แบบทดสอบชีวิตกับ คาลิดู คูลิบาลี่
ในวัย 31 ปี คาลิดู คูลิบาลี่ กลายมาเป็นความหวังใหม่ในแนวรับของพลพรรค “สิงโตนำ้เงินคราม” แน่นอนว่า ประสบการณ์ และฝีเท้าของเขา น่าจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในแผงหลังได้พอสมควร ถือว่ามีอนาคตที่ดีเฝ้ารออยู่ พร้อมกับมีเกียรติยศให้เขาเก็บเกี่ยว
เส้นทางลูกหนังของคูลิบาลี่ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นอกจากการพิสูจน์ตัวเองกับลีกยุโรป เขายังต้องเจอกับแบบทดสอบมาอย่างมากมาย โดยเฉพาะความท้าทายในเรื่องของจิตใจ แน่นอนว่า ปัญหาใหญ่อย่าง “การเหยียดผิว” ถือเป็นหนึ่งสิ่งที่เขาต้องเผชิญ
ช่วงนี้ คูลิบาลี่ จะมาย้อนความทรงจำ สมัยที่เขายังเล่นกับนาโปลี และต้องเจอกับการเหยียดผิวอย่างหนักหน่วง โดยเฉพาะจากแฟนบอลฝ่ายตรงข้าม ที่อยากเล่นงานใส่เขา กระนั้น ทั้งหมดต่างเป็นบทเรียนสอนใจ และเป็นสิ่งที่ทำให้เขากลายเป็นปราการหลังที่แข็งแกร่งเหมือนทุกวันนี้
"ครั้งแรกที่ผมเจอกับการเหยียดผิวในสนามฟุตบอล คือเกมที่เจอกับลาซิโอ ไม่กี่ฤดูกาลที่ผ่านมา” คาลิดู คูลิบาลี่ ย้อนความทรงจำ สมัยที่ย้ายมาเล่นในศึกกับโช่ เซเรีย อา อิตาลี พร้อมกับการเจอประสบการณ์ที่แสนจะเลวร้าย เมื่อโดนแฟนบอลบางส่วนเหยียดผิว
“ทุกครั้งที่ผมสัมผัสบอล ผมจะได้ยินเสียงโห่จากแฟนบอล ตอนแรกผมก็ไม่แน่ใจว่าเป็นการคิดไปเองหรือไม่ ?" ปราการหลังเชื้อสายเซเนกัล ที่เกิด และเติบโตที่ประเทศฝรั่งเศส เล่าต่อไป โดยเป็นจุดเริ่มต้น ที่ช่วยหล่อหลอมให้เขากลายเป็นคนที่แข็งแกร่งมากขึ้น
"เมื่อจังหวะบอลตายแล้ว ผมหันไปถามเพื่อนร่วมทีมว่า -แฟนบอลจงใจทำแบบนั้นกับผมคนเดียวหรอ?- การแข่งขันยังดำเนินต่อไป ผมเริ่มรู้แล้วว่า เมื่อผมสัมผัสบอล แฟนบอลลาซิโอ จะทำเสียงลิงใส่ผม หลายครั้งที่ผมอยากเดินออกจากสนามไปเลย"
"ผมคิดในใจว่า -ทำไมพวกเขาถึงทำแบบนี้ เพียงแค่ผมเป็นคนผิวดำหรอ ? หรือว่าการมีสีผิวแบบนี้ คือเรื่องที่ไม่ปกติของโลกใบนี้ ?- คุณแค่เล่นฟุตบอลที่คุณรัก เหมือนที่ทำมานับพันครั้ง คุณรู้สึกเจ็บปวด และรับรู้ถึงการดูถูก คุณเริ่มรู้สึกละอายใจในตัวเอง"
"โดยหลังจากนั้น ผู้ตัดสินตัดสินใจเป่าหยุดเกม เขาเดินมาบอกกับผมว่า -ฉันอยู่ข้างนายนะ อย่าเป็นกังวลไปเลย เรามาหยุดเสียงเหล่านี้กันเถอะ หากว่านายไม่ต้องการที่จะอยู่จนจบเกม บอกให้ฉันรู้ได้นะ-"
"ผมคิดว่านี่คือความกล้าหาญของกรรมการ แต่ผมบอกกับเขาไปว่า ผมต้องการต่อสู้จนจบเกม จากนั้นประมาณ 3 นาที เราก็กลับมาแข่งขันต่ออีกครั้ง .... แต่เสียงโห่ยังไม่จางหายไป"
"เมื่อกรรมการเป่านกหวีดจบเกม ผมเดินกลับเข้าอุโมงค์ พร้อมกับความโกรธอย่างมหาศาลเลยล่ะ อย่างไรก็ตาม ผมยังคงไม่ลืมบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญ นั่นคือก่อนเริ่มเกมการแข่งขัน เด็กมาสค็อตที่เดินจับมือผมลงสู่สนาม เขาเอ่ยปากขอเสื้อแข่งของผมไว้ ผมให้สัญญากับเขาไปว่า เดี๋ยวจะเอามาให้หลังจากจบเกม"
"ผมพยายามมองหาเด็กมาสค็อตคนนั้น ก่อนที่จะเจอเขาอยู่บนอัฒจันทร์ ผมมอบเสื้อแข่งให้กับเขา ก่อนที่เด็กคนนี้จะพูดกับผมว่า -ผมขอโทษด้วยนะครับ กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณในวันนี้-"
"มันเป็นคำพูดที่กระทบใจของผมเป็นอย่างมาก ที่เด็กตัวเล็กๆต้องมากล่าวขอโทษแทนผู้ใหญ่หลายคน สิ่งแรกที่เด็กคิด นั่นคือผมจะรู้สึกอย่างไรกันนะ ?"
"ผมตอบเขาไปว่า -เรื่องเหล่านี้มันไม่สำคัญหรอก ขอบคุณหนูมากนะ-" คาลิดู คูลิบาลี่ ทิ้งท้าย