้ง

บาร์เซโลน่า เชื่อว่าการเซ็นสัญญาใหม่กับ เมสซี่ จะช่วยให้สโมสรได้รับแรงจูงใจทางเศรษฐกิจกลับคืนมาในอนาคต แม้สโมสรอาจจะไม่จ่ายเงินค่าจ้างให้นักเตะด้วยเงินจำนวนมหาศาลเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ แต่กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์จะได้รับโบนัสหลายรายการในสัญญาของเขา

อีกเหตุผลหนึ่งในการดึง เมสซี่ กลับมาในช่วงซัมเมอร์ปีหน้าคือความแข็งแกร่งของทัพอาซูลกราน่าที่สร้างขึ้นในปีนี้ หลังการเซ็นสัญญากับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, ราฟินญ่า, ฟร้องค์ เกสซีเย่, อันเดรียส คริสเตนเซ่น และอาจจะเพิ่มเติมนักเตะอีกบางคน

บาร์เซโลน่า เชื่อมั่นว่าขุมกำลังของพวกเขามีศักยภาพพร้อมท้าทายไม่เพียงแต่การแย่งแชมป์ ลา ลีกา กลับมาจาก เรอัล มาดริด เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการลุ้นความสำเร็จบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกด้วย หลังประสบความสำเร็จในรายการนี้ครั้งสุดท้ายตั้งแต่ปี 2015

สโมสรทราบดีว่า เมสซี่ ชื่นชอบการแข่งขันภายในทีม และด้วยขุมกำลังที่แข็งแกร่งขึ้นทำให้กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์สามารถร่ายเวทย์มนตร์เหมือนที่สาวกบาร์เซโลนีสต้าเคยเห็นจนชินตาในอดีต

สัญญาของ เมสซี่ กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง จะสิ้นสุดลงหลังจบฤดูกาล 2022-2023 โดยมีอ็อปชั่นขยายสัญญาอีกหนึ่งซีซั่น ซึ่งคาดว่า เปแอสเช พร้อมยื่นข้อเสนอด้วยค่าจ้างเพิ่มมากขึ้นในช่วงหน้าร้อนปีหน้า 

แต่ถึงอย่างไร บาร์เซโลน่า ยังมั่นใจว่าพวกเขาสามารถโน้มน้าวให้ เมสซี่ ตัดสินใจหวนคืนถิ่น 'คัมป์ นู' อีกครั้งเพื่อยุติอาชีพค้าแข้งในฐานะนักเตะบาร์ซ่าอย่างที่นักเตะเคยคาดหวังไว้ก่อนหน้านี้ 

บาร์เซโลน่า ขายสิทธิ์โทรทัศน์ให้ 'Sixth Street' บริษัทลงทุนสัญชาติอเมริกัน 25 เปอร์เซ็นต์ ทำเงินให้สโมสรราว 650 ล้านยูโร ซึ่งเป็นการตอบข้อสงสัยของใครหลายคนที่มองว่าทีมอาซูลกราน่าที่กำลังเผชิญวิกฤตทางการเงินสามารถเซ็นสัญญากับนักเตะใหม่ได้อย่างไร โดยเฉพาะการคว้าตัว โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และ ราฟินญ่า ด้วยมูลค่ารวมกัน 103 ล้านยูโรโดยยังไม่รวมโบนัสเพิ่มเติม

'ในขณะนี้ เรามีมูลค่าสุทธิเป็นบวก ในเวลาประมาณหนึ่งเดือน เราได้รับเงินเกือบ 650 ล้านยูโร' ลาปอร์ต้า เผย

'เราต้องเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ลิขสิทธิ์ทีวีถูกขายไป 25 เปอร์เซ็นต์ และนั่นได้เพิ่มรายได้ที่สำคัญ สโมสรอยู่บนเส้นทางสู่การมีความมั่นคง การเงินของสโมสรดีขึ้นด้วยเงินที่เขามา และเราสามารถชำระคืนเครดิต 100 ล้านยูโรที่เรามีผ่าน Goldman Sachs'

'ยิ่งไปกว่านั้น มันจำเป็นต้องพูด สโมสรกลับมามีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดี แต่เราต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อเพิ่มรายได้ ไม่ใช่จากการขายหุ้น แต่ด้วยการแสวงหาผลกำไรจากพวกมัน'

ลาปอร์ต้า ยังกล่าวถึงข้อพิพาททางกฎหมายกับ ยูฟ่า และ ฟีฟ่า เกี่ยวกับกรณี ซูเปอร์ลีก ที่ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรปมีกำหนดตัดสินใจปีหน้าว่าหน่วยงานที่กำกับดูแลมีสิทธิ์ที่จะบล็อคสโมสรไม่ให้เข้าร่วมรายการดังกล่าวและลงโทษนักเตะที่มีส่วนร่วมได้หรือไม่ หลัง บาร์เซโลน่า เป็น 1 ใน 3 สโมสรร่วมกับ เรอัล มาดริด และ ยูเวนตุส ที่ยังอยู่ในโปรเจ็กท์นั้น 

'ตอนนี้เรามีแนวทางแบบสงบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ต้องการให้ใครไม่พอใจ สนับสนุนการเจรจากับสถาบันต่างๆในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองหรือกีฬา และทำให้เป็นการแข่งขันที่น่าดึงดูดที่สุดในโลก มันต้องเปิดกว้าง และเราที่ บาร์เซโลน่า ได้กล่าวไว้ในกรณีนี้ เราจะเคารพหน่วยงานของรัฐในยุโรปและยูฟ่าในกรณีนี้'

'เราเปิดกว้างสำหรับการอภิปราย แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือการแข่งขันที่สโมสรต่างๆจะใช้อำนาจในการตัดสินใจของตัวเอง สุดท้ายนี้เราคือคอยที่คอยซัพพอร์ตน้ำหนักของฟุตบอลยุโรป ที่นั่นอาจเป็นการแข่งขันที่น่าดึงดูดใจที่สุดในโลกได้หากเราทำถูกต้องและผมแน่ใจว่าเราจะทำมันให้ถูกต้องเพราะกฎหมายปกป้องเรา' ประธานบาร์ซ่ากล่าว