เหตุที่ "ธีราทร" เหมาะกับตำแหน่ง "แข้งแห่งปี"
หลักเกณฑ์ของรางวัลดังกล่าว คือ ต้องเป็นนักฟุตบอลชายทีมชาติไทยที่สร้างผลงานโดดเด่นในการแข่งขันฟุตบอลชายทั้งในลีกและระดับนานาชาติ แน่นอนว่าการที่เขาพาทีมชาติไทย ประสบความสำเร็จความแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 อันนับเป็นสมัยที่ 6 ของขุนพล "ช้างศึก"
ไม่เพียงเท่านั้นการที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซื้อตัวเขามาจาก โยโกฮามา เอฟ มารินอส กลับมาโลดแล่นในเมืองไทย เขายังพา "ปราสาทสายฟ้า"โกยแต้มเข้าวินในการคว้าแชมป์ไทยลีก สมัยที่ 7 ของสโมสร ตามด้วยการเป็น "ทริปเปิ้ลแชมป์" ในฤดูกาลที่ผ่านมา หลังกินรวบทั้ง ลีก คัพ และ เอฟเอ คัพ นับเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมของ "โก๋อุ้ม" เลยทีเดียว
ก่อนประกาศรางวัลดังกล่าว คู่แข่งคนสำคัญคือ 2 รุ่นน้องทีมชาติไทย ประกอบด้วย เชาว์วัฒน์ วีระชาติ ที่ลงเล่นไป 30 นัด ทำได้ 3 ประตู 7 แอสซิสต์ กลายเป็นกองกลางคนสำคัญของบีจี ปทุม ยูไนเต็ด จนถูก เซเรโซ่ โอซาก้า ยืมตัวกลับไปใช้งานลุยแดนซามูไร อีกครั้งในรอบ 4 ปี
รวมทั้ง “จารย์เตอร์”วีระเทพ ป้อมพันธุ์ กองกลางเซนส์บอลสูง เจ้าของสถิติจ่ายบอลแม่นยำสุดในศึกไทยลีก ฤดูกาลล่าสุด และกลายมาเป็นนักเตะแกนหลักที่ไว้วางใจได้ของ ทีมชาติไทยชุดใหญ่ ในปัจจุบัน ซึ่งบางครั้งก็ถูกถอยลงมาเล่นเซนเตอร์ฮาล์ฟได้ด้วย
อย่างไรก็ตามคณะกรรมการที่ได้ตัดสินรางวัลนี้ คงจะมองเห็นความสำเร็จที่ “โก๋อุ้ม” สร้างเอาไว้ในนามทีมชาติ ต่อเนื่องมาถึงสโมสร ที่เขาลงตัวจริงเกือบทุกนัด จนเป็นพี่ใหญ่ของทีมไปแล้วในวัย 32 ปี
ที่สำคัญเขายังถูกการยอมรับจากเพื่อนร่วมอาชีพทุกคน ไปจนถึงโค้ชของสโมสรต่างๆ ที่มองว่าโทรฟี่นี้เหมาะสมอย่างยิ่งกับเจ้าของเบอร์ 5 คนใหม่ แห่งถิ่น ช้าง อารีนา ที่จะใช้ลุยในซีซั่น 2022/2023
การไดัรางวัลดังกล่าวถือเป็นครั้งที่สองในการเป็น "แข้งยอดเยี่ยมแห่งปี" ต่อจากช่วงไปค้าแข้งกับ โยโกฮามา เอฟ มารินอส ฤดูกาล 2019 ก่อนมีส่วนสำคัญพาทีมคว้าแชมป์เจลีก มาครองได้ทันทีในฐานะนักเตะอาเซียนคนแรกในประวัติศาสตร์
ชื่อของ “โก๋อุ้ม” ยังเป็นแข้งไทยคนที่สองที่สามารถพิชิตรางวัลใหญ่ของวงการลูกหนังไทย ต่อจากกองกลางคนใหม่ของ ชลบุรี เอฟซี อย่าง สุมัญญา ปุริสาย ที่เคยคว้ามาแล้วได้ถึง 2 ครั้งเช่นกัน ในปี 2018 กับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และปี 2020 กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
ขณะเดียวกัน ธีราทร ยังมีชื่ออยู่ในตำแหน่ง 11 ผู้เล่นไทยลีกยอดเยี่ยมแห่งปี มาพร้อมกับเพื่อนร่วมทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีก 2 คน ไม่ว่าจะเป็น เรบิน ซูลาก้า ปราการหลังอิรัก และรุ่นน้องในนามทีมชาติไทย อย่าง ศุภชัย ใจเด็ด
“นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี” นับเป็นรางวัลที่เหมาะสมกับเขาอย่างมาก อย่างไรก็ตามภารกิจในซีซั่นใหม่กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คือ การป้องกันแชมป์ทั้ง 3 โทรฟี่ไว้ให้ได้ ในสถานะที่ทุกๆ ทีมจ้องจะล้มทัพ “ปราสาทสายฟ้า” อยู่ก็ตาม
ส่วนตัวเขากับเพื่อนร่วมทีมจะรักษามาตรฐานได้หรือไม่ คงจะต้องดูถ้วยแรกของฤดูกาลที่จะพบกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ของศึก ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์ คัพ ที่สนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดนครราชสีมา วันที่ 6 ส.ค.นี้ ก่อน ว่าจะออกมาเป็นเช่นไร
"โก๋อุ้ม" และทัพ "ปราสาทสายฟ้า" จะยังรักษาบัลลังก์ได้หรือไม่ ฤดูกาลนี้จะได้รู้กัน