เหตุผลที่ตระกูลเกลเซอร์จะขายสโมสร
ในขณะที่บรรดาแฟนบอล "ปีศาจแดง" ประกาศชัดเจนว่าไม่เอาเจ้าตระกูลเกลเซอร์อย่างแน่นอนทาง ไมเคิ่ล ไนท์ตัน นักธุรกิจสัญชาติอังกฤษ ก็เดินเกมเพื่อพยายามซื้อกิจการของสโมสรให้ได้
ถึงกระนั้นยังไม่วี่แววว่าเจ้าของทีมคนปัจจุบันจะขายสโมสร แต่หากผลงานยังเป็นแบบนี้ต่อไป หลายสิ่งหลายอย่างอาจจะบีบให้พวกเขาต้องทำอะไรสักอย่าง
ไม่แน่ว่าการขายสโมสรไปอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด และนี่คือ 5 เหตุผลที่ว่าทำไมตระกูลเกลเซอร์มีโอกาสที่จะขาย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไป
ฟันกำไรมหาศาล
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2005 ตระกูลเกลเซอร์กู้เงินเพื่อเข้ามาซื้อสโมสรในราคา 790 ล้านปอนด์ ก่อนที่จะเปลี่ยนก้อนดังกล่าวจากของตัวเองเป็นของสโมสรแทน
ช่วงเวลาดังกล่าวทีมยังอยู่ภายใต้การคุมทัพของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และสโมสรก็ยังประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องกระทั่งปี 2013 ที่ "ป๋า" วางมือไป
นั่นคือจุดเริ่มต้นความตกต่ำเพราะจนถึงปัจจุบันทีมคว้าแชมป์บอลถ้วยเพียง 3 รายการและไม่ได้ใกล้เคียงกับการกลับไปได้แชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามแม้ผลงานจะย่ำแย่แต่ปัจจุบันคาดกันว่ายูไนเต็ดมีมูลค่าสูงถึง 4 พันล้านปอนด์ ซึ่งหากขายออกไปตระกูลเกลเซอร์จะฟันกำไรมากกว่า 5 เท่าเมื่อเทียบกับตอนซื้อมา ยังไม่รวมเงินปันผลที่พวกเขาเก็บเข้ากระเป๋าไปแล้วอีกด้วย
ประหยัดเงินของตัวเอง
ถ้าตระกูลเกลเซอร์ยังยื้อที่จะทำทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อไป แน่นอนว่าพวกเขาคงต้องจ่ายเงินอีกไม่น้อยเลยในการพาสโมสรกลับมาอยู่แถวหน้าของประเทศและยุโรปอีกครั้ง
ด้วยผู้เล่นชุดปัจจุบันนั้นถูกมองว่าไม่ดีพอที่จะทำแบบนั้นได้ และการผ่าตัดทีมครั้งใหญ่เป็นสิ่งที่จำเป็น ซึ่งนั่นหมายถึงเงินจำนวนมหาศาลที่สโมสรจะต้องลงทุนในการดึงแข้งระดับโลกเข้ามา
นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องของสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ดและสนามซ้อมรวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหลายที่ต้องใช้เงินมากกว่า 1 พันล้านปอนด์แน่นอน
นั่นคือสิ่งที่ตระกูลเกลเซอร์ต้องทุ่มลงไป และที่พวกเขายังไม่ปรับปรุงสนามนั้นอาจจะเป็นตัวบ่งบอกว่าพวกเขาอาจจะรอให้เจ้าของใหม่เข้ามาจัดการเรื่องนี้เองก็เป็นได้
มีแต่คนเกลียด
อาจจะไม่ใช่ 100 เปอร์เซ็นต์ขนาดนั้น แน่นอนว่าคนที่ทำงานใกล้ชิดและบอร์ดบริหารอาจจะพอใจที่ตระกูลเกลเซอร์ครอบครองสโมสรอยู่
แต่กับแฟนบอลนั้นเกือบทั้งหมดแทบจะไม่เอาพวกเขาแล้ว แม้แต่ในตอนที่ทีมได้ถ้วยรางวัลยังโดนไล่ นับประสาอะไรกับปัจจุบันที่ทีมพุ่งชนกับความล้มเหลวมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่คู่แข่งเริ่มทิ้งห่างไปไกล
ตำนานนักเตะของสโมสรทั้ง แกรี่ เนวิลล์, รอย คีน และ พอล สโคลส์ ที่ปัจจุบันทำหน้าที่กูรูในหลายสื่อต่างก็โจมตีเจ้าของทีมปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง
ต่อให้ท้ายที่สุดแล้วยอมทุ่มเงินดึงนักเตะบิ๊กเนมเข้ามา แต่เชื่อได้เลยว่าคงไม่อาจเปลี่ยนใจให้แฟนบอลมารักได้อยู่ดีนั่นแหละ
สิ่งต่างๆอาจเลวร้ายมากขึ้นกว่าเดิม
ข้อนี้เชื่อมโยงกับข้อก่อนหน้าที่สิ่งต่างๆอาจจะยิ่งแย่ลงไปอีก กับผลงานที่สวนทางกับคู่แข่งแย่งแชมป์ทีมอื่น
ในซัมเมอร์นี้ทีมได้นักเตะร่วมทีมเพียง 3 รายที่ต้องบอกว่าไม่ใช่พวกระดับท็อปที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงสโมสรได้ ในขณะที่ ราล์ฟ รังนิก ที่ทำหน้าที่กุนซือชั่วคราวเมื่อซีซั่นที่แล้วยังเคยบอกว่ายูไนเต็ดต้องการนักเตะเพิ่มถึง 10 คน
แค่เกมแรกของฤดูกาลนี้ทีมก็รวมตัวกันประท้วงขับไล่มาแล้ว หรือย้อนกลับไปในฤดูกาลที่ผ่านมาก่อนเกม "แดงเดือด" กับ ลิเวอร์พูล ก็พากันเข้าไปในสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ดจนเกมถูกเลื่อนมาแล้ว
แถมสัปดาห์หน้าโปรแกรมนี้จะกลับมาอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้มีการรณรงค์บรรดาแฟนผีทั้งหลายไม่ให้ชมเกมที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดด้วย ก็รอดูกันว่าสุดท้ายในสนามจะมีที่ว่างให้ได้เห็นกันรึเปล่า
เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำ
ตระกูลเกลเซอร์ยืนยันว่าพวกเขามีเจตจำนงที่มีเกียรติ ดังนั้นสิ่งที่มีเกียรติในอตนนี้คือการเดินทางไปและปล่อยให้สโมสรอยู่ในมือของเจ้าของที่ดีกว่า
ในช่วงเวลาที่สโมสรกำลังเป็นหนี้และจำเป็นต้องมีการเสริมทีมเป็นอย่างยิ่งเพื่อต่อกรกับบรรดาทีมนำ แต่เขากลับเลือกปันผลให้ผู้ถือหุ้นสร้างความไม่พอใจอย่างมาก
ตรงข้ามกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เชลซี ที่ลงทุนในตลาดมหาศาลในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้พวกเขายกระดับไปอีกขั้นและประสบความสำเร็จในรูปแบบของแชมป์เป็นชิ้นเป็นอัน
ยูไนเต็ดต้องการเจ้าของที่มีความร่ำรวย เอาใจใส่สโมสรมากพอที่จะเข้ามาชมเกมในสนามทุกนัดและแสดงความทุ่มเทในแบบที่ตระกูลเกลเซอร์ไม่เคยทำให้เห็นเลย